‘พีระพันธุ์’ สกัด ‘เฮ้ง’ แต่ ‘เพ้า’ ซวย

การปรับ ครม. “อิ๊งค์ 1/2” ก็ยังไม่เรียบร้อยดีนัก เบื้องต้นมีรัฐมนตรีหน้าใหม่เข้ามา 9 ตำแหน่ง ประกอบด้วย 1. “โฟม” พงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.แรงงาน 2. นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 3. “หญิง” ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รมช.ศึกษาธิการ 4. “เบนซ์” อรรถกร ศิริลัทธยากร รมว.เกษตรและสหกรณ์ 5. “ปลัดตุ๋ม” จตุพร บุรุษพัฒน์ รมว.พาณิชย์ 6. นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมช.พาณิชย์ 7. “แทน” ชัยชนะ เดชเดโช รมช.สาธารณสุข 8. นายอนุชา สะสมทรัพย์ รมช.สาธารณสุข และ 9. นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ นั่ง รมช.ศึกษาธิการ รัฐมนตรีที่ถูกปรับออกมี 2 คน คือ 1. นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรและสหกรณ์ และ 2. นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์

ส่วนรัฐมนตรีที่สลับตำแหน่งมี 5 คน ประกอบด้วย 1. “บิ๊กอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย นั่ง รมว.มหาดไทย 2. “อ.แหม่ม” นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รองนายกฯ และรมว.ศึกษาธิการ 3. “รมต.ปุ๋ง” สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) 4. “นายกชาย” เดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย นอกจากนี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกฯ ควบ รมว.วัฒนธรรม เพื่อที่หากนายกฯ ประสบอุบัติเหตุทางการเมืองต้องพักงาน จะยังมีตำแหน่ง รมว.วัฒนธรรม ให้ทำงานต่อได้ รองนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วย นายภูมิธรรม เวชยชัย, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ, นายประเสริฐ จันทรรวงทอง, นายพิชัย ชุณหวชิร, นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์

กระทรวงกลาโหม “บิ๊กเล็ก” พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ จะอยู่ในตำแหน่ง รมช.กลาโหม ตามเดิม และทำหน้าที่รักษาตำแหน่ง รมว.กลาโหม เพื่อรอ พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ หรือ "บิ๊กแก้ว" อดีต ผบ.ทสส. ซึ่งเพิ่งพ้นจากตำแหน่ง สว. จะครบ 2 ปี ในวันที่ 31 ก.ย. นี้ มาเป็น รมว.กลาโหม

ที่ “ยังไม่เรียบร้อย” เพราะมีรายงานว่า “หัวหน้าตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ไม่เห็นด้วยและไม่พอใจ ที่มีการโยก “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ และ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค รทสช. ไปนั่งเก้าอี้ รมช.มหาดไทย โดยไม่ได้มีการแจ้งให้หัวหน้าพรรคทราบ แล้วนำชื่อเข้าหารือในที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) เพื่อมีมติต่อไป ซึ่งถือว่าไม่ถูกต้องในกระบวนการของพรรค ทำให้ในช่วงค่ำวันที่ 27 มิ.ย. นายพีระพันธุ์หารือด่วนกับแกนนำพรรคเพื่อไทย เพื่อยุติปัญหาใน รทสช. ที่แบ่ง 2 กลุ่ม และต่างไม่ยอมกัน คือกลุ่มนายพีระพันธุ์ และกลุ่ม 18 ของนายสุชาติ ซึ่งกลุ่ม 18 ขอเก้าอี้รัฐมนตรีในสัดส่วนกลุ่มตัวเองด้วย

จนสุดท้าย ผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทยสรุปให้นายสุชาติดำรงตำแหน่งเดิม คือ รมช.พาณิชย์ และปรับ “เพ้า”จักรพงษ์ แสงมณี ออกจากเก้าอี้ จากที่เคยมีข่าวว่า นายจักรพงษ์จะได้มาดำรงตำแหน่ง รมช.พาณิชย์ เพื่อให้นายสุชาติกลับมาอยู่ที่เดิม ไม่ให้มีปัญหาในพรรคร่วมรัฐบาล เนื่องจากอาจมีผู้ใช้ข้อบังคับพรรคยื่นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ไม่ได้ผ่านมติ กก.บห.พรรค ทำให้ตำแหน่ง รมช.มหาดไทยว่างลง โดยไม่เอาใครมาเสริม ทำให้เก้าอี้ รมช.มหาดไทย หายไปเก้าอี้หนึ่ง มีรัฐมนตรีคือ รมว.มหาดไทย นายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย

นายเซีย จำปาทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า จับตากระทรวงแรงงานภายใต้การกุมบังเหียนของพรรคเพื่อไทย เตรียมตรวจการบ้าน “รัฐมนตรีป้ายแดง” นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ ได้เป็น รมว.แรงงาน ขอให้ผลักดันนโยบายพรรคที่หนุนขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 600 บาท ภายในปี 2570 หวังว่าการบริโภคจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศจะโตขึ้น สร้างความร้อนแรงให้กับตลาดแรงงานโดยการสร้างงาน 20 ล้านตำแหน่ง

มีเรื่องที่ทำได้เลยทันที คือ การรับรองอนุสัญญา ILO 87 และ 98 ทำแล้วไม่เสียแต้มให้ใคร แถมได้ใจพี่น้องแรงงานทั่วประเทศ ความปลอดภัยในการทำงานต้องดีกว่าเดิม สะสางปัญหาที่ค้างคาจากรัฐมนตรีคนก่อน ๆ ที่มีเรื่องอื้อฉาวจากการลงทุนในสำนักงานประกันสังคม

ในขณะที่ตำแหน่งรองประธานสภา คนที่ 2 แทน “รองแบต” ภราดร ปริศนานันทกุล ที่ลาออกไป นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาคนที่ 1 กล่าวว่าการแต่งตั้งต้องรอ เพราะต้องมีการแต่งตั้ง ครม. ให้เสร็จ เพื่อได้รู้ว่าพรรคไหนร่วมรัฐบาลบ้าง จากนั้นจะคุยกับวิปรัฐบาล วิปฝ่ายค้าน ว่าจะจะกำหนดวันเลือกรองประธานสภาเมื่อไร คิดว่าไม่น่าจะเกินวันที่ 15 ก.ค. 2568 จะรีบคุยกับวิปทั้งสองฝ่ายก่อนว่าจะจะพร้อมเมื่อไร ตำแหน่งนี้จะเป็นโควตาพรรคแกนนำรัฐบาลหรือไม่ ก็แล้วแต่เขาจะตกลงกัน ไม่ได้เจาะจงว่าเป็นคนของเพื่อไทย

มีรายงานข่าวว่า กลุ่ม สส.ภาคอีสาน พรรคเพื่อไทย จับกลุ่มคุยกัน ว่า ตำแหน่งดังกล่าวควรเป็นตำแหน่งของ สส.ภาคอีสาน เนื่องจากการปรับ ครม. รอบนี้ไม่มี สส.ภาคอีสานเข้าไปทำหน้าที่รัฐมนตรีเพิ่มเติม ทั้งๆ ที่มีจำนวน สส. มากที่สุดในพรรค รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ก็มี นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน อยู่ ซึ่งถือเป็นโควตา สส.ภาคเหนือ จึงมองว่า สส.ภาคอีสาน ก็ควรจะมีตำแหน่งนี้ด้วยเช่นกัน หากมีการประชุม สส. เมื่อไร กลุ่ม สส.ภาคอีสาน จะแสดงความคิดเห็นต่อที่ประชุม เพราะการพูดคุยที่ผ่านมา บางครั้งพูดคุยในกลุ่มไลน์ที่นายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อยู่ในกลุ่มด้วย แต่ก็ไม่มีการแสดงความคิดเห็นอะไรต่อเรื่องนี้ สส.ภาคอีสาน จึงเห็นว่าควรเสนอต่อที่ประชุมพรรคอย่างเป็นทางการ

เมื่อเวลา 13.19 น. ที่โรงเรียนแม่จันวิทยาคม ต.ป่าซาง อ.แม่จัน จ.เชียงราย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางฝ่าฝนที่ตกกระหน่ำมาพบกลุ่มชาติพันธุ์ ที่ได้รับสัญชาติไทย และมอบบัตรประชาชนให้กับตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์ 21 คน นำโดย น.ส.ฝน โวยเจ่อ ชาวอาข่า อ.แม่จัน ซึ่งการมอบสัญชาติไทย เป็นไปตามมติ ครม. อนุมัติเร่งรัดการแก้ไขปัญหาสัญชาติและสถานะบุคคลให้กับบุคคลที่อพยพเข้ามาอยู่ในประเทศไทยเป็นเวลานาน และบุตรที่เกิดในประเทศไทย เพื่อลดขั้นตอนให้ได้รับสถานะทางทะเบียนและสัญชาติไทยให้รวดเร็ว โดยมีกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ บุคคลที่อพยพเข้าประเทศก่อนปี พ.ศ. 2542 ที่ทำทะเบียนประวัติไว้แล้ว รวม 340,101 คน 2. บุตรของคนกลุ่มที่ 1 จำนวน 143,525 คน เชียงราย มีกลุ่มชาติพันธุ์ที่ได้รับสัญชาติมากที่สุด จำนวน 95,391 คน โดยจะได้รับมอบสัญชาติ ตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย. เป็นต้นไป

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ดีใจและเป็นเกียรติเป็นอย่างมากที่ได้มาเจอทุกคน 3 ปีที่แล้วได้มาลงพื้นที่พบประชาชน และมีพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์เล่าให้ฟังว่า เมื่อไม่มีบัตรประชาชน ชีวิตมีความยากลำบาก เข้าถึงสวัสดิการรัฐไม่ได้ เป็นปัญหาที่ตนรับฟังแล้วรู้สึกติดอยู่ในใจ อยากจะแก้ปัญหาให้ได้ ซึ่งพรรคต่างๆ มีนโยบายที่สนับสนุนให้พี่น้องชาติพันธุ์ได้รับบัตรประชาชนเช่นกัน ตั้งแต่สมัยนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ มีการช่วยในเรื่องการขอสิทธิและขั้นตอน ให้เหลือเพียงแค่ 5 วัน ทำให้ทุกคนรู้สึกใจชื้น ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่รอคอย วันของพวกท่านได้มาถึง.