ซีเรียลั่นสถานการณ์ในเมืองชาวดรูซ “สงบแล้ว” หลังเหตุนองเลือดคร่าชีวิต 1,000 ราย
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย เมื่อวันที่ 20 ก.ค. ว่าองค์กรสังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนซีเรีย (เอสโอเอชอาร์) รายงานว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากการปะทะทางชาติพันธุ์ระหว่างชาวดรูซกับชาวเบดูอิน ที่เมืองสไวดา ทางตอนใต้ของซีเรีย ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เพิ่มเป็นมากกว่า 1,000 รายแล้ว แบ่งเป็นนักรบชาวดรูซ 336 ราย พลเรือนชาวดรูซ 298 ราย
ขณะที่ทหารและเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงซีเรียเสียชีวิต 342 นาย และนักรบเบดูอินเสียชีวิต 21 ราย นอกจากนี้ ยังมีทหารซีเรียอีกอย่างน้อย 15 ราย เสียชีวิตจากปฏิบัติการโจมตีของกองทัพอิสราเอล ที่เกิดขึ้นในกรุงดามัสกัสด้วย
ด้านกระทรวงมหาดไทยซีเรียออกแถลงการณ์ ยืนยันว่า สถานการณ์ในเมืองสไวดา "สงบแล้ว" โดยปราศจากการสู้รบระหว่างกองกำลังชาติพันธุ์ สนับสนุนข้อมูลของกระทรวงข่าวสารซีเรียในเรื่องนี้ ที่ระบุด้วยว่า กองทัพและเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงซีเรียมีส่วนร่วมกับการหยุดยิงดังกล่าวซึ่งเป็นระยะที่หนึ่ง และกล่าวถึงการหยุดยิงระยะที่สอง จะมีการเปิดระเบียงมนุษยธรรมในพื้นที่
อย่างไรก็ตาม นายกีเดียน ซาร์ รมว.การต่างประเทศอิสราเอล วิจารณ์มาตรการของรัฐบาลดามัสกัสว่า "ทำให้การเป็นชนกลุ่มน้อยในซีเรียตกอยู่ในอันตราย" และอิสราเอลพร้อมปกป้องชาวดรูซในซีเรีย ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มชาวดรูซในอิสราเอล
อนึ่ง ชนวนเหตุของการสู้รบครั้งนี้ มาจากรายงานในพื้นที่ ว่ากลุ่มชาวเบดูอินก่อเหตุปล้นทรัพย์และทำร้ายชายชาวดรูซคนหนึ่ง และสถานการณ์บานปลายกลายเป็นการต่อสู้กันอย่างนองเลือดระหว่างทั้งสองฝ่าย.
เครดิตภาพ : AFP