นายกฯ เผยผลสอบตึก สตง.ถล่ม เกิดจาก “การออกแบบและวิธีการก่อสร้าง” เตรียมส่งเอสไอ-ตำรวจ ดำเนินการต่อ
นายกรัฐมนตรี เผยผลสอบตึก สตง.ถล่ม เกิดจาก “การออกแบบและวิธีการก่อสร้าง” โดยเฉพาะผนังช่องลิฟต์-บันไดไม่ได้มาตรฐาน พร้อมสรุปข้อมูลส่งดีเอสไอ-ตำรวจ ดำเนินการต่อ
วันนี้ (30 มิ.ย.68) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลัง การประชุมติดตามผลการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) พังถล่มอันเนื่องมาจากแผ่นดินไหว ว่า การแผ่นดินไหวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มี.ค. 2568 เราได้รับความร่วมมืออย่างเต็มที่ จากทั้งกรมโยธาธิการและผังเมือง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ที่มาช่วยกันซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมา เป็นเอกภาพ มีข้อมูลที่สอดคล้องกัน
ซึ่งการหาข้อมูลเพิ่มเติมมาจากการใช้เทคโนโลยี ในการจำลองตึก เปรียบเทียบกับแรงสั่นสะเทือนแรงแผ่นดินไหว ว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ตึกหลังนี้ถล่ม โดยในเรื่องแรก รายงานจากทั้ง 4 สถาบัน เห็นได้ชัดว่า มีการบกพร่องในการออกแบบ และวิธีการก่อสร้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เทคนิคการก่อสร้างผนังช่องลิฟต์และผนังบันได โดยทางศัพท์เทคนิคจะเรียกว่า ผนังรับแรงเฉือน นี่คือสิ่งที่เกิดปัญหา ที่จริงแล้วเรื่องของวัสดุไม่ว่าจะเป็นเหล็กหรือคอนกรีตต่าง ๆ เป็นวัสดุที่ได้มาตรฐานโดยทั่วไป แต่การนำมาใช้ในโครงการนี้สิ่งที่เกิดปัญหาก็คือ ในเรื่องของคอนกรีตที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งแค่เฉพาะของโครงการนี้ไม่ใช่ว่าคอนกรีตทั่วไปจะมีปัญหา แต่คอนกรีตที่นำมาใช้และวิธีการในการสร้างของโครงการนี้ที่มีปัญหา ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งที่หลายภาคส่วนมีความกังวล ว่าการใช้วัสดุแบบนี้ในการสร้างตึกอื่นจะเป็นอย่างไร
เท่าที่ได้รับรายงานมา ที่จริงแล้วยังมีการก่อสร้างในหลายจุดที่ไม่ได้เป็นไปตามกฎหมาย ทั้งการออกแบบและการก่อสร้าง และจากการจำลองตึก ว่าถ้าปฏิบัติตามกฎหมายจะสร้างความแข็งแรงให้ตึกเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นที่ประจักษ์แน่นอนว่าถ้าทำตามกฎหมาย ตึกจะรับแรงสั่นสะเทือนได้มากกว่านี้แน่นอน และนี่เป็นสิ่งที่ออกมาตามหลักเทคโนโลยี ที่ทั้งสหรัฐอเมริกา และประเทศญี่ปุ่นก็ใช้เทคโนโลยีนี้เช่นเดียวกัน ในเวลาที่เกิดเหตุการณ์ที่จะทราบคุณภาพของตึกว่าจะรับเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้หรือไม่
นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า สำหรับโครงการอื่นได้มีการตรวจสอบในด้านวัสดุก่อสร้างอย่างเคร่งครัด ไม่ได้มีปัญหาใด ๆ จึงอยากให้ประชาชนเกิดความสบายใจมากขึ้น และต่อจากนี้ จะนำข้อมูลทั้งหมดที่ได้จัดทำเป็นรูปเล่ม โดยอีก 2 สัปดาห์จะส่งต่อให้กับ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ และตำรวจดำเนินการต่อ ซึ่งตนขอตอบปัญหาประชาชนเบื้องต้นก่อนว่าปัญหาที่เกิดขึ้นที่จริงแล้วเกิดจากการออกแบบ และการก่อสร้างของโครงการนี้ที่มีปัญหา อย่างเห็นได้ชัดว่าไม่ได้เป็นไปตามกฎหมาย
เมื่อถามว่าจนถึงตอนนี้ ความเสียหายตึก สตง. ถล่ม ใครจะเป็นคนรับผิดชอบ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เรื่องที่ผิด ผิดจากการออกแบบ และโครงสร้างการก่อสร้าง ส่วนเรื่องใครเป็นคนผิด ต้องให้ตำรวจและดีเอสไอเป็นคนชี้ เราทราบข้อมูลทั้งหมดแล้ว เพราะฉะนั้นใครที่เกี่ยวข้องก็ว่ากันไปตามกฎหมาย ตามกระบวนการ
ส่วนเหล็กไม่ได้มีปัญหา แต่มีปัญหาที่คอนกรีตใช่หรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ผู้เชี่ยวชาญได้แจ้งว่า เหล็กไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่จะมีปัญหาในวัสดุอื่น ที่นำมาไม่ผิด แต่เมื่อนำมาสร้างในโครงการนี้ แล้วเฉือนให้บางลง ซึ่งไม่เป็นไปตามกฎ ตอนแรกตนก็กังวลใจในเรื่องนี้ว่าของไม่ได้คุณภาพหรือไม่ เมื่อเทียบกับโครงการอื่นแต่สรุปแล้วไม่ใช่ แต่มาบิดในโครงการนี้
เมื่อถามว่า การออกแบบกับโครงสร้างผิด สตง. ที่เป็นผู้จัดซื้อจัดจ้างจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบด้วยใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ให้ดีเอสไอ ตำรวจ ไล่ดูว่าใครรับผิดชอบส่วนไหนบ้าง และต้องปล่อยให้เดินไปตามกระบวนการ เราให้ผู้เชี่ยวชาญและใช้เทคโนโลยีช่วยเวลา 90 วัน เพื่อหาว่าได้ข้อมูลมาหมดแล้ว
เมื่อถามว่า น้ำหนักที่จะเอาผิดอยู่ที่การออกแบบกับโครงสร้างหรือไม่ นายกรัฐมนตรีระบุว่า ยังไม่ทราบ ซึ่งข้อมูลที่ออกไปคนก็จะมองต่างมุม คนก็จะมองว่าใครผิดหรือถูก แต่อยากเป็นไปตามกระบวนการมากกว่า เพื่อให้เกิดความเป็นกลางมากที่สุด ว่าทำแบบนี้ใครผิด และตนเองไม่ได้มีหน้าที่ชี้ว่าใครผิด แต่ทราบว่าดำเนินการโดยผิดกฎหมาย
เมื่อถามว่า การเมืองในขณะนี้ มีความเปลี่ยนแปลง นายกรัฐมนตรีจะให้ความมั่นใจได้หรือไม่ว่า กระบวนการตรวจสอบตึก สตง. ถล่ม จะไม่เงียบ นายกรัฐมนตรียืนยันว่า ไม่เงียบอย่างแน่นอน และจะทำรายงานรูปเล่มอีก 2 สัปดาห์ ส่งให้ดีเอสไอกับตำรวจทำงานต่อ และที่ผ่านมา 90 วัน ที่เรารอกัน ประชาชนก็ยังไม่ลืม ยังรออยู่ว่าเกิดขึ้นจากอะไร วันนี้เมื่อได้คำตอบแล้ว ซึ่งดีมาก ๆ หลังจากนี้ก็ให้ว่าไปตามกระบวนการ