ฉีกกรอบ! NUANOSE ยาดมที่ใช้ AI ช่วยคิด ปั้นธุรกิจสำเร็จได้ในเดือนเดียว
NUANOSE แบรนด์ยาดมที่นำเทคโนโลยี AI มาใช้ให้เกิดประโยชน์ สร้างไอเดียปั้นธุรกิจสำเร็จง่าย ๆ ด้วยระยะเวลาเพียงแค่เดือนเดียวเท่านั้น
ดร.ณภัทร จาตุศรีพิทักษ์ ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร บริษัท สยามเมทริกซ์ คอนซัลติ้ง จำกัด เล่าว่าไม่เคยคิดจะทำสินค้า Wellness หรือสินค้ายาดมมาก่อน โดยตนทำธุรกิจ B2B เกี่ยวกับคอนเซาท์ แต่มีจุดเปลี่ยนสำคัญ คือเมื่อปลายปีที่แล้ว ได้มีโอกาสไปพูดในงาน secret sauce กับหัวข้อที่ว่าใช้ AI ทำธุรกิจอย่างไร ในลักษณะเชิงขายของ แต่ตนก็ได้ต่อรองกับทีมงานว่าไม่อยากขายของตลอด 75 นาที เพราะรู้สึกว่าไม่น่าจะมีใครจ่ายเงิน และพูดขายของตลอดระยะเวลานั้นได้
“บอกกับทีมงานไปว่าเหลือเวลา 1 เดือน ลองตั้งเป็นชาเลนจ์ว่าจะลองทำธุรกิจที่ผมไม่มีความรู้ใด ๆ เลย ลองดูว่าทำได้หรือไม่”
ดร.ณภัทร เล่าต่อว่าสิ่งที่ตั้งเป็นโจทย์ มีไอเดียคน 1 คน บวกกับเทคโนโลยี AI ว่าจะได้ธุรกิจอะไร โดยตนคิดอยู่นานว่าจะขายอะไร ซึ่งต้องย้อนกลับไปธุรกิจที่ทำอยู่ว่าเป็นคอนเซาท์ ลูกค้าส่วนใหญ่จะมึนหัวกับเรื่องข้อมูลที่มีมากมายเต็มไปหมด เราจึงมีของชำร่วยให้เป็น “ยาดม” และมีการติดเบอร์โทรศัพท์ พร้อมข้อความว่า “สามารถติดต่อกรมสุขภาพข้อมูลได้” ถ้ามีอาการปวดหัวอีกครั้ง ผ่านไปสักระยะพบว่ามีคนโทรเข้ามาจำนวนมาก แต่ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องคอนเซาท์ที่ทำอยู่ กลายเป็นอยากได้ “ยาดม”
“ไอเดียจึงเกิดว่านี่น่าจะมีศักยภาพ จึงคิดต่อว่าอยากได้ยาดมทันสมัย ไม่ Luxury สนุก สู้ชีวิต ฮา ก็ลองคุยกับ AI เป็นคู่คิดว่าอยากทำแบรนด์ประมาณนี้ จะได้ผลลัพธ์ออกมาประมาณไหน”
หลังจากที่พูดคุยกับเทคโนโลยี AI ปรากฏว่าได้ชื่อแบรนด์ที่ออกแนวกวน ๆ มากชื่อว่า NUANOSE ที่ผสมผสานคำว่า “จมูก” และ “มั่ว” เข้าด้วยกัน เหมาะกับสังคมไทย รวมถึงได้แนวคิดหลักของแบรนด์ออกมาด้วยระยะเวลาไม่ถึง 10 นาที นั่นคือ ขายความสนุก ความบ้า ซึ่ง AI ได้คิดกลิ่นออกมาว่ามีกลิ่นอะไรบ้าง เช่น กลิ่นเปย์เดย์ (อดทนรอวันเงินเดือนออก)
ไม่ใช่แค่นั้น ดร.ณภัทร ยังใช้ AI ในการออกแบบฉลากของยาดมแต่ละกลิ่น ด้วยเวลาอันรวดเร็ว ที่เล่ามานี้ใช้เวลาเพียง 24 ชั่วโมง สามารถสั่งผลิตได้แล้ว แม้จะไม่ได้แปลว่าทำธุรกิจทันทีได้ใน 24 ชั่วโมง แต่เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่าเราสามารถนำไอเดียธรรมดาเรื่องหนึ่งไปสู่สินค้าเริ่มต้นได้ในเวลาที่ไม่ต้องมาก
“หลังจากพูดในงานคนชอบมาก มีการต่อคิวเพื่อสอบถาม”
เมื่อกระแสตอบรับดี ดร.ณภัทร มองว่าเป็นโอกาสที่จะก้าวต่อไปได้ แม้จะไม่ใช่เรื่องง่าย โดยมีการนั่งคิดว่าแบรนด์ควรจะเป็นแบบไหน เพราะสินค้ารุ่นแรกที่ออกไปจะเน้นไปที่ “ความกวน” มาก ดูไม่ค่อยสุภาพ จึงได้ไปคุยกับ “แท็บ” รวิศ หาญอุตสาหะ เจ้าของศรีจันทร์ และคุยกับทีมเป็นที่มาว่าควรผสมผสานระหว่าง 2 เมกะเทรนด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก คือ AI กับ Wellness
“เราอยากทำแบรนด์ที่เข้าใจชีวิตคน ในขณะเดียวกันก็อยากทำแบรนด์ที่ข้างหลังบ้านมี AI คอยช่วยทุกมิติ เพื่อก่อให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด และใช้คนไปทำหน้าที่อื่น ทั้งทำความเข้าใจกับลูกค้า หรือออกแบบโลโก้”
ดร.ณภัทร อธิบายเพิ่มเติมว่าเรามีที่ปรึกษาเป็น AI หลายๆ ตัว คุย และหาคำตอบเพื่อให้รู้ว่าแพคเกจจิ้งควรจะเป็นอย่างไร การดีไซน์แต่ละแบบเป็นแบบไหน ควรใช้สีอย่างไร นี่จึงเป็นที่มาจนถึงวันนี้
NUANOSE ไม่ใช่แค่ยาดมที่ช่วยบรรเทาอาการวิงเวียน แต่ถูกวางตำแหน่งให้เป็น “กลิ่นที่ทำให้รู้สึกว่า…ชีวิตยังไหว” โดยมีสโลแกนติดหูว่า “หอม กลิ่นความเจริญ” ซึ่งสื่อถึงการให้กำลังใจและพลังบวกในสถานการณ์ต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ยิ่งไปกว่านั้น “ไอเดียบ้าๆ ของคนธรรมดากับ Generative AI” ที่ต้องการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ โดยใช้ปัญญาประดิษฐ์มาช่วยคิดและพัฒนา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในธุรกิจได้อย่างน่าทึ่ง
เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ