เข้าสู่ยุคสิ้นหวัง
การเมืองไทยมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร…
เห็นภาพพรรคร่วมรัฐบาลนั่งโต๊ะกินข้าวร่วมกันแล้ว ในหัวสมองมีคำถามมากมาย เพราะไม่เข้าใจอยู่หลายเรื่อง
แต่บางเรื่องก็เข้าใจมาพักหนึ่งแล้ว เพียงแต่ยังแจ่มแจ้งไม่สนิทใจว่า ที่ได้เห็นได้ยินมานั้น มันใช่ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์หรือไม่
ก็รู้กันแหละครับว่าการเมือง ไม่มีมิตรแท้ ศัตรูถาวร
แต่ก็ไม่เข้าใจว่าเป็นศัตรูกันเมื่้อวาน จะฆ่ากันเอาเป็นเอาตาย มาวันนี้นั่งร่วมโต๊ะประกาศความเป็นปึกแผ่น ร่วมเป็นร่วมตาย ดุจรักใคร่ชอบพอกันมานานนับสิบๆ ปี
นึกถึงพรรคเทพ พรรคมาร หลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬครับ
สมัยนั้นพรรคการเมืองแบ่งข้างชัดเจน
ในการเลือกตั้งปี ๒๕๓๕ ทั้ง ๒ ครั้ง เทพคือเทพ มารคือมาร
พรรคมาร ประกอบด้วย พรรคสามัคคีธรรม พรรคชาติไทย พรรคกิจสังคม พรรคประชากรไทย พรรคราษฎร
ที่มาของพรรคมารคือ การสนับสนุน พล.อ.สุจินดา คราประยูร เป็นนายกรัฐมนตรี ถูกมองเป็นมารเพราะสนับสนุน คณะรัฐประหารที่เข่นฆ่าประชาชนในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ
ส่วนพรรคเทพ มี พรรคความหวังใหม่ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังธรรม พรรคเอกภาพ ได้เป็นเทพเพราะอยู่ตรงข้ามกับมาร
เป็นพรรคการเมืองที่ร่วมกับประชาชนชุมนุมขับไล่รัฐบาลสุจินดา
การดำรงอยู่ของพรรคเทพ พรรคมาร แม้ไม่นานนักแต่ก็นำไปสู่จุดเริ่มต้นของการเมืองที่มีพรรคการเมืองขนาดใหญ่ ๒ พรรคแข่งขันกัน
กว่าเทพจะผสมกับมารได้ใช้เวลาร่วม ๓ ปี ผ่านการเลือกตั้ง ๒ ครั้ง
ผลจากการเลือกตั้งทั่วไปวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๓๘ "บรรหาร ศิลปอาชา" ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทย พรรคการเมืองที่มีสมาชิกพรรคได้รับเลือกตั้งมากที่สุดได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล
ประกอบด้วยพรรคการเมือง ๗ พรรค
มีพรรคชาติไทย พรรคความหวังใหม่ พรรคพลังธรรม พรรคกิจสังคม พรรคประชากรไทย พรรคมวลชน และพรรคนำไทย
พรรคความหวังใหม่ กับพรรคพลังธรรม ข้ามขั้ว มาสนับสนุนพรรคชาติไทย
ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ยังยึดมั่นในอุดมการณ์ประชาธิปไตย ทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้าน
แต่การเมืองวันนี้ข้ามขั้วผสมพันธุ์กันเร็วกว่ามาก
ช่วงรัฐบาลประยุทธ์ แบ่งเป็นพรรคอนุรักษนิยม กับพรรคฝ่ายประชาธิปไตยแต่ปากชัดเจน
แต่เมื่อต้องเลือกตั้งใหม่ การผสมพันธุ์เป็นไปอย่างรวดเร็ว
ไม่รีรอความรู้สึกของประชาชนแม้แต่น้อย
และภาพที่เราเห็นวันนี้คือ ผลของการผสมพันธุ์สายฟ้าแลบ
ภูมิใจไทยถอนตัวออกไปแล้ว
แต่…รวมไทยสร้างชาติ ประชาธิปัตย์ ยังอยู่
เป็นการร่วมรัฐบาลที่นับวันยิ่งไร้ซึ่งศักดิ์ศรี
ต้องโค้งคำนับ ค้อมหัว ประนมมือ ไหว้ "ทักษิณ ชินวัตร" อย่างสวยงาม
ไร้ที่ติ!
งานเลี้ยงกระชับความสัมพันธ์พรรคร่วมรัฐบาล เมื่อค่ำคืนวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ที่โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท พรรคเพื่อไทยเป็นเจ้าภาพ ที่ถูกเหน็บแนมว่า เป็นการรับประทานอาหารมื้อสุดท้าย ปรากฏภาพเซาะกร่อน บ่อนทําลายความศรัทธาที่มีต่อพรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรค
โดยเฉพาะพรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคประชาธิปัตย์
ชื่องานนี้คือ “Pheu Thai Party (พรรคเพื่อไทย) สามัคคีประเทศไทย ปกป้องอธิปไตย แก้ปัญหาเพื่อประชาชน”
ฉะนั้นแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลที่ได้รับเชิญไปดินเนอร์ มีสภาพไม่ต่างจากเมืองขึ้น ที่จำต้องไปเพื่อส่งเครื่องบรรณาการ
เพื่อแสดงความภักดี
ตำแหน่งการนั่งในโต๊ะดินเนอร์ บ่งบอกถึงความไร้ศักดิ์ศรีของแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลอย่างชัดแจ้ง และจะส่งผลต่อการเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างหลีกเลี่่ยงไม่ได้
"ทักษิณ" คือศูนย์กลางของพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด
และหมดกันกับภาพที่แกนนำพรรคร่วมรัฐบางคนเคยต่อต้านระบอบทักษิณมาก่อน
หมดสิ้นความน่าเชื่อถืออย่างสิ้นเชิง
โพสต์ของ "นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ" อธิบายเรื่องนี้้ไว้ชัดเจน
"…ตัดสินใจไม่ยาก
เห็นแกนนำพรรคภูมิใจไทย นั่งเครื่องบินส่วนตัวลงใต้ มุดรั้วบ้านใหญ่ ๒ จังหวัดในภาคใต้ มิใช่สิ่งที่เกินความคาดหมาย และเป็นสิ่งที่ผมเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว ว่า พรรคภูมิใจไทย จะกวาดพื้นที่ภาคใต้ แบบถล่มทลาย
เหลือเพียงร่องรอยของพรรคประชาธิปัตย์ให้เหลือเพียงตำนานไว้เล่าขานเท่านั้น
ขณะเดียวกัน ก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน ก็เห็นผู้กองธรรมนัส และ ดร.นฤมล หัวหน้าพรรคกล้าธรรม แนวร่วมพรรคเพื่อไทย นุ่งกางเกงยีนส์ขาดๆ ลงนครศรีธรรมราช
เช่นเดียวกับที่ คุณทักษิณ ชินวัตร ช่วงนี้ออกงานถี่ และเมื่อวานนี้ (๒๒ ก.ค. ๒๕๖๘) คุณทักษิณพูดในงานเลี้ยงพรรคร่วมรัฐบาลว่า ตอนเขาอายุ ๒๕ ปี ขณะเขาเป็นคนติดตามนายปรีดา พัฒนถาบุตร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เขามีหน้าที่เป็นคน 'ไล่ตะครุบ'สส.ให้มาประชุมและเข้าลงมติในสภา
และพูดว่าเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคร่วมรัฐบาลชุดนี้จะตั้งรัฐบาลร่วมกันอีก เหมือนกับ 'ไล่ตะครุบ' พรรคร่วมรัฐบาลไว้ล่วงหน้าแล้ว
แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ที่นั่งดื่มนั่งกินในงานเลี้ยงอย่างสนุกหารู้ไม่ว่า นั่นเป็นการที่คุณทักษิณ ตอกฝาโลงพรรคประชาธิปัตย์ไว้อย่างแน่นหนาแล้ว
บรรยากาศนี้ เกิดขึ้นพร้อมๆ กับ การไล่ล่าและดำเนินคดี 'สว.ฮั้ว'และ 'เขากระโดง'อย่างเต็มพิกัด
เมื่อพรรคการเมืองในประเทศนี้ มีเพียงพรรคเพื่อไทยและแนวร่วม, พรรคภูมิใจไทย และ พรรคประชาชน
เห็นอย่างนี้แล้ว ทำให้ไม่ยากเลยที่ประชาชนส่วนหนึ่งจะตัดสินใจได้แล้วว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้า เขาจะตัดสินใจปล่อยบ้านเมืองไปตามยถากรรม และเดินเข้าคูหา ด้วยการ 'งดออกเสียง'…"
ตามนั้นเลยครับ
เผื่อคนในพรรครวมไทยสร้างชาติ กับ พรรคประชาธิปัตย์ ประเมินสถานการณ์ไม่ออก เพราะตำแหน่งในรัฐบาลมันบังตา
ขอให้รับรู้ไว้ว่า ภาพที่ปรากฏ ไม่ต่างจากการเป็นลูกสมุนของ "ทักษิณ"
มันจบแล้วจริงๆ
เลือกตั้งครั้งหน้าพรรคประชาธิปัตย์อาจจะยังอยู่
แต่สถานะเสี่ยงเป็นพรรคต่ำสิบ
ส่วนรวมไทยสร้างชาติ อาจถึงขั้นสูญพันธุ์
การเมืองเข้าสู่ยุคสิ้นหวัง.