"คลัง" เบรกปฏิรูป "ภาษีใหม่” ห่วงกระทบความเชื่อมั่นเศรษฐกิจ
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า แผนการปฏิรูปโครงสร้างภาษีทั้งหมดอาจต้องชะลอออกไปก่อน ตามคำสั่งฝ่ายนโยบายที่ให้ทุกหน่วยงานระงับการดำเนินมาตรการภาษีใหม่ ๆ ชั่วคราว เนื่องจากกังวลผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของภาคเศรษฐกิจ ซึ่งยังมีประเด็นเร่งด่วนที่ต้องได้รับความสำคัญก่อน
“เรื่องการปฏิรูปโครงสร้างภาษีของกระทรวงการคลังทั้งหมด ตอนนี้ทุกหน่วยงานได้มีการศึกษาอย่างต่อเนื่อง แต่ขณะนี้สถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศยังมีอีกหลายปัจจัยที่เร่งด่วนกว่า จึงต้องไปให้ความสำคัญในส่วนนั้นก่อน ขณะที่เรื่องนี้ก็อาจจะชะลอออกไปก่อน แต่เรื่องนี้ยังเป็นนโยบายที่กระทรวงการคลังให้ความสำคัญเช่นเดิม”
แนวทางปฏิรูปภาษีในหลายส่วนของกรมสรรพสามิตต้องหยุดชะงัก รวมถึงการปรับโครงสร้างภาษียาสูบ ภาษีสุขภาพ ภาษีสิ่งแวดล้อม และภาษีอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งแม้จะมีการศึกษารายละเอียดไว้แล้ว แต่ยังไม่มีข้อสรุป จึงต้องใช้โครงสร้างเดิมต่อไป
อย่างไรก็ดี กรมสรรพสามิตยังเชื่อมั่นว่าจะสามารถจัดเก็บรายได้ปีงบประมาณ 2568 ได้ตามเป้า 609,000 ล้านบาท โดยได้อานิสงส์จากการขึ้นภาษีน้ำมันดีเซลและเบนซิน ลิตรละ 1 บาท ซึ่งช่วยเพิ่มรายได้ราว 20,000 ล้านบาท มากกว่าที่คาดไว้
ในส่วนของกรมสรรพากร มีการศึกษาแนวทางการปรับโครงสร้างภาษีไว้เกือบครบถ้วนแล้ว แต่ต้องรอฝ่ายนโยบายตัดสินใจ ขณะเดียวกันกรมฯ ยังเดินหน้าเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีอย่างต่อเนื่อง แม้ช่วง 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 (ต.ค. 67 - พ.ค. 68) จะจัดเก็บได้ 1.353 ล้านล้านบาท ต่ำกว่าเป้า 7,790 ล้านบาท แต่ยังเชื่อว่าจะสามารถทำได้ตามเป้ารวมทั้งปีที่ 2.3725 ล้านล้านบาท โดยรายได้บางส่วนล่าช้าเนื่องจากผู้ประกอบการยื่นแบบ ภ.ง.ด.50 ผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งมีกำหนดยื่นช่วงต้นเดือนมิถุนายน
ด้านกรมศุลกากร ตั้งเป้ารายได้ปี 2568 ไว้ที่ 122,000 ล้านบาท แม้การทำข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) อาจกระทบรายได้จากภาษีศุลกากร แต่เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อการค้าระหว่างประเทศและการลงทุนในระยะยาว ซึ่งอาจช่วยเพิ่มการจัดเก็บภาษีประเภทอื่นได้ในอนาคต