Business Today Thai Politics 16 กรกฎาคม 2568
‘เดชอิศม์’ โวยกลาง ครม. งบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้าน กระจุกตัวพื้นที่ฐานเสียงภูมิใจไทย
วันนี้ (16 ก.ค.) นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยถึงการหารือเรื่องงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.57 แสนล้านบาท ซึ่งยังเหลือส่วนที่ยังไม่จัดสรรอีกกว่า 40,000 ล้านบาท ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ โดยแสดงความไม่พอใจถึงการกระจายงบประมาณที่ไม่เป็นธรรม
นายเดชอิศม์ระบุว่า งบประมาณในส่วนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพบว่า “มีการกระจุกตัวอย่างเห็นได้ชัด” บาง อบต. ขนาดเล็กได้รับงบสูงถึง 60-70 ล้านบาท ขณะที่บางพื้นที่กลับไม่ได้รับการจัดสรรงบเลย พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าการจัดสรรควรกระจายอย่างเท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ
เมื่อสอบถามไปยังที่ประชุม ได้รับคำชี้แจงว่ายังไม่มีการจัดสรรงบลงพื้นที่ จึงเสนอว่า ควรพิจารณาทบทวนการจัดสรรใหม่ โดยเฉพาะพื้นที่ที่เพิ่งมีการเลือกตั้งท้องถิ่นแต่ยังไม่ได้รับการรับรองจาก กกต. ซึ่งส่งผลให้ท้องถิ่นเหล่านั้นเสียโอกาสในการพัฒนา
ทั้งนี้ ที่ประชุม ครม. ได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ตรวจสอบและพิจารณาว่าสามารถจัดเกลี่ยงบประมาณใหม่ได้หรือไม่ โดยจะมีการประชุมเพื่อหาข้อสรุปภายใน 1-2 วันนี้
นายเดชอิศม์ยังกล่าวถึงพื้นที่ที่มีการกระจุกงบประมาณ ได้แก่ จังหวัดกระบี่ สตูล และบุรีรัมย์ ซึ่งเมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่าเป็นพื้นที่ฐานเสียงของพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ เจ้าตัวยอมรับว่า “น่าจะเป็นเช่นนั้น” พร้อมวิจารณ์ว่า “งบกระจุกตัวจนดูน่าเกลียด” และย้ำว่า รัฐบาลควรดำเนินการอย่างเป็นธรรมและโปร่งใส เพื่อให้ทุกพื้นที่มีโอกาสพัฒนาอย่างเท่าเทียมกัน
“อนุทิน” โต้ “เดชอิศม” กล่าวหาทุ่มงบฯ ลง อบจ. สีน้ำเงิน
รัฐสภา วันนี้ (16 ก.ค.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีนายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยให้สัมภาษณ์กล่าวหาเรื่องงบประมาณกระจุกไปที่พรรคภูมิใจไทยไม่กระจายออกมา และขอให้เกลี่ยใหม่ ว่า ให้เป็นเรื่องของกรมการปกครองส่วนท้องถิ่นกระทรวงมหาดไทยนำเสนอขึ้นมา
ซึ่งรัฐมนตรีมีหน้าที่เซ็นต์ เพราะเมื่อท้องถิ่นมีการเสนอขึ้นมาก็จะสรุปไปยังคณะกรรมการพิจารณาในส่วนของกระทรวงการคลัง ไม่เกี่ยวกับเป็นงบประมาณกระจุกหรือกระจาย
ส่วนที่บอกว่ากระจายไปที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดที่เป็นจังหวัดของพรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน บอกว่า เป็นข้อความที่ไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง เพราะเดี๋ยวนี้องค์การบริหารส่วนจังหวัดและเทศบาล สามารถเสนองบโดยตรงไปที่สำนักงบประมาณได้ กระทรวงมหาดไทยมีอำนาจทำได้แค่องค์การบริหารส่วนตำบลเท่านั้น
ส่วนดูแล้วใครเป็นฝ่ายแค้นกันแน่ นายอนุทิน ยิ้ม ก่อนบอกว่าให้ประชาชนตัดสิน
ส่วนเมื่อกางงบฯ มาแล้วส่วนใหญ่อยู่ที่พรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ นายอนุทิน บอกต้องไปดูว่าไปอยู่กระทรวงไหนเยอะที่สุด ควรไปถามตรงนั้น
ผู้สื่อข่าวย้ำถามว่าเหนื่อยหรือไม่ที่มหาดไทยโดนจองกฐินเยอะ นายอนุทิน บอกว่า ไม่เหนื่อย เพราะออกมาแล้ว ไม่เหนื่อย ไม่เกี่ยวกัน ตนไม่ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยแล้ว
ส่วนหลังจากนี้เหมือนจะมีการเช็คบิลมาเรื่อยๆ นายอนุทิน ถามกลับว่า เช็คบิล แปลว่า “พวกผมทำอะไรผิดหรอ มันไม่ใช่ พวกเราไม่เคยทำอะไรผิด“
“สส.เท้ง“ แถลงผิดหวังร่างนิรโทษกรรม ฉบับ ปชน-ปชช.ถูกปัดตก**
รัฐสภา วันนี้ ( 16 ก.ค.) นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และ หัวหน้าพรรคประชาชน แถลงข่าวภายหลังสภาฯโหวตร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ว่า ตนในฐานะหัวหน้าพรรคและสมาชิกพรรคมาแถลงผลการลงมติ
ซึ่งผลพบว่าผ่าน 3 ร่าง มีเพียงร่างของพรรคประชาชน และภาคประชาชนไม่ผ่านรับหลักการในวาระที่ 1 ตนเข้าใจเพื่อนและประชาชนที่รู้สึกผิดหวัง รู้สึกโกรธ ไม่พอใจ และการนิรโทษกรรมมีแนวโน้มที่จะนิรโทษให้บางกลุ่ม ไม่สามารถแก้ไขความขัดแย้งได้จริง ตนและเพื่อนสมาชิกขอยืนยันว่า เราเชื่อในระบบรัฐสภาฯ ซึ่ง 3 ร่างที่ผ่านการพิจารณาในวาระที่ 1 โดย 2 ใน 3 ร่าง ยังเปิดกว้างอยู่
สัดส่วนกรรมาธิการพรรคประชาชน จะใช้กลไกทุกอย่างในสภา เพื่อเปิดประตูเปิดกว้างในนิรโทษกรรมให้ครอบคลุมทุกฝ่ายให้มากที่สุด ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกตนมายืนยันในการทำหน้าที่ต่อไป เข้าใจความรู้สึกทุกคน ตนเป็นอีกคนในฐานะประชาชนที่ร่วมทำงานล่ารายชื่อกับไอลอว์ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตนทราบดีว่าเรื่องเสนอร่างกฎหมายมาจากประชาชนนั้นมีตวามลำบากกว่าร่างของ สส. ซึ่งตนได้คาดหวังร่างของภาคประชาชนจะผ่านเพื่อจะได้มีสัดส่วนกรรมาธิการภาคประชาชนเข้าพิจารณาในวาระที่ 2 ด้วย
อย่างไรก็ตามผลการลงมติของสภาวันนี้ ทำให้หลายคนผิดหวัง ไม่เป็นไปตามที่คิด แต่ในฐานะพรรคการเมืองที่ประชาชนเลือกมา ตนและสมาชิกพรรคจะทำงานอย่างมีวุฒิภาวะ และไม่ละทิ้งความหวัง ในชั้นกรรมธิการจะผลักดันให้การนิรโทษกรรมเปิดประตูและเปิดกว้างมากที่สุด
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า จากนี้จะไปสู้ต่อในชั้นกรรมาธิการ หลักการที่เรายืนยันได้คือหากกฎหมายฉบับนี้พิจารณาเข้าสู่วาระที่ 3 ได้ทันก่อนยุบสภา จะเป็นร่างกฎหมายมี่เลือกปฏิบัติ ไม่ครอบคลุมทุกกลุ่ม เราก็ยังไม่สามารถรับร่างนี้ให้ผ่านสภา แต่วันนี้กระบวนการยังไม่ถึงจุดสิ้นสุด เราจึงทิ้งความหวังไม่ได้ ฉะนั้น ส่วนกรรมาธิการพรรคประชาชนพร้อมทำงานเต็มที่
นายณัฐพงษ์ ระบุว่า มีทั้งเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้ ความเป็นไปไม่ได้คือยุบสภาก่อนกฎกมายพิจารณาได้ทัน ทุกอย่างมีความเป็นไปได้หมด ส่วนจะออกมาเป็นทิศทางใดขอให้ติดตามต่อไป อย่างไรก็ตามในช่วงอายุสภาอยู่ที่มีการแระเมินว่าอายุไม่มากนักจากสถานการณ์ไร่เสถียรภาพรัฐบาล พรรคประชาชนพร้อมใช้ 142 เสียงในสภาเพื่อผลักดันกฎหมายที่มีแระโยชน์ให้กับประชาชน
ขณะเดียวกัน นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการ iLaw กล่าวถึงร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฉบับประชาชนที่ถูกสภาตรีตก ว่า หากนิรโทษกรรมเพียงบางคนบางกลุ่มไม่ได้ไปพร้อมกัน ไม่ได้เรียกว่าสร้างสังคมสันติสุข และเป็นต้นเหตุของความขัดแย้งระลอกใหม่ที่จะเกิดขึ้น ซึ่งเราได้แถลงหลักการและเหตุผลต่อสภาไปหมดแล้ว แต่สภาได้มี มติรับหลักการนิรโทษกรรมฉบับประชาชนไม่ถึงครึ่งทำให้ร่างตกไป และขอยืนยันว่า ถ้าสภาจะเดินหน้าในวาระ 2 และ 3 โดยกีดกันคนบางส่วน ไม่ให้มีสิทธิ์ได้รับนิรโทษกรรมเลย ไม่เปิดช่องแยกแยะประเภทประเด็น
ตนมองว่าไม่ถูกต้องรวมถึงสภา กำลังนิรโทษกรรมความผิดที่เจ้าหน้าที่รัฐเป็นผู้กระทำต่อประชาชนซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการแสดงออกทางการเมือง ไม่ได้เป็นไปเพราะการชุมนุมทางการเมือง แต่เป็นการใช้อำนาจมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ หากในวาระที่ 2 ไม่มีการปรับปรุงแก้ไขในส่วนนี้ตน ก็ขอยืนยันว่าจะไม่มีทางประสบความสำเร็จด้านการสร้างสังคมสันติสุข สร้างความสมานฉันท์ปรองดองได้ และก็จะขอคัดค้านการออกกฎหมายนิรโทษกรรมแบบเลือกปฏิบัติ
“สมชัย” ชี้ “แพทองธาร” ขยายเวลาชี้แจงศาลหวังลากยาว-ต่อรอง ไม่ส่งผลดีต่อประเทศ
วันนี้ (15 ก.ค.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร นักวิชาการ อดีต กกต. กล่าวถึงการที่เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ได้ส่งหนังสือขอขยายเวลาชี้แจงศาลรัฐธรรมนูญ กรณีคลิปเสียงสนทนากับฮุนเซ็น ไปอีก 15 วัน
โดยให้เหตุผลว่าเตรียมเอกสารไม่ทัน ว่ากรณีนี้มีนัยยะเทคนิคทางการเมือง การขอขยายเวลา ทำให้ได้เวลาเพิ่มเติมในการอยู่ในตำแหน่งที่นานขึ้น และอาจใช้เวลาในคลี่คลายคดีเพื่อเจรจากับองค์อำนาจ โดยหวังว่าเวลาที่เพิ่มจะสามารถเปลี่ยนให้เรื่องร้ายกลายเป็นดี
นัยยะทางการบริหาร แสดงถึงความล้มเหลวของกลไกการบริหารที่อยู่ในมือของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ที่มีทั้งฝ่ายกฎหมายและข้าราชการสำนักนายกรัฐมนตรีอยู่ในมือ แต่ไม่สามารถใช้กลไกดังกล่าวในการรวบรวมเอกสารการชี้แจงต่อประเด็นคลิปเสียงที่มีความยาว 17 นาทีได้ แม้จะใช้เวลาถึง 15 วัน
และนัยยะในเรื่องความรับผิดชอบทางการเมือง การที่นายกรัฐมนตรีถูกสั่งให้พักการปฏิบัติหน้าที่ เป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการไม่มีนายกฯ ตัวจริง ในการบริหารราชการแผ่นดิน สมควรรีบเร่งและให้ความร่วมมือในการส่งคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้สถานการณ์กลับไปสู่ภาวะปกติโดยเร็ว การชะลอเรื่อง จึงเป็นการเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว ขาดความรับผิดชอบทางการเมือง นักเลงหน่อย จะได้หรือจะเสีย ก็ควรเร็ว เพื่อประเทศจะได้มีนายกฯ ตัวจริง ไม่ใช่รักษาการณ์แบบนี้ไปเรื่อยๆ
กกต. ยันข่าวเตรียมพิจารณาคำร้องยุบ 6 พรรคการเมืองครอบงำไม่จริง
สำนักงาน กกต.จะพิจารณา 6 คำร้อง ที่ร้องขอให้กกต.สั่งยุบ พรรคเพื่อไทย และ 6 พรรคร่วมรัฐบาลเดิม หลังนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งไม่ใช่สมาชิกพรรค ถูกกล่าวหาว่าครอบงำ ชี้นำ และมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของพรรคการเมืองทั้ง 6 พรรค” ว่า
ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง ขณะนี้คำร้องดังกล่าว อยู่ระหว่างการดำเนินการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานของสำนักงาน กกต. ยังไม่ได้เสนอ กกต.พิจารณาตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด
หากพรรคการเมืองหรือผู้ใดมีการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ป. ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ตามมาตรา 28 ที่ห้ามมิให้พรรคการเมืองยินยอมหรือกระทำการใด อันทำให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่สมาชิกกระทำการอันเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำกิจกรรมของพรรคการเมือง โดยหากมีมูลนายทะเบียนพรรคการเมืองจะเสนอให้คณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณายื่นคำร้อง ต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อมีคำสั่งให้ยุบพรรคการเมืองต่อไป
การดำเนินการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน กรณีการยุบพรรคการเมืองต้องดำเนินการ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 92 มาตรา 93 ประกอบ ระเบียบกกต.ว่าด้วยการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานของนายทะเบียน พรรคการเมือง พ.ศ. 2566 โดยมีรายละเอียดดังนี้
- เมื่อปรากฏต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองว่า พรรคการเมืองใดกระทำตามมาตรา 92 แห่งพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ให้นายทะเบียนพรรคการเมือง มอบหมายให้พนักงานตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่ามีข้อเท็จจริง พฤติการณ์ พยานหลักฐาน หรือข้อมูล เพียงพอที่จะรับไว้ดำเนินการหรือไม่ ให้แล้วเสร็จภายใน 7วันนับแต่วันที่ได้รับมอบหมาย
- เมื่อพนักงานได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่า มีหลักฐานหรือข้อมูลเพียงพอที่จะรับไว้ ดำเนินการต่อไปได้ ให้เสนอผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง ถ้านายทะเบียน พรรคการเมืองเห็นพ้องด้วยกับผลการตรวจสอบที่พนักงานเสนอ ให้นายทะเบียนพรรคการเมืองรับไว้ดำเนินการ ให้ดำเนินการแต่งตั้งบุคคลหรือคณะบุคคลเพื่อทำหน้าที่รวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน และรายงาน ให้กกต.ทราบ
- ในกรณีที่นายทะเบียนพรรคการเมืองรับไว้ดำเนินการ ให้นายทะเบียนพรรคการเมืองแต่งตั้ง บุคคลหรือคณะบุคคลเพื่อทำหน้าที่รวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน พร้อมทั้งมีความเห็น เพื่อเสนอต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองพิจารณาโดยเร็ว แต่ไม่เกิน30 วันนับแต่วันที่ได้รับเรื่องไว้ดำเนินการ หากไม่แล้วเสร็จให้รายงานพร้อมเหตุผลความจำเป็นต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง เพื่อขออนุมัติขยายระยะเวลา ทำการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานออกไปอีกครั้งละไม่เกิน30 จนกว่าจะแล้วเสร็จ ในการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง บุคคลหรือคณะบุคคลที่นายทะเบียนพรรคการเมืองแต่งตั้งต้องให้ผู้ถูกร้อง หรือพรรคการเมืองนั้น แล้วแต่กรณี มีโอกาสรับทราบข้อเท็จจริงอย่างเพียงพอและมีโอกาสได้โต้แย้ง และแสดงพยานหลักฐานของตน ก่อนมีการเสนอรายงานรวบรวมข้อเท็จจริงต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองพิจารณา
- หากพนักงานได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่า ไม่มีหลักฐานหรือข้อมูลเพียงพอที่จะรับไว้ ดำเนินการต่อไปได้ ให้เสนอผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง ถ้านายทะเบียน พรรคการเมืองเห็นพ้องกับผลการตรวจสอบที่พนักงานเสนอ ให้นายทะเบียนพรรคการเมืองไม่รับไว้ดำเนินการ หรือยุติเรื่อง แล้วแต่กรณี แล้วแจ้งให้ผู้ร้องทราบและรายงานให้คณะกรรมการการเลือกตั้งทราบ
- ในกรณีนายทะเบียนพรรคการเมืองเห็นว่า ไม่มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองใด กระทำการตามมาตรา 92 แห่งพ.ค.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ให้ยกคำร้องหรือยุติเรื่อง แล้วแต่กรณี และแจ้งให้ผู้ร้องทราบ และรายงานให้กกต.ทราบ การเสนอผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นหรือการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานต่อนายทะเบียน พรรคการเมือง ตามข้อ 2. หรือข้อ 3. แล้วแต่กรณี นายทะเบียนพรรคการเมืองอาจสั่งให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงหรือรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพิ่มเติมก็ได้
- เมื่อนายทะเบียนพรรคการเมืองพิจารณาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานแล้วเห็นว่า มีหลักฐาน อันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองใดกระทำการตามมาตรา 92 แห่งพ.ร.ป.ว่าด้วย พรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ให้เสนอกกต.พิจารณา โดยให้กกต.พิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 30วัน หาก กกต.ไม่เห็นชอบตามความเห็นของนายทะเบียน พรรคการเมือง ให้ยกคำร้องหรือยุติเรื่อง แล้วแต่กรณี และแจ้งผู้ร้องทราบ ทั้งนี้ในกรณีที่กกต.เห็นชอบตามความเห็นของนายทะเบียนพรรคการเมือง ให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคการเมืองนั้น แต่ในกรณีกกต.เห็นว่า การรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน ยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ให้ส่งเรื่องให้นายทะเบียนพรรคการเมืองดำเนินการเพิ่มเติมให้ครบถ้วน