“สอน.” ดึงนวัตกรรมติดตามอ้อยไฟไหม้ดันไทยไบโอฮับ ออฟอาเซียนปี 70
นายใบน้อย สุวรรณชาตรี เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานปีงบประมาณ 2569 ของ สอน. ว่า จะดำเนินการปั้นอุตสาหกรรมไทยสู่ชุมชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มรายได้เกษตรกรชาวไร่อ้อยน้ำตาลทรายและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมชีวภาพ เพื่อให้ประเทศไทยเป็นไบโอฮับ ออฟอาเซียน ภายในปี 2570 พัฒนาพลาสติกชีวภาพ
โดยจะช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อม ลดการเผาอ้อย การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และฝุ่น PM 2.5 สร้างเครือข่าย Center of BioExcellent รวมถึงการใช้เทคโนโลยีในการเพิ่มผลิตผลอ้อยประสิทธิภาพน้ำตาลทราย สร้างนวัตกรรมเกษตรอัจฉริยะ
ทั้งนี้ จากสถานการณ์อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายของไทยปีการผลิต 2567/2568 มีชาวไร่อ้อยขึ้นทะเบียน 430,357 ราย พื้นที่ปลูกอ้อย 11.13 ล้านไร่ ปริมาณอ้อยเข้าหีบ 92.04 ล้านตัน เฉลี่ยผลิตน้ำตาลได้ต่อตาลอ้อย 109.19 กิโลกรัม/ตัน
ส่วนปี 2567 อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศมากกว่า 184,000 ล้านบาท ขณะที่ปี 2568 เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาเพียงครึ่งปี สามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศไปแล้วมากกว่า 92,500 ล้านบาท
สำหรับสถานการณ์การค้าน้ำตาลโลกนั้น จากข้อมูลองค์การน้ำตาลระหว่างประเทศ International Sugar Organization หรือ ISO ประเทศไทยมีสัดส่วนการผลิตน้ำตาลโลกอยู่ที่ 5% ถือเป็นผู้ผลิตน้ำตาลอันดับ 5 รองจากบราซิล อินเดีย สหภาพยุโรป และจีน โดยมีสัดส่วนในการส่งออกน้ำตาลโลกอยู่ที่ 9% เป็นอันดับ 2 รองจากบราซิล สูงกว่าอินเดียในปีที่ผ่านมา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของอุตสาหกรรมน้ำตาลที่แข็งแรงของไทย จนมีบทบาทที่สำคัญต่อตลาดน้ำตาลของโลก
นายใบน้อยยังได้กล่าวถึงผลการดำเนินงานประจำปี 2568 ด้วยว่า สอน.มุ่งเน้นในการปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ทันสมัยสะอาด สะดวกโปร่งใส โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้านการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 จากการเผาอ้อยในฤดูการผลิตปี 2567/2568 สอน. ได้ดำเนินการตามมาตรการแก้ไขปัญหาการเผาอ้อย เพื่อลดปัญหาฝุ่นมลพิษ PM 2.5 ใน 6 มาตรการ ซึ่ง 1 ใน 6 มาตรการคือ การส่งเสริมเทคโนโลยีและเครื่องจักรกลสนับสนุนเครื่องจักรกลทางการเกษตรส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาใช้เทคโนโลยีติดตามการเผาและร่องรอยการเผาไหม้ในไร่อ้อยด้วยดาวเทียม ที่ได้พัฒนาแพลตฟอร์ม Burn Tracking ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญร่วมกับ บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน)
นายใบน้อย กล่าวอีกว่า จากการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว สามารถลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 จากการเผาอ้อยปีที่ผ่านมา ทำให้มีปริมาณอ้อยสดเข้าหีบสูงสุดที่ 85% 78.3 ล้านตัน ปริมาณเผาอ้อยเข้าหีบเพียง 15% 13.68 ล้านตัน ลดลงจากฤดูการผลิตปี 2566/2567 ที่มีปริมาณการเผาอ้อยเข้าหีบทั้งฤดูกาลผลิตกว่า 29% 24 ล้านตัน ลดการเผาอ้อยลงได้กว่า 10 ล้านตัน เทียบเท่าลดการเผาป่าลงได้กว่า 1 ล้านไร่ หรือลดการปลดปล่อย PM 2.5 ลงได้กว่า 5,000 ตัน/ปี ซึ่งต่ำกว่าเป็นประวัติการณ์
“แพลตฟอร์มติดตามร่องรอยการเผาไหม้ในไร่อ้อย เป็นเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศระบบดาวเทียมผสานกับการวิเคราะห์ข้อมูลด้วย AI จะเป็นเครื่องมือสำคัญอย่างเป็นทางการที่จะช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อม
ลดการเผาอ้อย การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และฝุ่น PM 2.5 อย่างครอบคลุม”
นายปฐมภพ สุวรรณศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ที่ผ่านมา ไทยคม ได้ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนหลายแห่ง ในการนำเทคโนโลยีอวกาศ หรือ Space Tech มาคิดค้นนวัตกรรมและบริการเพื่อพัฒนาการแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
สำหรับความร่วมมือกับสอน. ดังกล่าวเพื่อร่วมพัฒนาแพลตฟอร์มติดตามร่องรอยการเผาไหม้ในไร่อ้อย ด้วยเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศจากระบบดาวเทียมผสานกับการวิเคราะห์ข้อมูลด้วย AI เพื่อการส่งเสริมสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การลดฝุ่น PM 2.5
แพลตฟอร์มนี้เรียกอีกอย่างว่า Burn Tracking เป็นระบบวิเคราะห์เพื่อติดตามการเผาและร่องรอยการเผาไหม้ในไร่อ้อย ด้วยเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศระบบดาวเทียม โดยจะแสดงผลการวิเคราะห์ภาพรวมของการเผาไหม้ในพื้นที่ปลูกอ้อยในรูปแบบ Dashboard เพื่อให้สามารถติดตามสถานการณ์ได้สะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ พร้อมแสดงผลการวิเคราะห์ข้อมูลพื้นที่ปลูกอ้อย ผลผลิตอ้อย การคาดการณ์ปริมาณอ้อยเข้าโรงงาน
รวมถึงจุดความร้อนและพื้นที่ที่มีร่องรอยการเผาไหม้ โดยนำเสนอในรูปแบบแผนที่เชิงพื้นที่ อำนวยความสะดวกและเพิ่มความรวดเร็วในการนำข้อมูลผลการวิเคราะห์ไปใช้งาน โดยสามารถส่งออกข้อมูลได้ทั้งในรูปแบบไฟล์ PDF และ CSV สามารถรับข้อมูลข่าวสาร พูดคุยสอบถามกับเจ้าหน้าที่ และรับการแจ้งเตือนจุดความร้อนในพื้นที่ปลูกอ้อยได้อย่างสะดวก ผ่าน Line Official Account