"บิ๊กเล็ก" สั่งงดให้ความช่วยเหลือกัมพูชา จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
"บิ๊กเล็ก" สั่งการหน่วยงานสังกัดกระทรวงกลาโหม งดให้ความช่วยเหลือกัมพูชาจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น สั่งยกระดับ การรักษาความปลอดภัยในหน่วยงานและไซเบอร์ พร้อมย้ำ ให้เร่งรัดช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัย
เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 ที่ศาลาว่าการกระทรวงกลาโหม พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยถึงการประชุมสภากลาโหม ร่วมกับผู้บัญชาการเหล่าทัพในวันนี้ว่า เป็นการประชุมสภากลาโหมนัดแรก หลังเกิดสถานการณ์ปะทะบริเวณชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชา ซึ่งได้เน้นย้ำและสั่งการในที่ประชุมหลายเรื่อง เช่น การเตรียมการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 โดยเน้นย้ำให้ทุกหน่วยในสังกัดกระทรวงกลาโหม จัดกิจกรรมอย่างสมพระเกียรติ
นอกจากนี้ ได้ขอบคุณกำลังพลจากทุกเหล่าทัพ รวมถึงทหารพราน และตำรวจตระเวนชายแดนทุกนาย ที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละ เข้มแข็ง และอดทน ในการรักษาอธิปไตยของชาติ และการป้องกันประเทศ จากสถานการณ์ตึงเครียดบริเวณแนวชายแดนไทยกัมพูชาในห้วงเวลาที่ผ่านมา รวมทั้งได้แสดงความอาลัยอย่างสุดซึ้ง ต่อการจากไปของวีรชนทุกนาย และขอสดุดีไว้ทั้งเกียรติคุณของท่าน ที่ได้อุทิศชีวิตและเลือดเนื้อ เพื่อปกป้องเอกราชของชาติ
ทั้งนี้ เป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยทั้งทหาร ทหารพราน และตำรวจตระเวนชายแดนที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาขณะนี้
ทั้งนี้ พลเอก ณัฐพล ได้แจ้งหน่วยต่าง ๆ เพื่อเร่งรัดในการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ และพื้นที่อื่น ๆ ทั่วประเทศ พร้อมย้ำว่า แม้ในปัจจุบันกองทัพจะให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาบริเวณชายแดนไทยกัมพูชา แต่ปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน เราก็ไม่ได้ละเลย หน่วยที่ไม่ได้ติดภารกิจในด้านชายแดนไทยกัมพูชา ก็ขอให้ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างเต็มขีดความสามารถ
นอกจากนั้น ได้เน้นย้ำ ให้เข้มงวดมาตรการรักษาความปลอดภัย ในการคัดกรองผู้ที่เดินทางเข้าออกหน่วยงานต่าง ๆ และการดูแลรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ เน้นย้ำว่าให้ยกระดับขึ้นมาในช่วงนี้
พลเอก ณัฐพล กล่าวอีกว่า ได้มอบนโยบายเพิ่มเติมว่าในขณะนี้ให้ระงับความร่วมมือทางทหารกับกัมพูชา จนกว่าสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างทั้งสองประเทศจะดีขึ้น เนื่องจากยังมีโครงการแลกเปลี่ยนด้านการศึกษากันอยู่ รวมทั้งได้สั่งการให้สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม โดยเฉพาะ สำนักนโยบายและแผน และกรมพระธรรมนูญ สนับสนุนความช่วยเหลือด้านกฎหมายให้กับกองบัญชาการกองทัพไทย ในการปฏิบัติภารกิจดังกล่าว