ดอกเบี้ยพุ่ง “กทม.” อ่วม เร่งเคาะแนวทางจ่ายหนี้ “รถไฟฟ้าสายสีเขียว” 2.7 หมื่นล้าน
ปัญหาหนี้ค้างชำระค่าเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวระหว่างกรุงเทพมหานคร (กทม.) และบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ซึ่งมีมูลค่ารวม 27,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก คือ หนี้ที่อยู่ระหว่างการฟ้องร้องในชั้นศาลปกครองและหนี้ที่เกิดขึ้นจากการเดินรถจริง หลังจากการฟ้องร้องยังคงเป็นประเด็นที่สร้างความหนักใจให้กับ กทม.
นายวิษณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการ กรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ความคืบหน้าการจ่ายหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1 ช่วงอ่อนนุช - แบริ่งและช่วงกรุงธนบุรี - บางหว้า และส่วนต่อขยายที่ 2 ช่วงแบริ่ง - เคหะสมุทรปราการ และช่วงหมอชิต - สะพานใหม่ – คูคต ให้กับบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซี นั้น
ทั้งนี้ในปัจจุบันกทม.ได้มีการหารือภายในและปรึกษาหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสำนักงานอัยการสูงสุดและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อหาแนวทางจ่ายหนี้ โดยอัยการสูงสุดยังไม่กล้าให้ความเห็นถึงประเด็นดังกล่าว เนื่องจากคดีที่เอกชนฟ้องร้องนั้นยังอยู่ในชั้นศาลปกครองพิจารณา
ส่วนประเด็นที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดเกี่ยวข้องกับสัญญาในอดีต ซึ่งยังไม่ได้รับการตอบกลับอย่างเป็นทางการ จึงยังไม่สามารถดำเนินการจ่ายเงินได้
นายวิษณุ กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันบริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดำเนินการเดินรถให้กับ กทม. ได้ทำหนังสือถึงกทม.ให้พิจารณาการชำระจ่ายหนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียวบางส่วน เพื่อลดภาระดอกเบี้ย โดยมุ่งเน้นการชำระหนี้ในส่วนที่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีการเดินรถจริงและมีต้นทุนที่เหมาะสม ไม่ใช่การจ่ายหนี้ตามที่ BTS เรียกเก็บทั้งหมด ซึ่งแนวทางนี้สอดคล้องกับความเห็นข้างน้อยของคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ระบุให้จ่ายตามต้นทุนที่แท้จริง
"จากหนังสือที่บริษัทเคทีเสนอมายังกทม.นั้น มองว่าหากเราไม่ชำระหนี้สักบาท ดอกเบี้ยก็จะเดินอยู่ตลอดเวลา ปัจจุบันมีดอกเบี้ยอยู่ที่ประมาณ 5.4 ล้านบาทต่อวัน” นายวิษณุ กล่าว
อย่างไรก็ดีจากข้อเสนอของบริษัทเคที จะถูกนำเข้าหารือในที่ประชุมคณะกรรมการวิสามัญของสภากรุงเทพมหานคร ก่อนจะนำเสนอต่อสภา กทม. เพื่อพิจารณาอนุมัติงบประมาณเพื่อชำระหนี้ในส่วนที่ประเมินแล้วว่าเหมาะสม แม้จะยังไม่มีการระบุตัวเลขที่ชัดเจน แต่คาดว่าจะสามารถสรุปแนวทางและมีมติจ่ายหนี้บางส่วนได้ภายในสิ้นปีนี้
สำหรับภาระหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่กทม.ค้างชำระในปัจจุบัน ดังนี้ 1.หนี้ที่เกิดจาก BTS ฟ้องร้องครั้งที่ 2 ส่วนต่อขยาย 1 และ 2 ( เดินรถช่วง มิ.ย. 2564‐ต.ค. 2565) ซึ่งกทม.ค้างชำระจำนวนเงิน 12,245 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาลปกครอง
2.หนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) ส่วนต่อขยายที่ 1 และ 2 หลังจากฟ้องร้องครั้งที่ 2 ประมาณ 15,000 ล้านบาท อยู่ระหว่างการพิจารณาแนวทางการชำระเงิน เนื่องจากมีประเด็นของ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด
นายวิษณุ กล่าวต่อว่า ด้านความคืบหน้าสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่จะหมดสัญญาในปี 2572 นั้น เมื่อช่วง 2 เดือนที่ผ่านมากทม.ได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาเพื่อศึกษาแนวทางบริหารจัดการสัมปทาน รวมถึงนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายด้วย ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาศึกษาประมาณ 1 ปี
อย่างไรก็ดีการศึกษาในครั้งนี้จะครอบคลุมถึงรูปแบบสัญญาการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) ในอนาคตว่าจะเป็น PPP Net Cost หรือ PPP Gross Cost หรือรูปแบบใด ซึ่งตามแผนหากศึกษาแล้วเสร็จจะเสนอเข้าคณะกรรมการ (PPP) ,สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบต่อไป
นอกจากนี้ในประเด็นที่สัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวยังติดเรื่องคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และการยกเลิกมาตรา 44 นั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ยกเลิกมาตรา 44 เพื่อให้การดำเนินการบริหารจัดการเป็นไปตามกฎหมายปกติ