ภูมิธรรม ลั่นมหาดไทยไร้สิงห์น้ำเงิน รวมเป็นหนึ่งแก้ปัญหาประเทศ
เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.30 น. นายภูมิธรรม เวชชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้จัดการประชุมร่วมกับคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย ณ ห้องประชุมราชสีห์ เป็นการประชุมครั้งแรกภายหลังเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ เพื่อวางแนวทางและนโยบายการทำงานมีผู้บริหารระดับสูง ปลัดกระทรวง รองปลัด ผู้ตรวจราชการ อธิบดี ที่ปรึกษา หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดปริมณฑลและจังหวัดใกล้เคียง 15 จังหวัดเข้าร่วมประชุม
นอกจากนี้ยังมีการถ่ายทอดการประชุมผ่านระบบ Video Conference ไปยังศาลากลางจังหวัดทั่วประเทศ รวมถึงที่ว่าการอำเภอทุกแห่ง เพื่อให้หัวหน้าหน่วยงาน กำนัน และผู้ใหญ่บ้านได้รับฟังอย่างทั่วถึง
ย้ำ! ไม่มี “สิงห์ดำ-สิงห์แดง” มีแต่ “สิงห์มหาดไทย”
ในการประชุมครั้งนี้ นายภูมิธรรมได้กล่าวถึงหลักการสำคัญในการทำงานว่า "วันนี้ถือเป็นวันแรกที่ได้เข้ามารับฟังข้อสรุปเบื้องต้นของการทำงานที่ผ่านมา ยินดีและขอบคุณที่ให้การต้อนรับ หวังว่าการทำงานต่อไปข้างหน้าของเราจะร่วมมือกันทุกส่วน เพื่อทำให้มหาดไทยเป็นหนึ่งเดียวในการที่จะแก้ไขขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล สามารถทำให้ประเทศผ่านพ้นวิกฤต"
นายภูมิธรรม ยังเน้นย้ำถึงความเป็นปึกแผ่นของบุคลากรกระทรวงมหาดไทย โดยระบุอย่างชัดเจนว่า "อีกเรื่องหนึ่งผมอยากเห็นความเป็นปึกแผ่นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ที่นี่ไม่มีสิงห์แดง สิงห์ดำ สิงห์ขาว สิงห์เขียว สิงห์ทอง สิงห์น้ำเงินไม่มี มีแต่สิงห์ของมหาดไทย ผมไม่นิยมสนับสนุนให้เล่นพรรคเล่นพวก ผมต้องการคนมีความสามารถ ถ้ามีความสามารถก็ทำงานพิสูจน์ตัวเองได้เลย ผมยินดีทั้งนั้น จุดสำคัญที่สุดคือจะทำงานร่วมกันได้อย่างไร" โดยสะท้อนถึงความมุ่งมั่นที่จะให้การทำงานในกระทรวงมหาดไทยยึดถือความสามารถเป็นหลัก ไม่มีการแบ่งพรรคแบ่งพวก
ฮึ่ม! ข้าราชการใกล้เกษียณ “เกียร์ว่าง” รับไม่ได้
นายภูมิธรรมยังคงเน้นย้ำถึงความสำคัญของการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล โดยชี้ชัดว่า "ที่ผ่านมาต้องมาดูว่าอะไรที่เป็นเรื่องนโยบายก็ต้องดำเนินการ เป็นเรื่องชัดเจน ตนคิดว่าหัวใจสำคัญของการบริหารราชการแผ่นดิน ถ้านโยบายออกมาแล้วไม่ขยับ ไม่เข้มข้น ไม่ดำเนินการเป็นสิ่งที่ตนรับไม่ได้"
พร้อมกันนี้ได้ส่งสัญญาณเตือนไปยังข้าราชการที่ทำงานไม่เต็มที่ โดยเฉพาะผู้ที่ใกล้เกษียณอายุราชการว่า "ดังนั้น ไม่ว่าใครก็ตามที่ยังนิ่งเฉย ทำไม่เต็มหน่วย หรือใกล้จะเกษียณแล้วไม่ทำอะไรเลย ถ้าไม่มีปัญหาสำคัญไม่เป็นไร ถ้ามีปัญหาสำคัญต้องจัดการให้จบ ตนยังอยากเห็นกระทรวงมหาดไทยเป็นกลไกสำคัญในการแก้ไขวิกฤติของพี่น้องประชาชน"
ประกาศ “ซีล สต๊อป เซฟ” ยาเสพติดทั่วประเทศ “เรือธง” อันดับหนึ่ง
ปัญหา ยาเสพติด ถูกยกให้เป็น“เรือธง” อันดับหนึ่งที่กระทรวงมหาดไทยต้องเร่งดำเนินการให้เห็นผล นายภูมิธรรมกล่าวว่า"ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตชีวิต ยาเสพติด โดยเฉพาะเรื่องยาเสพติดเป็นเรือธงอันดับหนึ่งที่กระทรวงมหาดไทยต้องเห็นผล อย่างน้อยต้องเห็นความเปลี่ยนแปลงความคืบหน้าในช่วงที่ตนมา" โดยเปิดเผยว่าก่อนหน้านี้ตนได้เริ่มแก้ไขปัญหายาเสพติดในโครงการ “ซีล สต๊อป เซฟ” ใน 14 จังหวัด และจะขยายผลให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เนื่องจากประชาชนได้รับผลกระทบอย่างหนักและต้องการเห็นความจริงจังจากภาครัฐ
นายภูมิธรรมยังได้กล่าวถึงเสียงสะท้อนจากประชาชนที่ระบุว่าชาวบ้านรู้ว่าใครค้ายาเสพติดในพื้นที่ และมีการสมคบคิดกับเจ้าหน้าที่รัฐในบางกรณี “เขาบอกว่าชาวบ้านในหมู่บ้านรู้หมดว่าใครขาย เขามาถามตนว่ารัฐบาลเอาจริงหรือเปล่า เขาบอกว่ารู้หมดว่าหมู่บ้านนี้ใครขาย ใครเป็นแหล่งกระจาย ใครสมคบกับข้าราชการ ดังนั้น วันนี้ต้องหยุด ประชาชนพูดกับตนว่านายอำเภอ ผู้กำกับ ผู้ว่าฯ ผู้การไม่ค่อยรู้ ชาวบ้านพูดกับตนแบบนี้ ตนก็จะมาตรวจสอบดูเพราะมันเป็นหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัด เพราะเป็นคนควบคุมในจังหวัดทั้งหมด ผู้การจังหวัดเป็นอีกเรื่องที่ต้องควรรู้ โดยภาพรวมที่ผ่านมาเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่เริ่มต้นสำหรับมหาดไทยถือเป็นเรือธงสำคัญที่จะต้องดำเนินการให้ได้”
สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหายาเสพติด นายภูมิธรรมจะทำงานร่วมกับศูนย์ยาเสพติดของ ป.ป.ส. ทหาร และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยจะมีการประชุมบูรณาการร่วมกันในวันที่ 14 กรกฎาคมนี้ และในฐานะรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ตนรับผิดชอบดูแลตำรวจ กลาโหม ยุติธรรม และหน่วยงานด้านความมั่นคงทั้งหมด จึงมั่นใจว่าเมื่อกลไกทั้งหมดมารวมกันภายใต้การดูแลของกระทรวงมหาดไทย การทำงานจะมีความเป็นเอกภาพมากยิ่งขึ้น
ปราบปรามผู้อิทธิพล อาชญากรข้ามชาติ และนำนโยบายรัฐบาลสู่รูปธรรม
นอกจากยาเสพติดแล้ว นายภูมิธรรมยังให้ความสำคัญกับการปราบปราม ผู้อิทธิพล อาชญากรข้ามชาติ และ ภัยร้ายแรงต่างๆ ที่นับวันยิ่งมีลักษณะข้ามชาติมากขึ้น โดยกล่าวว่า "ขณะนี้จากการรวบรวมข้อมูลชั้นต้น เรารู้หมด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนสำคัญ เราสืบสาวไปได้หมด บัญชีม้าที่เกิดขึ้น ผ่านใครไปบ้าง" พร้อมยืนยันว่าจะใช้กลไกของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ที่ตนดูแลอยู่ เพื่อสืบสาวเส้นทางการเงิน และเชื่อว่าอีกไม่นานจะมีการทยอยเปิดเผยรายชื่อผู้เกี่ยวข้องให้เห็น
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยังได้อ้างถึงพระบรมราโชวาทที่มอบให้กับรัฐมนตรีทุกคนว่า "พระองค์ท่านพูดชัดเจนว่าให้มาช่วยกู้ภัยพิบัติ จัดการวิกฤต ดูแลทุกข์สุขของประชาชน
ดังนั้น เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญ เราได้รับพระราชทานมอบภารกิจให้เราพยายามทำสิ่งเหล่านี้" พร้อมเน้นย้ำให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทยนำนโยบายของรัฐบาลไปขับเคลื่อนให้เกิดผลเป็นรูปธรรม
"ผมอยากเน้นย้ำภารกิจที่สำคัญต้องสอดคล้องกับรัฐบาล วันนี้ผมยังไม่ค่อยเห็นว่าเอานโยบายรัฐบาลมาทำให้ทะลุและสำเร็จจนเป็นรูปธรรม ดังนั้น หน่วยงานต่างๆ ต้องนำนโยบายมาขับเคลื่อนให้สำเร็จ เรามีเวลาทำไม่ได้มาก ฉะนั้นเราต้องทำตรงนี้ให้เต็มที่"
นายภูมิธรรมได้กล่าวสรุปปิดท้ายว่า “ความมั่นคงของประชาชน คือความมั่นคงของรัฐ ฉะนั้น มหาดไทยจะต้องเป็นแกนกลางในการทำงานทุกมาตรการ ความมั่นคงของประชาชนก็คือความมั่นคงในทุกมิติ ไม่ใช่หมายรวมเฉพาะเรื่องทหาร ตำรวจ การบำบัดทุกข์บำรุงสุขเป็นสิ่งรวมกัน” สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ที่ครอบคลุมของกระทรวงมหาดไทยในการดูแลทุกข์สุขของประชาชนในทุกด้าน.