โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

กีฬา

ปังหรือแป้ก? ย้อน 3 แข้งสหราชอาณาจักรยุคโมเดิร์นในสีเสื้อ บาร์เซโลน่า

SIAMSPORT

เผยแพร่ 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ด้วยวามที่สโมสรฟุตบอล บาร์เซโลน่า ถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่ปี 1899 ทำให้ที่ผ่านมามีนักเตะจากชาติในเครือสหราชอาณาจักรที่เล่นให้กับสโมสรหลายคน ยกตัวอย่างเช่น อาร์เธอร์ วิตตี้ ที่เริ่มเล่นให้ บาร์เซโลน่า ในปี 1899

อย่างไรก็ตาม หากนับเฉพาะในยุคสมัยใหม่ หรือที่คนชอบเรียกกันว่า "Modern Era" แล้วล่ะก็ ที่ผ่านมามีเพียง 3 คนเท่านั้นที่มาจากในเครือสหราชอาณาจักรแล้วได้เป็นนักเตะของ บาร์เซโลน่า โดยรายของ มาร์คัส แรชฟอร์ด กำลังจะเป็นคนที่ 4 หากไม่มีอะไรผิดพลาด ซึ่งเราจะย้อนไปดูว่า 3 คนก่อนหน้านี้มีใครบ้าง

- สตีฟ อาร์ชิบัลด์

ช่วงระหว่างปี 1980-1984 อาร์ชิบัลด์ เล่นให้กับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ซึ่งผลงานของเขาถูกใจ บาร์เซโลน่า อย่างมาก จนทำให้ในปี 1984 "อาซูลกราน่า" จ่ายเงิน 1.15 ล้านปอนด์เพื่อดึงอดีตหัวหอกชาวสกอตต์ไปร่วมทัพ

ตอนนั้น อาร์ชิบัลด์ ถึงขั้นได้รับเสื้อเบอร์ 10 กับทาง บาร์เซโลน่า ด้วย อย่างไรก็ตาม ตอนนั้นบางคนก็กังขาว่าเขาถือเป็นการเสริมทัพที่ถูกจุดหรือไม่ และที่ บาร์เซโลน่า ซื้อเขาไปร่วมทีมอาจจะเป็นเพราะตอนนั้นกุนซือของ บาร์เซโลน่า เป็น เทอร์รี่ เวนาเบิ้ลส์ ซึ่งเป็นคนสหราชอาณาจักรเหมือนกันเท่านั้น

ถึงกระนั้น อาร์ชิบัลด์ ก็แสดงให้เห็นว่าเขาได้มาอยู่กับทีมเพราะฝีเท้า หลังจากทำได้ 15 ประตูตั้งแต่ในซีซั่นแรกของการเล่นใน ลา ลีกา จนถือเป็นดาวซัลโวสูงสุดของทีมในซีซั่น 1984-85 รวมถึงช่วยให้ บาร์เซโลน่า ได้แชมป์ลีกตั้งแต่ฤดูกาลเปิดตัว ขณะที่ในฤดูกาล 1985-86 เขาก็เป็นหนึ่งในขุมกำลัง บาร์เซโลน่า ชุดที่ไปถึงนัดชิงชนะเลิศของศึก ยูโรเปี้ยน คัพ (ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปัจจุบัน) ด้วย ก่อนที่จะแพ้ สเตอัว บูคาเรสต์ ในบั้นปลาย

น่าเศร้าที่หลังจากนั้น อาร์ชิบัลด์ ไม่ได้เป็นคนสำคัญของทีมเหมือนเก่า โดยเขาถึงขั้นเคยโดนปล่อยให้ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ยืมตัวไปใช้งานด้วย ก่อนที่จะแยกทางกับทีมแบบถาวรแล้วไปซบ ฮิเบอร์เนี่ยน ทีมในบ้านเกิดในปี 1988

- แกรี่ ลินิเกอร์

2.8 ล้านปอนด์ คือจำนวนเงินที่ บาร์เซโลน่า ยอมจ่ายให้ เอฟเวอร์ตัน ในช่วงซัมเมอร์ ปี 1986 หลังจาก ลินิเกอร์ เพิ่งทำไป 30 ประตูจากการเล่น 41 นัดในศึก ดิวิชั่น 1 ของอังกฤษ ฤดูกาล 1985-86 (สมัยนั้น ดิวิชั่น 1 คือลีกสูงสุดของอังกฤษ) ให้กับ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" รวมถึงจากการที่เขาเพิ่งเป็นดาวซัลโวสูงสุดของศึก ฟุตบอลโลก 1986 ด้วยผลงาน 6 ประตูกับทีมชาติอังกฤษ

ในฤดูกาลแรก หรือก็คือซีซั่น 1986-87 ลินิเกอร์ โชว์ฟอร์มสมราคาด้วยการทำได้ 20 ประตูจากการเล่นใน ลา ลีกา 41 นัด ให้กับทีมภายใต้การคุมทัพของ เวนาเบิ้ลส์ และพอถึงซีซั่น 1987-88 เขาก็ยิงในลีกได้อีก 16 ลูกจาก 36 เกม แม้ว่าในฤดูกาลนั้น บาร์เซโลน่า จะมีการเปลี่ยนกุนซือจาก เวนาเบิ้ลส์ ไปเป็น หลุยส์ อราโกเนส ในช่วงเดือนกันยายนของปี 1987 ก็ตาม

จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของ ลินิเกอร์ กับ บาร์เซโลน่า เกิดขึ้นในซีซั่น 1988-89 เมื่อ โยฮัน ครัฟฟ์ กุนซือคนใหม่ของทีมมองว่า ลินิเกอร์ ไม่เข้ากับระบบที่ตัวเองต้องการจนมักจะจับ ลินิเกอร์ ไปยืนเป็นปีกขวาบ่อยครั้ง สุดท้ายแล้วในฤดูกาลนั้น ลินิเกอร์ ก็ยิงในลีกได้แค่ 6 ลูกจาก 26 นัดใน ลา ลีกา ก่อนที่เขาจะโดนขายให้ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ หลังจากตอนนั้น บาร์เซโลน่า ต้องการงบให้ ครัฟฟ์ เอาไปใช้เสริมทัพ รวมถึงอยากเอาโควตาแข้งต่างชาติไปใช้กับคนอื่น

"ครัฟฟ์ ไม่ต้องการผม เขาจับผมไปยืนเป็นปีกขวาจนทำให้ผมโมโหและขอย้ายออกจากทีม มันเห็นได้ชัดเจนอยู่แล้ว ตอนนั้นมันสามารถส่งนักเตะต่างชาติลงเล่นได้แค่ 2 คน และเขาก็อยากใช้งานคนที่ตัวเองชอบ ที่จริงผมยอมรับได้นะ ผมไม่ใช่คนที่อีโก้สูงอะไรเลย แต่เขาไม่กล้าบอกผมตรงๆ ก็เท่านั้น" ลินิเกอร์ เคยเปิดใจถึงเรื่องนั้นเมื่อปี 2021 โดยเขาได้แชมป์ร่วมกับ บาร์เซโลน่า 2 รายการ ได้แก่ โกปา เดล เรย์ ซีซั่น 1987-88 กับ คัพ วินเนอร์ส คัพ ฤดูกาล 1988-89

- มาร์ค ฮิวจ์ส

นอกจาก ลินิเกอร์ แล้วนั้น ฮิวจ์ส ก็ย้ายไปอยู่กับ บาร์เซโลน่า ในช่วงซัมเมอร์ของปี 1986 ด้วย ซึ่งตอนนั้น บาร์เซโลน่า จ่ายเงินให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นจำนวน 2 ล้านปอนด์ ประเด็นก็คือที่จริงแล้วตอนนั้น ฮิวจ์ส ไม่ได้อยากบอกลายอดทีมแห่งถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แม้แต่นิดเดียว

"ตอนนั้นผมก็แค่พยายามเล่นตามสไตล์ของตัวเอง ผมค่อนข้างมีความสุขพอตัวด้วย ผมได้เป็นกองหน้าตัวเป้าของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เชียวนะ ผมได้ลงเล่นทุกนัดต่อหน้าแฟนบอลทั้ง 40,000 คน ผมกำลังมีช่วงเวลาที่แสนสุข ผมไม่ได้อยากย้ายไปไหนเป็นพิเศษเลย" อดีตแข้งชาวเวลส์เคยให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องดังกล่าว

ทั้งนี้ ในฤดูกาล 1986-87 ฮิวจ์ส ได้ลงเล่นให้ บาร์เซโลน่า ไปทั้งหมด 37 นัดในทุกรายการ ซึ่งเขาก็ทำได้เพียง 5 ประตูเท่านั้น ทำให้ในซีซั่นต่อมาเขาย้ายไปเล่นกับ บาเยิร์น มิวนิค ด้วยสัญญายืมตัว ก่อนที่ในช่วงซัมเมอร์ ปี 1988 เขาจะได้ย้ายกลับไปอยู่กับ แมนยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 1.8 ล้านปอนด์ ซึ่งถือเป็นการซื้อนักเตะด้วยค่าตัวที่สูงเป็นสถิติของ "ปีศาจแดง" ในตอนนั้น ทำให้เขาบอกลา บาร์เซโลน่า โดยที่ไม่ได้แชมป์อะไรกับทีมเลย

- เด็กเกร็ดบอล -

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก SIAMSPORT

ออลสตาร์สิงคโปร์ อิน ไทยลีก

54 นาทีที่แล้ว

กัมพูชาน้อมรับผิดกรณีใช้โลโก้ซีเกมส์ผิด พร้อมขอโทษและแก้ไขเรียบร้อยแล้ว

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เกษตรศาสตร์ เอฟซี คว้า “อิสมาอิล ซาซี” แนวรุกฝรั่งเศส-ตูนิเซีย เสริมแกร่งลุยไทยลีก 2

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

กาญจนบุรีอัปเดตเร่งปรับสนามกลีบบัว-เฝ้าระวังพายุวิภาหวั่นกระทบศึกคิงส์คัพ

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความกีฬาอื่น ๆ

เด เกอา ยันเองมีหลายทีมจากอังกฤษอยากให้ไปเฝ้าเสา แต่ปฏิเสธเพราะรักแมนยู

MATICHON ONLINE

8 ยอดฝีมือจาก “สิงห์ ไทยแลนด์ ชาเลนจ์” เกาะขอบ “ดิ โอเพ่น” ครั้งที่ 153 เมเจอร์เก่าแก่ที่สุดของโลก พร้อมออกรอบที่ลอนดอน

Manager Online

คว้าเหรียญ! ‘ศศิกานต์’ ซิวทองแดงเทควันโด ม.โลก

Play Now Thailand

ออลสตาร์สิงคโปร์ อิน ไทยลีก

SIAMSPORT

กัมพูชาน้อมรับผิดกรณีใช้โลโก้ซีเกมส์ผิด พร้อมขอโทษและแก้ไขเรียบร้อยแล้ว

SIAMSPORT

‘เมย์’ จอดรอบแรก! ‘วิว’ คืนฟอร์มลิ่วแบดไชน่า

Play Now Thailand

“เสธ.หมึก” แต่งตั้ง “บิ๊กหม่อง” ประสานงาน-ดูแล การออกบัตรและการทำงานของสื่อทุกประเทศใน “ซีเกมส์ ครั้งที่ 33”

เดลินิวส์

เปิดแล้ว! สงขลาจัดยิ่งใหญ่ ‘ตะกร้อคิงส์คัพ’ ครั้งที่ 38

Play Now Thailand

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...