เอาคืน‘ทักษิณ’ยังแค้น‘อนุทิน’ ‘เสืิอกทุกเรื่อง’สอนมารยาท!
“ทักษิณ” เตรียมลุยช่วยหาเสียงเลือกตั้งซ่อม สส.ศรีสะเกษ ชี้เพื่อไทยมั่นใจมากรักษาเก้าอี้ สอนมารยาท “หนู” ได้ข่าวสั่งคนโทร.ให้นายอำเภอมารอรับ ทั้งที่ไม่ได้เป็นอะไร
เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2568 ที่วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ช่วยผู้สมัคร สส.พรรคเพื่อไทย (พท.) หาเสียงในการเลือกตั้งซ่อม สส.ศรีสะเกษ เขต 5 ว่า ก็คงต้องไป เดี๋ยวดูอีกทีว่าจะไปวันไหน
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ขน สส.พรรคหลายคนไปช่วยหาเสียง กังวลอะไรหรือไม่ นายทักษิณตอบว่า ไม่กังวล ก่อนไปรู้สึกว่าจะมีการสั่งให้โทร.ไปหานายอำเภอให้มารอรับ ก็ไม่เข้าใจ ทั้งที่ๆ ไม่ได้เป็นอะไร ได้ข่าวสั่งให้คนโทร.สั่งนายอำเภอมารอรับ
เมื่อถามว่า แบบนี้นายอำเภอจะถูกลงโทษอย่างไรหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า คงไม่ต้องลงโทษหรอก แต่มันเป็นเรื่องของมารยาท
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายทักษิณนำเสนอวิสัยทัศน์เวทีเสวนา "ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤตโลก" ว่า แนวคิดของท่านที่นำเสนอ หากพรรคร่วมรัฐบาลเห็นว่าเป็นการจุดประกาย นำไปประยุกต์ปรับใช้ได้ ส่วนพรรคฝ่ายค้านจะนำไปใช้เป็นแนวทางหาเสียง ท่านคงไม่สงวนลิขสิทธิ์แต่อย่างใด ตนห่วงเพียงอย่างเดียว นักการเมืองฝ่ายค้านทั้งหน้าใหม่ หน้าเก่า น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ที่เป็นคนรุ่นใหม่ ไม่ควรใช้วิธีแบบฝ่ายค้านรุ่นเก่า เพียงเห็นหน้านายทักษิณ ไม่ว่านำเสนออะไร จะต้องโจมตีเอาไว้ก่อน อยากให้แยกแยะ
นอกจากนี้ การที่ น.ส.ศิริกัญญาตั้งคำถามกลับไปยังนายทักษิณ ที่ได้พูดบนเวทีว่า ปัญหาความวุ่นวายในประเทศที่เกิดขึ้นตอนนี้เป็นเพราะคนไทยไม่รักกัน ไปให้ความสำคัญกับเรื่องเฮงซวย และ น.ส.ศิริกัญญายังมาเรียกร้อง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.วัฒนธรรม ให้รับผลของการกระทำที่ทำไป น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดนั้น ตนไม่อยากเห็น น.ส.ศิริกัญญาค้านอย่างไร้สาระ พรรคประชาชนอย่าเพิ่งใจร้อน หวังจะให้การเมืองเปลี่ยนผ่านทางอำนาจโดยเร็ว น.ส.แพทองธาร แม้จะมีคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาจากศาลรัฐธรรมนูญ ได้ให้ความร่วมมือกระบวนการตรวจสอบอย่างเต็มที่ ใช้สิทธิทางกฎหมายอันพึงมี น.ส.แพทองธารและฝ่ายกฎหมายเตรียมส่งคำชี้แจงไปให้ศาลรัฐธรรมนูญ เวลานี้ควรรอผลคำตัดสินจากศาล ไม่ควรพิพากษาหรือไปจี้ว่า น.ส.แพทองธารควรทำอย่างนั้นอย่างนี้ และที่ติติงนายทักษิณ มุมมองรัฐมนตรีเงา แต่ไม่เคยผ่านการบริหารประเทศมาก่อน หากเทียบกับนายกฯ 2 สมัย เหมือนมวยคนละรุ่น น.ส.ศิริกัญญาไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องราวของรัฐบาล ควรหันไปกังวลเรื่องในพรรคของตัวเองให้มาก
“พรรคประชาชนควรเป็นห่วงเรื่องสถานภาพความเป็น สส. จากการเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ของ 44 สส.ก้าวไกล ในเวลานั้น ซึ่งในจำนวนนี้ปัจจุบันเป็น สส.ประชาชนถึง 25 คน หาก ป.ป.ช.ชุดใหญ่สรุปและส่งให้ศาลฎีกาพิจารณาน่าจะดีกว่าว่าจะวางแผนรับมือแก้ไขเรื่องจำนวนเสียงกันอย่างไร” นายพร้อมพงศ์กล่าว
เมื่อค่ำวันที่ 18 กรกฎาคม นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์ถึงการประเมินสถานการณ์บ้านเมืองหลังจากนี้ รวมถึงคดีของ น.ส.แพทองธาร กรณีคลิปเสียงว่า ก็มีข้อมูลเท่ากับทุกคน จึงไม่แน่ใจว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยออกมาเมื่อไร และไม่รู้ว่าจะมีคำวินิจฉัยออกมาอย่างไร แต่เชื่อว่าเพื่อนของตนเองที่อยู่ในพรรคประชาชนพร้อมรับทุกสถานการณ์
ส่วนที่มีการปลุกกลุ่มผู้ชุมนุมจะทำให้สถานการณ์บานปลายหรือไม่นั้น นายธนาธรมองว่า สิทธิและเสรีภาพของการชุมนุมเป็นของคนไทยทุกคน ดังนั้นคนที่มาชุมนุมก็มีสิทธิในการชุมนุม แต่คงไม่นำไปสู่ความรุนแรง และไม่นำไปสู่สถานการณ์อะไรที่แหลมคมในเร็วๆ นี้
เมื่อถามว่า หากศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้ น.ส.แพทองธารพ้นสภาพการเป็นนายกรัฐมนตรี แล้ว รัฐบาลจะต้องทำอย่างไรต่อตามประชาธิปไตยที่แท้จริงนั้น นายธนาธรกล่าวว่า ไม่มีตามประชาธิปไตยที่แท้จริง มีแต่ตามรัฐธรรมนูญ หาก น.ส.แพทองธารถูกตัดสิทธิ์ ก็ต้องโหวตนายกรัฐมนตรีใหม่ ยืนยันว่าตนไม่มีความคิดเห็นอื่นใดนอกจากความคิดเห็นที่เห็นด้วยกับพรรคประชาชนที่แถลงไปแล้ว
สำหรับการที่นายกรัฐมนตรีจะขอขยายเวลาการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหากับศาลรัฐธรรมนูญออกไปนั้น ตนก็ไม่มีความเห็นเช่นกัน "ผมไม่มีความรู้ ไม่มีข้อมูลเลย ว่าขอขยายเพราะอะไร”
ขณะกรณีที่นายทักษิณมองตัวเองไม่ใช่ทางตัน แต่เข้ามาแก้ไขปัญหาประเทศ นายธนาธรกล่าวว่า ทุกคนคงอยากมีส่วนในการแก้ไขปัญหาให้กับประเทศ เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าอยากให้ประเทศไทยกลับเป็นปกติ และกลับไปเดินในเส้นทางประชาธิปไตย ดังนั้นก็ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ จึงอยากเชิญชวนทุกพรรคการเมืองมาร่วมกันแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ถามว่า การออกมาเดินสายของนายทักษิณในลักษณะปกป้อง น.ส.แพทองธาร จะเป็นการครอบงำหรือไม่ เนื่องจากหลายคนมองไม่เหมาะสม นายธนาธรระบุว่า ไม่มีความเห็น
เมื่อถามว่า ถ้าปล่อยไว้จะเป็นผลดีกับเสถียรภาพของรัฐบาลหรือไม่ ในการให้พ่อมาพูดแทนลูกที่เป็นนายกรัฐมนตรี นายธนาธรกล่าวว่า ก็ไม่มีความเห็นเรื่องนี้ พร้อมมองว่านายทักษิณก็เป็นคนไทยคนหนึ่ง สามารถแสดงความคิดเห็นได้ ท้ายที่สุดอำนาจก็อยู่ที่นายกรัฐมนตรี คนที่จรดปากกาเซ็น ก็ต้องรับผิดชอบทางกฎหมาย ซึ่งก็คือนายกรัฐมนตรี ดังนั้นจึงไม่มีความเห็นเรื่องที่นายทักษิณออกมาเดินสาย เพราะเป็นสิทธิเสรีภาพที่จะทำได้
นายธนาธรกล่าวถึงการกลับเข้าสู่การเมืองและเป็นนายกฯ ว่า ที่ผ่านมาตนไม่ได้หมดหวัง ไม่หมดพลังใจทำงาน ยังคงเดินหน้าทำงานทุกวันด้วยจิตใจที่แจ่มใส ทำงานด้วยสมาธิ ขอบคุณกำลังใจจากพี่น้องที่สนับสนุน ตนคงไม่สามารถรับแรงกดดันได้ขนาดนี้ตลอด 7 ปีมา ขอบคุณดอกไม้ทุกดอก ขอบคุณขนมทุกก้อน ขอบคุณน้ำทุกขวด ที่มอบให้พวกเรา ส่วนการเดินหน้าต่อไปนั้น ตนยืนยันว่าทำงานเต็มที่ จะทำงานให้คุ้มค่า ให้ทุกคนวางใจ
"ดังนั้น ไม่เกี่ยวที่ว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ไม่ได้ปฏิเสธความรับผิดชอบ ถ้าวันนั้นเป็นวันที่หมดเวลาการตัดสิทธิ์แล้ว ผมยังมีคุณสมบัติต่อไป มีความรู้ความสามารถที่จำเป็น ผมก็พร้อม แต่ถ้าตอนนั้นประเทศไทยเดินหน้าที่ถูกต้องแล้ว ผมไม่มีความจำเป็นทางการเมืองแล้ว ผมก็พร้อมจะหยุดทำงาน อย่าเอาผมไปเป็นประเด็นเลยครับ"
นายธนาธรยังกล่าวผ่านรายการ Exclusive Talk : ผ่าทางตัน ซึ่งจัดโดยเครือเนชั่น โดยตอบคำถามกรณีเจอกับนายทักษิณครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ว่า "ก็อย่างที่ทุกคนรู้กันนั่นแหละครับ" พร้อมหัวเราะก่อนกล่าวต่อว่า เรื่องนี้ขอพูดให้ชัด จะได้ไม่ต้องมีข้อสงสัย ตอนที่ตนไปพบนายทักษิณที่ฮ่องกง เรื่องมันสืบเนื่องมาจากว่ามีคนติดต่อมาหานายชัยธวัช ตุลาธน ซึ่งตอนนั้นยังเป็นเลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้คุยกับนายทักษิณ เป็นช่วงหลังเลือกตั้ง นายชัยธวัชมองว่าเป็นการไม่เหมาะสม เพราะนายชัยธวัชเป็นเลขาธิการพรรค จึงบอกว่าให้ตนไปคุยแทน และเป็นที่มาของการพูดคุยกัน แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีการพูดคุยกันอีก
ส่วนมีการคุยกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย หรือผู้มากบารมีของพรรคภูมิใจไทยบ้างหรือไม่ นายธนาธรกล่าวว่า กับนายอนุทินก็มีการพูดคุยกันบ้าง ครั้งล่าสุดก็คือเมื่อเช้าวันนี้ เป็นการโทร.ไป แต่เกิดจากการกดผิด พร้อมย้ำว่า หากไม่เชื่อโทร.ไปถามนายอนุทินได้เลย.