‘ทักษิณ’การันตีเสียงปริ่มน้ำบริหารงานได้ บอก พรรคร่วมวันนี้ไม่ทิ้งกันตลอดไป
เมื่อเวลา 18.50 น. วันที่ 22 ก.ค. ที่โรงแรมอีสตินแกรนด์ พญาไท นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นกล่าวบรรยายพิเศษว่า วันนี้ตนรู้สึกหนุ่มขึ้นเยอะ มีความรู้สึกเหมือน 51 ปีที่แล้ว ตอนนั้นตนอายุ 25 ปี มีประสบการณ์ทางการเมืองเหมือนวันนี้ ตอนนั้นตนมาช่วยราชการอยู่กับนายปรีดา พัฒนถาบุตร ซึ่งเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีคนเดียวและเป็นวิปรัฐบาล สมัยม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นนายกฯ สมัย 51 ปีที่แล้ว วันนี้บรรยากาศคล้ายกันเพราะสมัยก่อนพรรคร่วมรัฐบาลมีหลายพรรค เพราะเป็นผลพวงจากการเขียนกฎหมายทางการเมืองให้หลายพรรคการเมืองต้องเป็นสภาพที่ไม่เป็นพรรคใหญ่มากนัก ตอนสมัยที่ตนขึ้นมาเป็นพรรคไทยรักไทย โดยรัฐธรรมนูญปี 2540 ทำให้พรรคการเมืองแข็งแรง แต่หลังจากปฏิวัติแล้วคงไม่อยากเห็นการเมืองแข็งแรงเลยเป็นแบบนี้ จึงเป็นความท้าทาย ตนเป็นคนไม่มองเห็นปัญหาเป็นปัญหา ตนมองปัญหาเป็นความท้าทาย
นายทักษิณ กล่าวว่า วันนี้กำลังท้าทายพวกเราที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลว่า เราจะต้องสร้างความเป็นปึกแผ่น สร้างความแข็งแรงของพรรคร่วมรัฐบาลถึงแม้ว่าเสียงจะเกินกึ่งหนึ่งไม่มากเกินไปนัก แต่ด้วยความสามัคคี ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ความมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาของชาติ เสียงหนึ่งเสียง ก็เกินพอแต่วันนี้เราเกินเยอะกว่านั้นเยอะ และเข้าใจว่ามียุทธการซึ่งไม่ค่อยพึงปรารถนาเท่าไหร่มีมาทุกฝ่าย ไม่เป็นไรอย่าไปพูดถึง
นายทักษิณ กล่าวอีกว่า ในสมัย 51 ปีที่แล้ว ตนมีบทบาทในการควบคุมสส. ให้มาโหวตในกฎหมายสำคัญทุกรอบ ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณ หรือกฎหมายสำคัญของรัฐบาล ตนต้องไปอยู่ในสภาฯต้องไปไล่ตามหัวหน้าพรรคต่างๆและทำบัญชี ซึ่งละไว้ในฐานที่เข้าใจ เพื่อให้ผู้แทนทั้งหลายได้อยู่ในสภาฯ ให้เรียบร้อย และมั่นใจว่าเราชนะโหวต ก็ประคองอยู่พักหนึ่ง และตอนหลังมีเหตุการณ์หลายอย่าง บังเอิญวันนี้มีพรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลในจังหวะที่มั่นใจว่าได้เปรียบทางการเมือง แต่เป็นจังหวะที่ไม่เป็นสุภาพบุรุษ ไม่เป็นไรวันนี้พรรคร่วมรัฐบาล ก็ยังเป็นปึกแผ่น แข็งแรงดี จากการที่ตนได้พบปะหัวหน้าพรรคทุกคน ทุกคนยืนยันว่า เราจะไปด้วยกัน และตนบอกกับหัวหน้าพรรคเพื่อไทยว่า ทีมนี้แหละที่เมื่อเลือกตั้งแล้วก็จะเป็นเพื่อนร่วมงานกันอีกครั้งหนึ่ง เมื่อไม่ทิ้งกันขนาดนี้ก็ไม่ทิ้งกันตลอดไปจริงหรือไม่
นายทักษิณ กล่าวต่อว่า ฉะนั้นวันนี้จากที่ตนมีประสบการณ์ 51 ปีแล้ว ตนมีความรู้สึกว่าวันนี้ดีกว่าวันนั้นเยอะ และวันนี้เองถึงแม้ตนจะไม่ใช่เด็กอายุ 25 ปี ที่วิ่งไล่ตะครุบ สส.ให้มาประชุม แต่อย่างน้อยวันนี้ความเป็นพี่ๆของทุกท่านมาก่อน บางคนอาจเป็นรุ่นลูกรุ่นหลาน เพราะตนก็ 76 ปีแล้ว ยังง่ายกว่าเพราะวันนั้นยังทำได้ วันนั้นยังต้องไปขอเงินคนอื่นมาใช้ วันนี้ยังพอมีเงินใช้น่าจะโอเคกว่า จึงมั่นใจว่า เราสามารถประคองรัฐบาลได้ แล้วปัญหาที่เราจะต้องแก้ให้ประชาชนวันนี้มีเยอะมาก เพราะวันนี้บ้านเมืองเราเสียหายเยอะมาก การบริหารที่ผิดพลาดโดยเฉพาะการบริหารทางเศรษฐกิจ และระบบราชการที่เติบโตเยอะไป และซับซ้อน ซึ่งระบบราชการที่ดีต้องเปิดเผยชัดเจน ทำให้ประชาชนได้ใช้บริการ ดังนั้น การปรับปรุงรัฐบาล ปรับปรุงบริหารประเทศ จะว่าแย่ก็แย่ จะว่าดีก็ดี เพราะเรามีเทคโนโลยีในการแก้ปัญหาให้เร็วขึ้น จึงต้องการให้ทุกท่านอดทนช่วยกัน และรัฐมนตรีทั้งหลายก็ทำงานไปด้วย ขอให้แบ่งเวลาให้ดี แบ่งเวลาให้ความอบอุ่นกับสส.ด้วย เพราะประชาชนอยู่ใกล้กับสส. บางเวลามีทุกข์มาเขาไม่รู้จะบ่นกับใคร ก็ต้องบ่นกับพรรค หรือสส.
นายทักษิณ กล่าวอีกว่า สมัยก่อนรัฐมนตรีมีตั้ง 48-49 คน เขาดูแล 1 ต่อ 4 คน ดูแลกันได้อบอุ่น ตนเชื่อว่า วันนี้ถ้าแต่ละพรรคแบ่งรัฐมนตรีให้ความอบอุ่นกับสส. ก็จะมั่นคง เพราะบางครั้งหากไม่ดูแลก็จะถูกตีท้ายครัว หากดูแลดีๆ ก็ไม่ถูกใครตีท้ายครัว เพราะวันนี้เรามีพวกชอบตีท้ายครัวอยู่ ตนเชื่อว่ารัฐบาลเชื่อในทฤษฎีอย่างหนึ่งคือเซ็ทแบ็ก คือเราถอยออกมา เหมือนเวลาเราตีเทนนิสและลูกกลับมาเข้าฝั่งมันจะรุนแรงกว่า ดังนั้น การแก้ปัญหาของเราวันนี้เมื่อมีปัญหา ตนมั่นใจว่า รัฐบาลจะแข็งแรงกว่าที่แล้วมา เพราะมีความสามัคคีกัน โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย วันนี้ได้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ซึ่งกำกับดูแลเป็นกระทรวงที่ส่งนโยบายถึงมือประชาชน และได้เห็นนายภูมิธรรมไปนั่งทำงานก็ไม่ค่อยดุเท่าไหร่ ไปถึงสัปดาห์แรกย้ายอธิบดี 2 คน ซึ่งบางทีประเทศเราต้องการความเด็ดขาดเฉียบพลัน บางทีเราช้าไป รำวงมากไปก็ไม่ค่อยดี วันนี้เราไม่มีเวลาคนอื่นรำวงโชว์เราแล้ว ตอนนี้ต้องเอาจริง
นายทักษิณ กล่าวว่า ตนได้เห็นรัฐมนตรีหลายท่านขยันมาก ตั้งใจทำงาน แต่ต้องระวัง เพราะวันนี้ผู้คนเราหลากหลายรู้หน้าไม่รู้ใจ บางทีก็จะมาในรูปแบบต่างๆ อยากให้รัฐมนตรีหนักแน่นเข้มแข็ง จะได้ทำการเมืองของเราให้ดี ตนว่างงานอยู่ ถ้ารัฐมนตรีคนไหนอยากใช้งานจะโทรศัพท์มาปรึกษาหรืออะไรก็ยินดี แม้กระทั่งสส. อยากชวนตนไปเที่ยวบ้างก็ยินดี ตนคิดว่าไม่มีอะไรทำก็อยากขับรถเที่ยวทั่วประเทศไทย ไปดูว่าพ่อค้ายาเสพติดยังหลงเหลืออยู่ที่ไหนบ้างจะได้มาฟ้องให้ฟัง ชาวบ้านวันนี้ยอมรับเลยว่าเดือดร้อนทางเศรษฐกิจหนักที่สุด แต่ขอให้รัฐบาลจัดการยาเสพติดก่อน เพราะยาเสพติดทุกข์และก็ผวา วันนี้ระยะหลังเราจับได้เยอะมาก แต่ปัญหาคือเรื่องสถานบำบัด ซึ่งตนได้แนะนำว่าสถานที่บำบัดต้องมีทุกอำเภอที่มียาเสพติด เราสามารถใช้ตรงไหนก็ได้เช่น อำเภอนี้มีตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ปรับปรุงโรงนอน มาเป็นที่บำบัดได้ ซึ่งต้องร่วมกันหลายกระทรวง และหากเราจับด้วยบำบัดด้วยปัญหาจะหมดเร็วขึ้น
นายทักษิณ กล่าวอีกว่า เรื่องของกัญชาวันนี้เป็นปัญหากับการท่องเที่ยวมาก หลายที่นักท่องเที่ยวหายไปด้วยกัญชา ฉะนั้น กัญชาเสรีอันตรายมาก ต้องรีบกลับมาควบคุมให้ได้ วันนี้เราไม่ค่อยมีระบบการควบคุม ฉะนั้น ใครที่เป็นหน่วยงานไหนที่มีไลเซ็นต์ที่ชัดเจนเพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชน โดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุข เป็นต้น
“ผมมั่นใจว่า วันนี้พวกเราทุกคนจะมีความสามัคคีกัน และเมื่อผมพ้นบ่วงของผมแล้ว ผมจะแวะไปเยี่ยมท่านทั้งหลาย ไปทุกจังหวัด แวะไปเยี่ยม ไปให้คำปรึกษา คำแนะนำ มีอะไรก็ไม่ต้องเกรงใจ วันนี้ไม่รู้จะบรรยายอะไร เพราะพูดมาเยอะแล้ว ขออย่างเดียว อยากจะแชร์กับท่านว่า 51 ปีที่แล้วผมมีบรรยากาศเหมือนวันนี้ และผมเป็นผู้ที่ทำหน้าที่โดยตรงต่อการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล และเมื่อวันแต่งงานของผม ผมแต่งงานหลังจากที่รัฐบาลหมดสภาพไปแล้ว ยุบสภา แล้วผมก็แต่งงาน ปรากฏว่างานแต่งของผมมีแต่ สส. มีแขกประมาณ 1,000 คนมีนักการเมือง 800-900 คน ผมอยู่มาจนเป็นปู่แล้ว หวังว่าจะช่วยเป็นกำลังใจให้ทุกท่าน ทุกคนมีผมอยู่ที่นี่ อย่าว้าเหว่ มีผมอยู่ที่นี่ อยากปรึกษาแวะมาหาอยากกินข้าวด้วย แวะมาเพื่อพวกเราจะทำงานได้อย่างสบายใจ และไม่ต้องไปตกใจกับคะแนนเสียงที่หายไปมันหายไปได้ก็กลับมาได้ หวังว่าทุกคนคงจะมีกำลังใจ และมีผมอยู่ทั้งคน ได้นายกฯอิ๊งค์ แถมพ่อนายกฯอิ๊งค์ ไว้ช่วยเป็นที่ปรึกษาก็แล้วกัน” นายทักษิณ กล่าว