สพป.สระแก้ว เขต 2 สั่งโรงเรียนในสังกัดตามแนวชายแดนเปิดเรียนได้ตามปกติ
สระแก้ว – สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาสระแก้ว เขต 2 สั่งโรงเรียนในสังกัดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เปิดเรียนได้ตามปกติ เมื่อวันที่ 4 ส.ค 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมคิด แตงพรม ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษา (สพป) สระแก้ว เขต 2 เปิดเผยในระหว่างการตรวจเยี่ยม โรงเรียนในสังกัด ตามแนวชายแดนว่า มีโรงเรียนกระจายอยู่ใน 4 อำเภอชายแดน คือพื้่นที่ อ.ตาพระยา โคกสูง คลองหาด และอรัญประเทศ รวม 117 โรงเรียน และทั้งหมด ได้เปิดเรียน ในวันที่ 4 ส.ค.นี้เป็นวันแรก หลังจากที่ต้องหยุดเรียนไปตั้งแต่วันที 25 ก.ค. ที่ผ่านมา ในจำนวนนี้ มีโรงเรียนที่อยู่หน้าแนวชายแดน จำนวน 30 โรงเรียน และมีเด็กนักเรียนกัมพูชา ประมาณ 1,135 คน ซึ่งทุกโรงเรียน ผู้อำนวยการโรงเรียน มีอำนาจ สั่งปิดเรียนและอพยพเด็กไปในที่ปลอดภัยได้ทันที หากมีสถานการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้น
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงเรียน ส.ไทยเสรีอุตสาหกรรม 3 ในตำบลป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ถือเป็นโรงเรียนห่างจากชายแดน ประมาณ 10 กิโลเมตรเท่านั้น สอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล 2 ไปถึงมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 3 มีเด็กนักเรียน 169 คน เป็นเด็กนักเรียนกัมพูชา 12 คน ที่มีพ่อแม่ทำงานรับจ้างอยู่ในฝั่งประเทศไทย มาเรียนครบทั้ง 11 คน ขาดเรียน 1 คน เป็นนักเรียนชั้นอนุบาล ที่อยู่ฝั่งกัมพูชา ซึ่งทางครูประจำชั้น ยังติดต่อไม่ได้
แต่อย่างไรก็ตาม โดยรวมแล้ว ในวันเปิดเรียนวันแรกนี้ หลังปิดอันเนื่องจากสถานการณ์สู้รบระหว่างไทย-กัมพูชา ยังมีนักเรียนขาดเรียนมากกว่า 50 คน โดยไม่ทราบสาเหตุ ทั้งนี้ อาจเนื่องมาจากทางผู้ปกครองของนักเรียนยังไม่ไว้วางใจในสถานการณ์ดังกล่าว จึงยังไม่อนุญาตให้ลูกหลานมาเรียนในวันแรก คาดว่า หลังจากนี้เด็กจะกลับเข้ามาเรียนและเข้าสู่ระบบการศึกษาครบถ้วนต่อไป
นอกจากนั้น ในส่วนของโรงเรียนเอกชนในพื้นที่ จ.สระแก้วพื้นที่ติดชายแดน ซึ่งมีนักเรียนชาวกัมพูชาอยู่หลายแห่ง อาทิ โรงเรียนดาราสมุทร อรัญประเทศ โรงเรียนพวงคราม และโรงเรียนสำเร็จฯ เป็นต้น ซึ่งแต่ละแห่งมีนักเรียนชาวกัมพูชาบางแห่งมากกว่า 100 คน ซึ่งแต่ละโรงเรียนไม่ต้องการเปิดเผยการดำเนินการหรือสถานการณ์เกี่ยวกับเด็กกลุ่มดังกล่าว เพื่อไม่ให้เด็กเกิดปมด้อย โรงเรียนบางแห่งมีเด็กมาเรียนน้อยลง เพราะสถานการณ์ปิดด่านชายแดน และบางคนได้ยื่นลาออกจากโรงเรียนแล้ว
—————————— ข่าวโดย/สมยศ สินธุพันธ์ ทีมข่าวสระแก้ว