3 โบรกฯ คาดแนวโน้มหุ้นบ่าย แนะกลยุทธ์การลงทุน
#ทันหุ้น-บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า การจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ (NFP) ก.ค. เพิ่มขึ้นเพียง 73,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าคาดที่ 106,000 ตำแหน่ง ขณะที่เดือน มิ.ย. ถูกปรับลดลงเหลือเพิ่มขึ้นเพียง 14,000 ตำแหน่ง และอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นจาก 4.1% เป็น 4.2% ในเดือน ก.ค. แสดงถึงตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่อ่อนแอ ส่งผลให้ FED Watch Tool เพิ่มน้ำหนักเป็น 80.3% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 25bps. ในเดือน ก.ย.
-สัปดาห์นี้จับตาดูตัวเลขเศรษฐกิจ วันพรุ่งนี้รอดูTrade Balance สหรัฐฯ และ ISM Services PMI วันพุธ รอดูตัวเลข CPI ของบ้านเรา Consensus คาด -0.47%YoY ต่ำกว่าคราวก่อนที่-0.25%YoY และ Core CPI YoY อยู่ที่ 0.93%YoY ต่ำกว่าคราวก่อนที่ 1.06%YoY วันพฤหัส จับตาดู Trade Balance จีน คาดเกินดุล 105.25 พันล้านดอลลาร์ และวันเสาร์รอดูค่า Inflation Rate (MoM),(YoY) และ PPI (YoY)ของจีน คาด SET INDEX บ่ายนี้ วิ่งในกรอบระหว่าง 1,213-1,237 จุด
-ทรัมป์กำหนดเส้นตาย 8 ส.ค. 68 รัสเซียต้องยุติสงครามยูเครน หากไม่เป็นไปตามกำหนด สหรัฐฯจะเดินหน้าคว่ำบาตรและใช้มาตรการทาง ศก.เพิ่มเติม รวมถึงมาตรการภาษี ล่าสุดทรัมป์ส่งเรือดำน้ำนิวเคลียร์ 2 ลำไปใกล้ชายฝั่งรัสเซีย ฟากจีน-รัสเซียซ้อมรบร่วมในทะเลญี่ปุ่น เมื่อ 3 ส.ค. ที่ผ่านมา เพื่อเสริมพันธมิตร-ถ่วงดุลบทบาทสหรัฐฯ บนเวทีโลก อาจสร้าง Sentiment เชิงลบให้ตลาดหุ้น
-รัฐบาลเตรียมเสนอข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ เข้ารัฐสภา โดยไทยต้องแก้กฎหมายหลายฉบับ เช่น ลดภาษีศุลกากร-ปรับมาตรฐานสุขอนามัย พร้อมแบ่งการเปิดตลาดนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ เป็น 3 ระดับ (เปิดทันที, ขอเวลาปรับตัว 3–5 ปี, ไม่พร้อมไม่ลดภาษี) แต่ยังอยู่ช่วงเจรจาเกณฑ์ RVC เพื่อป้องกันสินค้าสวมสิทธิ์แหล่งกำเนิด โดยเสนอใช้สัดส่วน Local content 40% ส่วนสินค้าบางกลุ่มอาจถูกตีความเป็น Transshipment เสี่ยงโดนภาษี 40% เพิ่มเติม ข้อตกลงนี้มีผลผูกพันระยะยาว ต้องผ่านรัฐสภาตาม รธน. ม.178 และเปิดรับฟังความเห็นประชาชนก่อนลงนาม
-วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ "แพทองธาร" ต้องยื่นคำชี้แจง แก้ข้อกล่าวหาคลิป "ฮุนเซน" ต่อศาล รธน. หลังขอขยายเวลา 15 วันนับจากกำหนดเดิม เพื่อรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม หากไม่ยื่นภายในวันนี้ จะถือว่าไม่ติดใจชี้แจง และศาลจะดำเนินการตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ มาตรา 45 (3)
บล.เอเอสแอล ระบุว่าตลาดปรับตัวผันผวนออกข้าง ปัจจัยต่างประเทศตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลง จากแรงกดดันข้อมูลการจ้างงานสหรัฐเดือน ก.ค.ที่อ่อนแอกว่าคาด, ทรัมป์ลงนามใช้มาตรการเก็บกภาษีนำเข้าเพิ่มเติมจากหลายประเทศ และความกังวลต่อความเป็นอิสระของข้อมูลเศรษฐกิจและความน่าเชื่อถือของหน่วยงานรัฐ หลังมีการปลดหัวหน้าสำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐ อีกทั้งราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงจากโอเปกพลัส ประกาศเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน กดดันกลุ่มพลังงานปรับตัวลง
ปัจจัยในประเทศ เดือนนี้ติดตามประเด็นทางการเมือง โดยในวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของการขยายเวลาชี้แจงนายกฯ กรณีคลิปหลุด, 22 ส.ค.ศาลวินิฉัย ม.112 ของอดีตนายกทักษิณ , วันที่ 26 ส.ค. ตัดสินคดีคลิปเสียง ทำให้ประเด็นทางการเมืองอาจเป็นปัจจัยกดดันตลาด
กลยุทธ์การลงทุน ดัชนีปรับตัวผันผวนออกข้าง ระยะสั้นมองเป็นการสร้างฐานราคา แนวรับ 1,200 จุดไม่ควรต่ำกว่า
บล.โกลเบล็ก ระบุว่าดัชนียังแกว่งตัวผันผวนในกรอบแคบ โดยมีแรงกดดันจากแรงขายในหุ้นกลุ่มพลังงาน จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงแรง ขณะที่กลุ่มขนส่ง ช่วยพยุงตลาดหลัง THAI กลับมาเทรด มองกรอบดัชนีภาคบ่ายอยู่ที่ 1,215-1,228 จุด
ขณะที่ภาวะตลาดหุ้นภาคเช้าดัชนีเคลื่อนไหวผันผวน โดยมีแรงกดดันจาก Fund Flow ที่ไหลออก มีแรงขายนำโดยหุ้นกลุ่มพลังงาน จากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวลง ขณะที่มีแรงซื้อนำโดยหุ้น THAI ที่กลับมาเทรด ตามด้วยแรงซื้อในหุ้น DELTA เป็นปัจจัยหนุนดัชนี ส่งผลให้ดัชนีพักเที่ยงปิดตลาดที่ 1,222.67 จุด บวก 4.34 จุด หรือ 0.36% มูลค่าการซื้อขาย 25,379.47 ล้านบาท