สรุปข่าวประจำวันที่ 22 กรกฎาคม 2568
สรุปข่าวประจำวัน จับตาเสอนชื่อ ผู้ว่า ธปท. : นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ตอบคำถามผู้สื่อข่าวสั้น ๆ ถึงความคืบหน้าเรื่องการเสนอวาระการพิจารณาเรื่องผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่เพื่อเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า “ก็ควรจะเข้า ครม.วันนี้ (22 ก.ค.) ส่วนรายละเอียด ขอให้รอดู” โดยเมื่อสัปดาห์ก่อน ที่ประชุม ครม.ยังไม่ได้มีการพิจารณาวาระเรื่องผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่ เนื่องจากการนำเสนอเอกสารบางประการยังไม่ครบถ้วน แต่ไม่ใช่เพราะติดปัญหาเรื่องคุณสมบัติแต่อย่างใด
สรุปข่าวประจำวัน
คลัง ยันเจรจาภาษีทรัมป์ไม่ใช่ 0% :
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวว่า ข้อเสนอที่จะให้กับสหรัฐฯ นั้น เบื้องต้นไทยอาจจะไม่สามารถเปิดได้ทั้งหมดเหมือนกับประเทศที่ได้มีการตกลงกันไปแล้ว เพราะการเปิดข้อเสนอทั้งหมดจะมีผลกระทบอย่างมาก เช่น เวียดนาม ที่ได้ภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ 20% แต่ต้องเปิดตลาดสินค้านำเข้าให้สหรัฐฯ เหลือ 0% โดยมองว่าการดำเนินการแบบนี้ อาจจะไม่ได้จบแค่สหรัฐฯ เพราะยังมีเรื่องอนุสัญญาว่าด้วยชาติที่ได้รับความอนุเคราะห์ยิ่ง (Most Favored Nation : MFN) ด้วย ซึ่งหมายความว่าหากเราให้ภาษี 0% กับบางประเทศ ก็อาจจะต้องให้กับประเทศคู่ค้าอื่น ๆ ด้วย ซึ่งจะส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการในประเทศอย่างมาก โดยเฉพาะกับสินค้าที่ประเทศไทยพยายามปกป้อง ทั้งภาคเอกชน และภาคเกษตรกร ส่วนจะมีสินค้ากลุ่มไหนบ้างที่ไม่สามารถให้ภาษีนำเข้า 0% หรือสินค้ากลุ่มไหนบ้างที่ให้ภาษีนำเข้า 0% แก่สหรัฐฯ ได้นั้น คงยังไม่สามารถตอบได้ เพราะยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจา
หุ้น ตปท.-ไทย :
ปิดตลาด (21 ก.ค. ) ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 44,323.07 จุด ลดลง 19.12 จุด (0.043%) แนสแดก ปิดที่ 23,180.06 จุด เพิ่มขึ้น 114.59 จุด (0.50%) แอสแอนด์พี ปิดที่ 6,305.60 จุด เพิ่มขึ้น 8.81 จุด (0.14%) ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย ปิดตลาด ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย ปิดตลาดที่ 1,208.13 จุด เพิ่มขึ้น 1.55 จุด (0.13%) มูลค่า 43,213.00 ล้านบาท
ทองคำขึ้น 150 บาท :
ราคาทองคำเมื่อวันที่ (21 ก.ค.) มีประกาศของสมาคมค้าทองคำ ราคาทองคำแท่ง รับซื้อบาทละ 51,450.00 บาท ขายออกบาทละ 51,550 บาท ทองรูปพรรณรับซื้อบาทละ 50,422.16 บาท ขายออกบาทละ 52,350.00 บาท ราคาทองคำขึ้น 150 บาท เมื่อเทียบกับวันที่ 19 ก.ค.
เงินบาทแข็งค่า :
สำหรับค่าเงินบาทเทียบเงินสกุลโลก วานนี้ (21 ก.ค.) โดยธนาคารแห่งประเทศไทย กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารพาณิชย์ โดยให้เงินบาทมีค่า 32.6031 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ 43.9577 บาทต่อ 1 ปอนด์, 38.0290 บาทต่อ 1 ยูโร, 22.1637 ต่อ 100 เยน, 4.1722 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ฮ่องกง ,กำหนดค่าเงินบาทที่ 25.5454 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สิงคโปร์ และ 7.7494 ต่อ 1 ริกิ
กสิกรไทย กำไรครึ่งปีแรก 2.6 หมื่นล้าน :
ธนาคารกสิกรไทย เผย ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2568 เปรียบเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2568 ธนาคารและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคารจำนวน 12,488 ล้านบาท ลดลงจำนวน 1,303 ล้านบาท หรือ 9.45% ผลการดำเนินงานสำหรับงวด 6 เดือน ปี 2568 เปรียบเทียบกับงวด 6 เดือน ปี 2567 ที่ปรับปรุงใหม่ ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและภาษีเงินได้มีจำนวน 56,847 ล้านบาท ลดลงจำนวน 2,470 ล้านบาท หรือ 4.16% กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคารสำหรับงวด 6 เดือน ปี 2568 มีจำนวน 26,280 ล้านบาท ลดลงจำนวน 260 ล้านบาท หรือ 0.98%
ไม่จบไม่สิ้น :
ปัญหาชายแดนไทยกัมพูชา กำลังจะลุกลามบานปลาย จากเรื่องของรัฐบาลกับรัฐบาล กองทัพกับกองทัพ กลายเป็นเรื่องของประชาชนคนไทย และประชาชนชาวกัมพูชา
นั่นเป็นสัญญาณที่น่ากลัว ถือว่า อันตรายมากมายเลยทีเดียว ในโซเชียลมีเดียพบพฤติกรรมการสร้างความเกลียดชัง ระหว่างชนชาติไทยและชาวกัมพูชากันอย่างแพร่หลาย
หากต้นตอของปัญหานี้ คือพื้นที่ข้อพิพาทหรือการรุกล้ำดินแดน ยังไม่ได้รับการพูดคุยปรับปรุงแก้ไข ปัญหาก็จะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น
ผลสุดท้ายอาจเกินการเยียวยาของคนทั้งสองประเทศก็เป็นได้
กัมพูชาป่วนตาเมือนธม :
เกิดเหตุความวุ่นวายบริเวณปราสาทตาเมือนธม เมื่อกลุ่มนักท่องเที่ยววัยรุ่นชาวกัมพูชาพยายามแสดงพฤติกรรมยั่วยุและท้าทายกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทย จนเกิดการโต้เถียงกันอย่างรุนแรง และมีแนวโน้มจะลุกลามบานปลายเป็นการปะทะ เจ้าหน้าที่ทหารทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชาได้เข้าควบคุมสถานการณ์โดยเร่งเข้าไปตักเตือนและยุติเหตุการณ์ พร้อมทั้งประสานขอให้ทหารกัมพูชานำตัวกลุ่มวัยรุ่นลงจากบริเวณตัวปราสาท เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุความวุ่นวายเพิ่มเติม ต่อมาไม่นาน ได้มีกลุ่มวัยรุ่นกัมพูชากลุ่มใหม่เดินทางขึ้นมายังบริเวณปราสาทอีกครั้ง เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยจึงต้องประสานกับทหารกัมพูชาให้นำตัวกลุ่มดังกล่าวลงจากพื้นที่อีกครั้ง เพื่อควบคุมสถานการณ์ให้สงบเรียบร้อย
พบทุ่นระเบิดอีก 2 แห่ง :
พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ชายแดนช่องบก กองกำลังสุรนารี และหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 3 (นปท.3) เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยผลจากการตรวจพื้นที่พบการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ชนิด PMN2 ในสภาพใหม่พร้อมทำงาน จำนวน 2 ทุ่น ห่างจากหลุมระเบิดเดิม 30 เซนติเมตร โดยปัจจุบันเจ้าหน้าที่ หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 3 (นปท.3) ได้ทำการรื้อถอนทุ่นระเบิดที่ตรวจพบใหม่ออกแล้วทั้ง 2 ทุ่น การกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นการรุกล้ำอธิปไตยของไทยอย่างชัดเจน และแสดงถึงเจตนาในการลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่ทหารไทย
พลทหารอัดคลิปขอบคุณ :
คุณพ่อของพลทหารธนพัฒน์ หุยวัน วัย 21 ปี ที่เหยียบกับระเบิด ขณะออกลาดตระเวนไปยังเนิน 481 ช่องบก จ.อุบลราชธานี ต้องตัดขาซ้าย ได้โพสต์คลิปพลทหารธนพัฒน์ ขอบคุณคนไทยทุกคนที่เป็นห่วง ระบุว่า อาการดีขึ้นแล้วระดับหนึ่ง ขอบคุณมากๆ ขอบคุณแบบสุดซึ้ง จากนี้ก็พักฟื้นแล้วรักษาแผลให้หาย
สถานการณ์ตลาดเหล็กไทย :
นายชัยเฉลิม บุญญานุวัตร นายกสมาคมผู้ผลิตเหล็กทรงยาวด้วยเตาอาร์คไฟฟ้า (EAF) ระบุถึงสถานการณ์ตลาดเหล็กเส้นก่อสร้างของไทยในปัจจุบันว่า ภายหลังจากมีการกวดขันตรวจสอบเหล็กที่ไม่ได้มาตรฐานในท้องตลาด และการตรวจสอบโรงงานผู้ผลิตอย่างต่อเนื่องโดยกระทรวงอุตสาหกรรมตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ประกอบกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ส่งผลให้มีอาคารหลายแห่งเสียหาย รวมถึงกรณีอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่มลงมา ทำให้ผู้บริโภคให้ความสนใจเรื่องคุณภาพของเหล็กเส้นเพิ่มมากขึ้น สนใจในเหล็ก EAF มากขึ้น ซึ่งถือเป็นแนวโน้มที่ดี เนื่องจากเหล็กเป็นวัสดุที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงแข็งแรงของสิ่งปลูกสร้างในระยะยาวจากสถานการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้มีความต้องการเหล็กเส้นจากสมาชิกสมาคมฯ
สำหรับกระแสข่าวที่ว่า เหล็กเส้นอาจขาดตลาด และผู้ผลิตอาจฉวยโอกาสปรับขึ้นราคานั้น ผู้ผลิตเหล็กเส้นจากเตา EAF ส่วนใหญ่ยังคงแบกรับภาระต้นทุนที่สูง ทั้งในด้านการผลิต การควบคุมคุณภาพ การดูแลสิ่งแวดล้อม และสวัสดิการแรงงาน เพื่อให้ได้สินค้าที่มีมาตรฐานและสอดคล้องกับกฎหมายต่างๆ ราคาที่มีการขยับจึงเป็นราคาที่สะท้อนต้นทุนจริง และที่ผ่านมาผู้ผลิตได้ช่วยกันตรึงราคาไว้ ประกอบกับเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตถูกจัดอยู่ในประเภทสินค้าควบคุมภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายในได้ประกาศให้เหล็กเส้นเป็นสินค้าควบคุม เพื่อใช้ในการกำกับดูแลและป้องกันการกระทำทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม ทั้งในด้านราคาซื้อ ราคาขาย และเงื่อนไขทางการค้า
ในส่วนของกำลังการผลิต สมาคมฯ ได้ขอความร่วมมือสมาชิกให้เร่งผลิตเหล็กเส้นทั้งชนิด T และ Non-T เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะจากกลุ่มผู้ผลิตที่ใช้เตาอาร์คไฟฟ้า คาดว่าในไตรมาสที่ 3 ของปี 2568 กำลังการผลิตจะเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 45% หรือประมาณ 60,000 ตันต่อเดือน เมื่อเทียบกับต้นไตรมาสที่ 2 ส่งผลให้สามารถป้อนเหล็กเส้นเข้าสู่ตลาดได้ราว 200,000 ตันต่อเดือน และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเป็น 280,000 ตันต่อเดือนในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้
เฟดเข้าสู่ช่วง Blackout :
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มเข้าสู่ช่วงงดเว้นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงิน (Blackout Period) ก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ในวันที่ 29-30 ก.ค. นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะประกาศคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กดดันอย่างหนักให้นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด รีบปรับลดอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งในปีนี้ โดยจะเกิดขึ้นในเดือนก.ย. และธ.ค.
จีนยังคุมเข้มส่งออก :
การส่งออกเจอร์เมเนียมและแอนทิโมนี ซึ่งเป็นแร่ธาตุสำคัญ 2 ชนิดของจีนที่ใช้ในอาวุธยุทโธปกรณ์ อุปกรณ์สื่อสาร และโซลาร์เซลล์ ลดลงอย่างมากในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ท่ามกลางการดำเนินการของจีนเพื่อปราบปรามการลักลอบสวมสิทธิ์ส่งออกไปยังสหรัฐฯ ข้อมูลศุลกากรที่เผยแพร่ ระบุว่า การส่งออกเจอร์เมเนียมทรุดลง 95% และแอนทิโมนี หรือแร่พลวง ร่วงลง 88% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบกับเดือนม.ค. ซึ่งต่างจากภาพรวมการส่งออกแร่หายากที่กลับมาดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเดือนที่แล้ว หลังการบรรลุข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯ กับจีน การส่งออกเจอร์เมเนียมและแอนทิโมนีที่ลดลงอย่างมากนั้น มีสาเหตุมาจากจีนปราบปรามการหลีกเลี่ยงมาตรการควบคุมการส่งออกแร่ธาตุสำคัญ โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หน่วยงานข่าวกรองของจีนเปิดเผยว่า ทางหน่วยงานตรวจพบความพยายามลักลอบส่งออกสินค้าควบคุมดังกล่าวโดยการสวมสิทธิ์ ซึ่งสอดคล้องกับรายงานของรอยเตอร์เมื่อสัปดาห์ก่อนว่า มีการส่งออกแอนทิโมนีจากไทยและเม็กซิโกไปยังสหรัฐฯ ในปริมาณมากผิดปกติ
ผู้นำฟิลิปปินส์เดินทางเยือนสหรัฐฯ :
เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เตรียมพบปะกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ โดยหวังว่าจะทำให้สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าที่น่าพึงพอใจมากขึ้นได้ ก่อนถูกเรียกเก็บภาษีในอัตรา 20% หลังเส้นตายในวันที่ 1 ส.ค. ทั้งนี้ มาร์กอสจะเป็นผู้นำชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คนแรกที่ได้พบปะกับทรัมป์ในการดำรงตำแหน่งสมัยที่ 2 โดยทรัมป์ได้บรรลุข้อตกลงการค้ากับประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามและอินโดนีเซียเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
"ลิซ่า BLACKPINK" เปิดรถหรูคันใหม่ :
ล่าสุด ลิซ่า ลงภาพในโมเมนต์ขับรถซึ่งเธอขับไปเที่ยวเช็กอินสถานที่ต่างๆ ด้วยตัวเอง เผยห้องโดยสารในรถทำคนโฟกัสหนักมากเพราะนอกจากจะหรูหราแล้ว ยังแอบโฟกัสแก้วน้ำที่ทำสะดุดสายตาสุดๆ ทำให้รู้ว่า ลิซ่า กำลังอินเทรนด์ดื่มมัจฉะชาเขียวนั่นเอง หลายคนเห็นรถหรูแล้วต่างร้องว้าวดังๆ ไปเลยกับ Ferrari Roma ม้าลำพองของ ลิซ่า ราคาเบาๆ สมฐานะไอดอลระดับโลก
"เจเจ" อวยพรวันเกิดโพสต์รูปคู่ :
รักกันยาวนานจริงๆ สำหรับคู่ของหนุ่มหล่อ เจเจ-กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม กับแฟนสาว ต้าเหนิง-กัญญาวีร์ สองเมือง โดยอย่างวันพิเศษนี้ที่เป็นวันเกิดของ ต้าเหนิง และได้เห็น เจเจ โพสต์รูปคู่น่ารักๆ ลงอินสตาแกรม พร้อมกับแคปชั่นว่า "I wish all the stars would protect you at all costs. Have the happiest life and birthday." กับภาพความน่ารักของรูปคู่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน จนหลายคนเข้ามาคอมเมนต์ เช่น งุ้ยยยยย น่ารักง่าาาา,โอ๊ยยยย น่ารัก และอีกหลาย ๆ คอมเมนต์แซวกันยกใหญ่
เลือกปฏิบัติ :
ชาร์ลี ค็อกซ์ เจ้าหนูนักวิ่งพรสวรรค์ โดนตัดสิทธิ์เข้าร่วมแข่งวิ่งระดับชั้นประถมศึกษาในออสเตรเลีย เนื่องจากป่วยภาวะออทิสติก ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับผู้คนจำนวนมากเกี่ยวกับการเลือกปฎิบัติ ซึ่งหลายคนมองว่าไม่ยุติธรรม
แรงต่อเนื่อง :
ทัพจอมเตะไทยฟอร์มยังแรงต่อเนื่อง ลงสนามวันที่สาม เก็บเพิ่มมาได้อีก 1 เหรียญทองแดง จาก “ใบเตย” ศศิกานต์ ทองจันทร์ ในรุ่น 62 กก.หญิง ทำให้หลังผ่านสามวัน ทีมจอมเตะไทยคว้าไปแล้ว 1 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน 2 เหรียญทองแดง ในการแข่งขันเทควันโด กีฬาม.โลก 2025 ที่เยอรมัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ทบ. พบทุ่นระเบิดใหม่อีก 2 ทุ่น ในพื้นที่ช่องบก