ไล่ล่าเดือด! หนุ่มพี้กัญชาหนักเติมน้ำมันแล้วไม่จ่าย ไล่ล่าทะลุข้าม 6 อำเภอ ก่อน ตร.ยิงล้อสยบสิ้นฤทธิ์
(13 ก.ค.68) เหตุการณ์รถยนต์บรรทุก 4 ล้อใหญ่สีขาวแบบตู้ทึบกะบังลมสีชมพูเหนือเก๋ง กำลังถูกรถยนต์สายตรวจอย่างน้อย 3 สถานี ไล่ล่าบนถนนสายพรหมคีรี-นครศรีธรรมราช ช่วงทางเข้าบ้านเขาปูน ตำบลพรหมโลก อำเภอพรหมคีรี และมีการไล่ล่าอย่างต่อเนื่องมาตามเส้นทางมุ่งหน้าสู่ตัวเมืองนครศรีธรรมราช อีกหลายกิโลเมตร
ก่อนเจ้าหน้ที่ตัดสินใจยิงล้อหลังซ้ายสกัดจนยางระเบิด ไม่สามารถไปต่อได้สิ้นฤทธิ์ บริเวณหน้าเทศบาลตำบลท่างิ้ว อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช เจ้าหน้าที่เข้าคุมตัวยังอยู่ในสภาพมึนๆพูดจาไม่รู้เรื่องจากนั้นจึงคุมตัวสวมเครื่องพันธนาการท่ามกลางความโล่งใจของผู้ใช้รถใช้ถนน
หลังจากคุมตัวให้ตั้งสติดพบว่ายังพูดจาไม่อยู่กับร่องกับรอย ระบุว่าชื่อ “โบ๊ท” เป็นคนแถวนี้ แต่มีญาติอยู่ที่แพรกษา สมุทรปราการ ขับรถยนต์บรรทุก 4 ล้อคันนี้มาจาก กทม.มายังอำเภอพระพรหม เพื่อกลับบ้าน เมื่อถามว่าเสพยามาหรือไม่ ชายคนนี้ระบุว่าไม่ได้เสพยาแต่เสพเนื้อ (กัญชา) ทุกวัน และเมื่อถามว่าเติมน้ำมันมาจากอำเภอนาบอนแล้วไม่จ่ายเงิน กลับตอบว่าจำไม่ได้ ส่วนสาเหตุที่หนีตำรวจมาต่อเนื่องนั้นเนื่องจากกลัวตำรวจจับไม่มีใบขับขี่ ขับรถหนีเรื่อยๆคงหนีพ้น
ต่อมาตำรวจได้ตรวจค้นรถบรรทุกพบว่าระวางบรรทุกว่างเปล่าแต่ยังไม่ปักใจเชื่อจึงตรวจยึดเพื่อทำการตรวจสอบ และพบบัตรประจำตัวชายคนนี้ทราบชื่อคือนายพรรษา อายุ 22 ปี
สำหรับจุดเริ่มต้นการไล่ล่านั้นช่วงเช้าที่ผ่านมาตำรวจ สภ.นาบอน นครศรีธรรมราช รับแจ้งจากสถานีบริการน้ำมันในตำบลแก้วแสน ว่ารถบรรทุกคันนี้เติมน้ำมันแล้วไม่จ่ายเงินได้ขับรถหลบหนีอย่างหวาดเสียว ต่อมาได้มีการเริ่มไล่ล่าปรากฏว่านายพรรษาหรือโบ๊ท ขับรถหลบหนีพ้นจากอำเภอนาบอน เข้าเขตอำเภอทุ่งสง ทะลุมายังอำเภอร่อนพิบูลย์ อำเภอพระพรหม อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ก่อนหลุดต่อไปยังอำเภอพรหมคีรี
จากนั้นได้วกกลับมาที่อำเภอเมืองอีกครั้ง ก่อนมาจนมุมที่เขตตำบลท่างิ้ว อำเภอเมือง นครศรีธรรมราช โดยตลอดเส้นทางเจ้าหน้าที่ได้ไล่ล่าสกัดราวกับหลุดมาจากในหนังก่อนมาสิ้นฤทธิ์ ใช้เวลาไล่ล่ากว่า 2 ชม. จนถูกคุมตัวได้ โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ยึดรถตรวจสภาพอย่างละเอียด เพื่อตรวจสอบสิ่งผิดกฎหมาย รวมทั้งตรวจปัสสาวะ ขณะเดียวกันได้แจ้งข้อหาขับรถโดยประมาทหวาดเสียวอันอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้อื่น จับรถไม่คำนึงถึงความปลอดภัย หลบหนีการจับกุมของเจ้าพนักงาน เป็นข้อหาแรก และคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนแล้ว.