"ใบหน้าบนดาวอังคาร" ภาพถ่ายสะพรึงปี 1976 ต้นกำเนิดทฤษฎีลี้ลับ NASA ก็ยังตอบไม่ขาด!
“ใบหน้าบนดาวอังคาร” ภาพถ่ายสุดช็อกจาก Viking 1 เมื่อปี 1976 ต้นกำเนิดของทฤษฎีลี้ลับ และปริศนาไร้คำตอบยาวนานเกือบครึ่งศตวรรษ
เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ปี 1976 ยานอวกาศ Viking 1 ของ NASA ได้บันทึกภาพหนึ่งที่กลายเป็นภาพลึกลับและถูกพูดถึงมากที่สุดในประวัติศาสตร์การสำรวจอวกาศ: ภาพโครงสร้างคล้าย“ใบหน้ามนุษย์ยักษ์” ปรากฏกลางพื้นที่ขรุขระชื่อ Cydonia บนดาวอังคาร
ภาพถ่ายขาวดำที่แสดงภูมิประเทศซึ่งดูเหมือนมีดวงตา จมูก และปาก ถูกเผยแพร่อย่างกว้างขวาง และจุดกระแสถกเถียงเกี่ยวกับการมีอยู่ของอารยธรรมต่างดาว
Viking 1 ซึ่งเป็นหนึ่งในยานสำรวจสองลำแรกที่ลงจอดบนดาวอังคารได้สำเร็จ ถ่ายภาพนี้จากระดับความสูงราว 1,873 กิโลเมตร ทีมนักวิศวกรของ NASA ในตอนแรกมองว่าเป็นเพียงภาพลวงตาทางสายตาที่เกิดจากมุมของแสงและเงา
แต่เมื่อภาพนี้ถูกเผยแพร่พร้อมคำอธิบายว่า“ดูคล้ายใบหน้ามนุษย์” สื่อและสาธารณชนก็ให้ความสนใจอย่างท่วมท้น หลายคนตั้งข้อสงสัยว่าโครงสร้างนี้อาจเป็นสิ่งก่อสร้างฝีมือมนุษย์ต่างดาว หรือร่องรอยของอารยธรรมโบราณบนดาวอังคาร
ภาพนี้มีชื่อเรียกหลากหลาย เช่น “The Face on Mars”, “ใบหน้าที่ Cydonia” หรือเรียกง่ายๆ ว่า“ใบหน้าบนดาวอังคาร” โดยลักษณะของมันดูคล้ายถูก “แกะสลัก” ลงบนพื้นผิวดาว พร้อมรายละเอียดชัดเจนของหน้าผาก เบ้าตา จมูก และริมฝีปาก
ภาพนี้กลายเป็นต้นกำเนิดของทฤษฎีลี้ลับมากมาย นักเขียนชื่อดังอย่าง Richard C. Hoagland เคยเสนอว่าโครงสร้างนี้อาจเป็นซากปรักหักพังของอารยธรรมต่างดาว หรือแม้กระทั่งข้อความที่เหลือไว้จากสิ่งมีชีวิตนอกโลก
เรื่องราวของ “ใบหน้าบนดาวอังคาร” ยังจุดกระแสหนังสือ ภาพยนตร์สารคดี และทฤษฎีสมคบคิดตลอดหลายทศวรรษ รายการโทรทัศน์อย่าง Unsolved Mysteries หรือ Ancient Aliens ก็มักกล่าวถึงพื้นที่ Cydonia ว่าเป็น “แหล่งโบราณคดีจากนอกโลก” ที่น่าสนใจ
สำหรับผู้ที่หลงใหลในความลี้ลับ ใบหน้าบนดาวอังคารเป็นสัญลักษณ์ของความฝันในการค้นพบสิ่งมีชีวิตนอกโลก และอาจเป็นหลักฐาน (แม้เพียงเล็กน้อย) ว่ามนุษย์อาจไม่ได้อยู่เพียงลำพังในจักรวาล
แต่อย่างไรก็ดี วงการวิทยาศาสตร์ก็ไม่ได้ปล่อยให้จินตนาการนำทางอย่างเดียว ตลอดหลายปีหลังจากนั้น NASA ส่งยานสำรวจรุ่นใหม่ๆ อย่าง Mars Global Surveyor (1998) และ Mars Reconnaissance Orbiter (2006) กลับไปถ่ายภาพพื้นที่เดิมอีกครั้ง ด้วยกล้องที่มีความละเอียดสูงกว่าเดิมมาก
- เฉลยแล้ว! ปฏิทินปี ค.ศ. 1582 เดือนตุลาคม ทำไมมีแค่ 21 วัน เผยประวัติศาสตร์โลกที่เพิ่งรู้
- ใครเห็นบ้าง? "แสงปริศนา" เหนือฟ้าเมืองไทย ลอยฟุ้งก่อนหายวับ NARIT เผยแล้วคืออะไร
ผลปรากฏว่าโครงสร้าง “ใบหน้า” นั้น แท้จริงเป็นเพียงเนินหินตามธรรมชาติที่ถูกกัดเซาะตามเวลา ปรากฏการณ์ที่เรียกว่า pareidolia หรือ“ภาพลวงตาที่ทำให้สมองมนุษย์ตีความรูปทรงแปลกๆ ว่าเป็นใบหน้าหรือสิ่งคุ้นเคย” นั้น คือสิ่งที่อยู่เบื้องหลังความลึกลับนี้
ถึงกระนั้น ความเชื่อเรื่อง “ใบหน้าบนดาวอังคาร” ก็ไม่ได้หายไปเสียทีเดียว แม้ว่านักวิทยาศาสตร์จะยืนยันว่าเป็นเพียงปรากฏการณ์ธรรมชาติ แต่ผู้ที่หลงใหลในทฤษฎีต่างดาวก็ยังยืนยันว่า NASA อาจปกปิดความจริง
บนอินเทอร์เน็ตยังคงเต็มไปด้วยบล็อก วิดีโอ และกระทู้ที่พูดถึงประเด็นนี้ โดยมองว่า “เราอาจยังไม่รู้จักดาวอังคารดีพอ” และการรีบปัดตกสิ่งที่ดูแปลกประหลาดว่า “ไร้สาระ” อาจเป็นการมองข้ามความจริงบางอย่างไป
สุดท้ายแล้ว ภาพ“ใบหน้าบนดาวอังคาร” ไม่ใช่แค่เหตุการณ์หนึ่งในประวัติศาสตร์การสำรวจอวกาศเท่านั้น แต่มันยังเป็นภาพแทนของจินตนาการของมนุษย์ ความอยากรู้ และแรงขับดันในการค้นหาโลกอื่นที่อยู่นอกเหนือขอบฟ้าของเรา
แม้เวลาจะผ่านไปเกือบ 50 ปีนับจากวันที่ Viking 1 ถ่ายภาพนี้โดยบังเอิญ แต่ “ใบหน้าบนดาวอังคาร” ก็ยังคงอยู่ ไม่ใช่แค่บนพื้นผิวดาวอังคาร… แต่ในความคิด จินตนาการ และความปรารถนาอันลึกซึ้งของมนุษย์ที่อยากสำรวจจักรวาล