เขมรดิ้นกับระเบิด! ใช้ไอโอปั่นโซเชียลฯพ่วงขนคนขึ้นปราสาทไทย

"ทบ." ส่งทหารช่างเคลียร์ทุ่นระเบิดบริเวณช่องบก เก็บหลักฐานเพิ่มส่ง กต.ทำหนังสือถึงยูเอ็น พร้อมตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม ศบ.ทก.นัดถกจันทร์นี้ "หน่วยงานทุ่นระเบิดในกัมพูชา" โยนไทยรับผิดชอบ เสนอให้ศาลโลกเป็นผู้ชี้ขาด "โฆษก ทบ." โต้กลับกัมพูชาบิดเบือน ยันทุ่นระเบิดไม่ใช่ของไทย รอง มทภ.2 แฉเขมรฝังทุ่นระเบิดตั้งแต่ปี 52 อื้อ สื่อกัมพูชาโวขนคน 1 หมื่นบุกปราสาทตาเมือนธม-ตาควาย "มทภ.2" เตือน หากป่วนเจอมาตรการเบาไปหนัก "ฮุน เซน" โต้เดือด "ทักษิณ" ทำไมพึ่งพาตนเองมา 19 ปี เย้ยไม่อยากคุยกับคนมีคดี "คปท." บุกประณามหน้าสถานทูตกัมพูชา แย้มตั้งเวทีใหญ่ที่โคราช-สุรินทร์ และ 4 ภาค

เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม มีความคืบหน้ากรณีกำลังพลจากหน่วยร้อย ร.6021 ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี และประสบเหตุเหยียบกับระเบิดทำให้ทหารได้รับบาดเจ็บ 3 นาย โดยช่วงเช้า กองทัพบก โดยกองทัพภาคที่ 2 ได้เสริมกำลังทหารช่างลงพื้นที่ทันที เพื่อตรวจพื้นที่และเก็บกู้ตลอดแนวชายแดน โดยใช้ยุทโธปกรณ์หนัก รถแทรกเตอร์หุ้มเกราะ ชุดตรวจค้นทุ่นระเบิดชำนาญการ กำลังชุดทหารช่างตรวจค้นกวาดล้างทุ่นระเบิด Mine Clearing เขตทางพื้นที่สงสัยให้ปลอดภัย พร้อมใช้รถโกยตัก ถางขุดตอ และรถถากถางติดตั้งเกราะ เพื่อเป็นการเคลียร์ทำพื้นที่ให้ปลอดภัย ซึ่งมีการติดตั้งเกราะเหล็กป้องกันพลขับในการทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัย

ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยของกำลังพลที่จะออกลาดตระเวนในพื้นที่เขตแดนไทย และเป็นการเก็บหลักฐาน เพื่อชี้ให้เห็นว่าทางกัมพูชาได้ขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล แม้ทางฝ่ายกัมพูชาจะไม่ยอมรับ ทางไทยโดยกระทรวงการต่างประเทศจะทำหนังสือเพื่อประท้วงอย่างเป็นทางการผ่าน องค์การสหประชาชาติ (UN) และทางกองทัพบกจะมีมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม

พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยถึงการประชุม ศบ.ทก.ว่า เป็นการประชุมของ ศบ.ทก.เฉพาะกลุ่มเล็ก ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทุ่นระเบิด เวลา 14.00 น. เพื่อเป็นการกำหนดแนวทางกรณีกองทัพภาคที่ 2 รายงานผลการตรวจสอบกรณีกำลังพลที่จังหวัดอุบลราชธานีปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบกและเหยียบกับระเบิด จากนั้นวันจันทร์ที่ 21 ก.ค. เวลา 09.30 น. จะเป็นการประชุมคณะกรรมการ ศบ.ทก.ชุดใหญ่ ณ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เต็มคณะ รวมทั้งผู้แทนจากกระทรวงการต่างประเทศและฝ่ายความมั่นคงที่เป็นคณะกรรมการของ ศบ.ทก.เข้าร่วม เพื่อหารือกำหนดมติของที่ประชุมฯ เกี่ยวกับผลการพิสูจน์ทุ่นระเบิดและการกำหนดท่าทีที่จะดำเนินการต่อไป จากนั้น จะมีการแถลงข่าวผลของการประชุมตามวงรอบปกติ

นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า หลังจาก พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 แถลงผลตรวจสอบทุ่นระเบิดแล้วพบว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่วางเลยแนวกำลังของกัมพูชาเข้ามา 100-150 เมตร ยืนยันแล้วว่ากับระเบิดที่พบไม่มีใช้ในกองทัพไทย ขอสนับสนุนให้กองทัพบก ฝ่ายความมั่นคงและรัฐบาล ออกแถลงการณ์ประณามการก่อเหตุรุนแรงวางทุ่นระเบิดของฝ่ายกัมพูชา ซึ่งแถลงการณ์ดังกล่าวต้องจัดทำทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เพื่อแจ้งให้นานาชาติได้รับทราบถึงเหตุการณ์ดังกล่าวโดยเร็ว

“ไม่ว่าจะเป็นทุ่นระเบิดเก่าหรือใหม่ ล้วนแต่เป็นการทำผิดต่ออนุสัญญาออตตาวาอยู่แล้ว ขอให้กระทรวงการต่างประเทศ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งทำงานเชิงรุกรวบรวมข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญ ดำเนินการรายงานต่อที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวาและ UN โดยเร็ว ขอให้กระชับขั้นตอนราชการไม่ควรล่าช้า ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลไทยต้องเร่งกดดันกัมพูชาให้ออกมารับผิดชอบ" นายธนกรกล่าว

นายดนุพร ปุณณกันต์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยขอแสดงความห่วงใยต่อเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บ และขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหารผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ทุกท่าน ขณะนี้รัฐบาล โดยกระทรวงการต่างประเทศและกองทัพกำลังพิจารณาดำเนินการยื่นเรื่องไปยัง UN ในกรณีการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งเป็นขั้นตอนที่จะดำเนินการต่อไป ยืนยันว่าคู่กรณีเป็นคนวาง อย่างไรก็ตาม ทางพรรคยังคงยืนยันแนวทางการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งครั้งนี้ด้วยแนวทางสันติวิธี เพื่อสร้างสันติภาพอันยั่งยืน

แฉเล่ห์เขมรวางระเบิดใหม่อื้อ

พล.ต.ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 ได้โพสต์เฟซบุ๊กเล่าประสบการณ์ตรงในหลายเหตุการณ์ ทั้งใน จ.ศรีสะเกษและสุรินทร์ โดยระบุว่า เมื่อ 21 ก.ค.52 เวลา 16.30 น. ทหารกัมพูชานำกำลังประมาณ 50 นาย รุกขึ้นยึดเขาสัตตะโสม อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ผมใช้กำลังเข้าผลักดันลงได้ทั้งหมดเวลาประมาณ 23.00 น. แต่ยังคงวางกำลังควบคุมพื้นที่ไว้ ยังไม่เข้าเคลียร์ รุ่งเช้าได้ใช้ชุดตรวจค้นทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์ จนถึงจุดที่ทหารกัมพูชาปีนหน้าผาขึ้นมา พบกับระเบิดทั้งเก่าและใหม่จำนวนมาก น้องพลทหารคนหนึ่งเหยียบกับระเบิดเก่าทำงานไม่เต็มที่ เกิดระเบิดแต่แรงระเบิดแค่ทำให้ส้นรองเท้าคอมแบตสึกไม่ถึงเนื้อ

เมื่อ มิ.ย.54 หลังเจรจาหยุดยิง กำลังพลเดินลาดตระเวนตามเส้นทางเดิมในพื้นที่ช่องกร่าง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ตรวจพบทุ่นระเบิดใหม่ที่ฝ่ายกัมพูชาลักลอบเข้ามาวางเพื่อจำกัดการเดินลาดตระเวนของฝ่ายเรา ผมแจ้งฝ่ายกัมพูชาเขาอ้างว่าเป็นกับระเบิดเก่า ผมจึงชวน ผบ.หน่วยเขามาเดินลาดตระเวน เพื่อไปตรวจสอบด้วยกันให้เห็นกับตา จนต้องยอมรับว่าเป็นกับระเบิดใหม่ ผมบังคับให้เขาเก็บกู้ออกให้หมดและไม่ให้ทำเช่นนี้อีก ไม่เช่นนั้นจะเจอตาต่อตาฟันต่อฟัน ต่อมาเมื่อ 9 ต.ค.54 ผมนำกำลังเข้าผลักดันทหารกัมพูชาพื้นที่ปราสาทคะนา อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ หลังผลักดันเสร็จได้นำชุดตรวจค้นทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่ พบกับระเบิดจำนวน 42 ลูก เป็นกับระเบิดใหม่ทั้งหมด

"บทเรียนพื้นที่ที่กัมพูชาจะวางกับระเบิด และเราต้องระวัง มีดังต่อไปนี้ 1.พื้นที่ที่เขาถอนกำลังออก 2.เส้นทางลาดตระเวนเดิมที่เขาไม่อยากให้เราใช้ 3.เส้นทางลาดตระเวนใหม่ อนุสัญญาออตตาวา หรือข้อตกลงต่างๆ เขาพร้อมละเมิดหากได้เปรียบในสนามรบ" รองแม่ทัพภาคที่ 2 ระบุ

นายเฮง รัตนะ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดกัมพูชา (ซีเอ็มเอซี) กล่าวถึงรายงานว่า ทหารไทย 3 นาย ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิด บริเวณพิกัด “ดับเบิลยูเอ 220861” ในพื้นที่ช่องบก หรือสามเหลี่ยมมรกต เมื่อวันที่ 16 ก.ค.2568 โดยทหารไทยนายหนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นสูญเสียขาข้างหนึ่ง ว่านับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว มีการเผยแพร่ข่าวในไทยอย่างแพร่หลาย เพื่อใส่ร้ายป้ายสีกัมพูชา

กัมพูชาขอเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง พิจารณาเนื้อหาในมาตรา 5 ของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล หรืออนุสัญญาออตตาวา ซึ่งระบุไว้อย่างชัดเจนว่า “ผู้รับผิดชอบต่อบูรณภาพแห่งดินแดนของตนก็ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ” ต่อกรณีที่เกิดขึ้น

นายเฮง รัตนะ อ้างว่า “มีภาพมากมาย” บนโซเชียลมีเดียว่าทหารไทยเป็นฝ่ายวางทุ่นระเบิดใหม่ตามแนวชายระหว่างไทยกับกัมพูชา จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบอย่างละเอียดด้วย พร้อมทั้งทิ้งท้ายว่า หากไทยต้องการฟ้องร้องกัมพูชาต่อสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ขอให้ร้องเรียนต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ไอซีเจ) ที่กรุงเฮกของเนเธอร์แลนด์เท่านั้น

ด้าน พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงข้อเท็จจริงตอบโต้นายเฮง รัตนะ โดยมีข้อเท็จจริง ดังนี้ 1.ทุ่นระเบิดที่ตรวจพบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบกและพื้นที่อื่นๆ เป็นระเบิดชนิด PMN-2 ซึ่งเป็นระเบิดสังหารบุคคล ผลิตจากประเทศรัสเซีย โดยกองทัพบกไทยไม่มีระเบิดชนิดนี้อยู่ในครอบครอง ไม่เคยมีอยู่ในสารบบ และไม่เคยมีการนำมาใช้ในการปฏิบัติงานในทุกพื้นที่แนวชายแดนแต่อย่างใด

โต้เขมรบิดเบือนใส่ร้ายไทย

2.ภาพถ่ายและคลิปวิดีโอที่เผยแพร่โดยสื่อ Fresh News ของกัมพูชา ซึ่งถูกนำเสนอว่าเป็นหลักฐานการวางระเบิดของทหารไทยนั้น เป็นภาพจากภารกิจของศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม (T-MAC) ในช่วงการฝึกเก็บกู้หรือช่วงเวลาพักของกำลังพล ไม่ใช่การวางกับระเบิดแต่อย่างใด การนำเสนอข้อมูลในลักษณะดังกล่าวถือเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง และสร้างความเสียหายต่อประเทศไทยอย่างร้ายแรง

3.การที่นายเฮง รัตนะ กล่าวว่า ทุ่นระเบิดอยู่ในเขตไทย ฝ่ายไทยต้องรับผิดชอบ พร้อมอ้างมาตรา 5 ของอนุสัญญาออตตาวานั้น ยิ่งสะท้อนว่าทุ่นระเบิดที่พบอยู่ในเขตอธิปไตยของไทย และแสดงถึงการรุกล้ำเข้ามาในเขตแดนไทย ด้วยวิธีการแอบลักลอบข้ามแดนเข้ามาวางทุ่นระเบิดเอาไว้

นอกจากนี้ ยังขัดแย้งกับการให้ข่าวของทางการกัมพูชาเอง โดยวันที่ 20 ก.ค. นี้ พลโทหญิงมาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ได้แถลงผ่านเพจเฟซบุ๊กกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ระบุว่า ทหารไทยเหยียบกับระเบิดที่บ้านเตโชรโกฏ ตำบลมรกต อำเภอจอมกสาน จังหวัดพระวิหาร ซึ่งกรณีการออกมาให้ข่าวย้อนแย้งกันเองของฝ่ายกัมพูชา ในประเด็นที่นายเฮง รัตนะ กล่าวว่าทุ่นระเบิดอยู่ในเขตไทย

วันเดียวกัน เพจ ABC Cambodia โพสต์ข้อความระบุว่า เราใช้รถบัส 23 คัน และรถยนต์ขนาดเล็กนับร้อยคัน พร้อมออกเดินทางสู่ปราสาทตาเมืองธม และปราสาทตาควาย ทุกคนจะสวมเสื้อที่มีตัวอักษรเขมร เพื่อแสดงความเป็นหนึ่งเดียว เราเชื่อว่าการกระทำนี้จะสร้างความเจ็บปวดให้สยาม มากกว่าคำด่าตรงๆ เพราะตัวอักษรและตัวเลขไทยทั้งหมด ล้วนมีรากฐานมาจากวัฒนธรรมเขมร ด้วย 10,000 คน 10,000 ดวงใจ

ทั้งนี้ ในโซเชียลมีเดียมีการเผยแพร่ภาพคนไทยพร้อมข้อความภาษาไทยและภาษากัมพูชา ระบุว่า "รวมใจคนไทย ใส่เสื้อไทย ต้อนรับนักท่องเที่ยวกัมพูชา ด้วยรอยยิ้มและมิตรภาพจากเจ้าของบ้านตัวจริง"

ขณะที่ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า รู้สึกยินดีและขอต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชา และประเทศอื่นๆ ที่มาท่องเที่ยว และเยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธมและประสาทตาควายของไทย นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่กองทัพภาคที่ 2 ได้กำหนดไว้ โดยได้จัดเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกและดูแลนักท่องเที่ยวเพื่อให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ไม่ก่อความวุ่นวาย เพื่อให้นักท่องเที่ยวทุกคนได้เข้าเยี่ยมชมได้ตามปกติ

"หากนักท่องเที่ยวคนใดก่อเหตุวุ่นวาย เจ้าหน้าที่มีมาตรการจากเบาไปหาหนักดำเนินการ ดังนั้นขออย่าให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะนักท่องเที่ยวทุกคนเข้ามาเยี่ยมชมโบราณสถานของไทย ต้องเคารพกฎระเบียบของไทย" แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว

ฮุน เซน ย้อนทักษิณพึ่งพา 19 ปี

กองทัพภาคที่ 2 ได้สรุปตัวเลขนักท่องเที่ยวพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ในเวลา 11.30-12.00 น. นักท่องเที่ยวไทย เดิม 1,769 คน เพิ่ม 544 คน ในจำนวนนี้ชาวเยอรมัน อังกฤษ รวม 4 คน รวมทั้งสิ้น 2,313 คน นักท่องเที่ยวกัมพูชา เดิม 1,396 คน เพิ่มขึ้น 893 คน รวม 2,289 คน รวมนักท่องเที่ยวทั้งสิ้น 4,602 คน สำหรับเหตุการณ์ทั่วไปยังปกติ

ส่วนพื้นที่ปราสาทตาควาย ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ นักท่องเที่ยวไทย เดิม 214 คน เพิ่ม 89 คน รวม 303 คน นักท่องเที่ยวชาวกัมพูชา เดิม 418 คน เพิ่ม 1,500 คน  รวม 1,918 คน  รวมนักท่องเที่ยวทั้งสิ้น 2,221 คน เหตุการณ์ทั่วไปยังปกติ

จากกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กล่าวว่าจะไม่เจรจากับกัมพูชาโดยอาศัยความสัมพันธ์ส่วนบุคคลอีกแล้ว เนื่องจากกังวลกับการบันทึกเสียง สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ได้โพสต์ข้อความตอบโต้บนเฟซบุ๊ก มีใจความสำคัญว่า “ข้าพเจ้าขอเตือนคุณทักษิณอีกครั้งว่า แท้จริงแล้วเป็นข้าพเจ้าเองที่ไม่ประสงค์จะพูดคุยกับคุณอีกต่อไป นับตั้งแต่บุตรสาวของคุณใช้ถ้อยคำดูหมิ่นและสบประมาทข้าพเจ้า

ยิ่งไปกว่านั้น ข้าพเจ้าไม่มีความประสงค์จะสนทนากับบุคคลซึ่งมีประวัติอาชญากรรมและกำลังจะเผชิญคดีความเพิ่มเติม ดังนั้น อย่าคิดว่าตนมีความสำคัญนัก เพราะการพูดคุยกับคุณมิได้ก่อประโยชน์ใดๆ แก่ข้าพเจ้าเลย

จากการสังเกตของข้าพเจ้า นับตั้งแต่คุณทักษิณเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมืองไทย ประเทศไทยก็ตกอยู่ในความปั่นป่วน โดยเฉพาะนับตั้งแต่การรัฐประหารเมื่อปี 2549 ข้าพเจ้าไม่ต้องการพูดถึง การที่คุณทักษิณใช้ถ้อยคำดูหมิ่นรุนแรงต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย ซึ่งเป็นคำกล่าวที่ไม่เหมาะสม และเป็นการล่วงเกินอย่างยิ่ง แม้ข้าพเจ้าจะไม่เอ่ยถึงโดยตรง แต่ถ้อยคำเหล่านั้นก็เป็นที่รับรู้และสร้างความเสื่อมเสียต่อพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งคุณทักษิณเองก็ยอมรับว่าเป็นความจริง

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา คุณกล่าวว่าผู้นำกัมพูชาขาดศีลธรรม ถือเป็นคำดูหมิ่นอย่างร้ายแรง ข้าพเจ้าขอตั้งคำถามกลับไปยังคุณทักษิณว่า หากข้าพเจ้าขาดศีลธรรมจริง เหตุใดคุณจึงพึ่งพาข้าพเจ้ามาตลอดระยะเวลา 19 ปี ตั้งแต่ปี 2549-2568 ยอมรับฟังคำแนะนำจากข้าพเจ้า และถึงขั้นขนานนามข้าพเจ้าว่า “ผู้นำหมายเลขหนึ่ง” และคุณทักษิณยังจำได้หรือไม่ ว่าใครเป็นผู้ช่วยผลักดันให้พรรคเพื่อไทยเข้าร่วมการเลือกตั้ง เมื่อปี 2554

นอกจากแนวคิดบางประการแล้ว ยังมีทฤษฎีที่เรียกกันว่า “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ควรเรียกว่า “ฮุน เซนคิด เพื่อไทยทำ” ข้าพเจ้าขอย้ำเตือนกับคุณทักษิณอีกครั้งในประเด็นนี้ และยังมีอีกหลายเรื่องที่ข้าพเจ้ายังมิได้เปิดเผย รวมถึงการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่รัฐบางคนด้วย

ข้อกล่าวหาว่า "คุณเป็นผู้อยู่เบื้องหลังพรรคเพื่อไทยนั้นเป็นความจริง เช่นเดียวกับกรณีการทรยศต่อพรรคภูมิใจไทย ซึ่งล้วนเป็นแผนการของคุณเองทั้งสิ้น หาใช่ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตรไม่.”

จ่อจัดม็อบโคราช-สุรินทร์

วันเดียวกัน เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) กองทัพธรรม ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) และมวลชน เดินทางไปบริเวณหน้าสถานทูตราชอาณาจักรกัมพูชาประจำราชอาณาจักรไทย เพื่อชุมนุมแสดงพลังหน้าสถานทูตกัมพูชา โดยผู้ชุมนุมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ มีการถือธงชาติไทยโบกไปมา และป้ายระบุข้อความต่างๆ และยังมีการร้องเพลงเพื่อเป็นการปลุกใจ

นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ คปท. กล่าวว่า มาสถานทูตกัมพูชาเพื่อประณามรัฐบาลกัมพูชา จากกรณีที่ทหารกัมพูชารุกล้ำอธิปไตยของไทยมาวางทุ่นระเบิดหลายร้อยลูก รวมถึงเข้ามายั่วยุในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ดูหมิ่นประเทศไทยเป็นอย่างมาก ขอประณามทหารและรัฐบาลของประเทศกัมพูชา ว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศไทย เพราะการวางทุ่นระเบิดยังละเมิดอนุสัญญาออตตาวา ทำให้ตอนนี้เห็นว่าประเทศไทยมีข้ออ้าง และข้อมูลที่จะนำไปอธิบายกับนานาชาติว่าประเทศกัมพูชาทำผิดกติการะหว่างประเทศ จึงเรียกร้องให้รัฐบาลไทยประท้วงทางการกัมพูชาอย่างเป็นทางการ หากรัฐบาลยังนิ่งเฉย ประชาชนจะลุกขึ้นมาเอง หากกัมพูชาขนคนได้ ประเทศไทยก็ขนคนได้ และเราพร้อมนัดชุมนุมครั้งใหญ่ทุกภูมิภาค

นายพิชิตระบุว่า หลังจากมีการชุมนุมใหญ่ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ก็เตรียมจะไปมอบอุปกรณ์ให้กับกองทัพภาคที่ 2 ที่โคราช และจะตั้งเวทีใหญ่ที่โคราช รวมถึงจะไปตั้งเวทีใหญ่ที่ จ.สุรินทร์ ส่วนวันเวลาจะมีการนัดหมายอีกครั้ง และคณะรวมพลังแผ่นดินฯ จะเปิดเวทีกัน 4 ภาค ที่อีสานคือโคราชและสุรินทร์ ส่วนที่ภาคตะวันออกจะมีขึ้นในวันที่ 16 ส.ค. และจะมีทั้งภาคเหนือและภาคใต้ด้วย

ยังมีความเห็นของนายวัชระ เพชรทอง อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กรณีนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล นักวิชาการที่ลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ ได้เปิดเผยในเฟซบุ๊กของตนเมื่อวานนี้ว่า เสื้อแดงทำไมจึงมีอาวุธสงครามให้ใช้ (สมศักดิ์ถามชายชุดดำ) ตอบ สมเด็จฮุน เซน ให้มาเพื่อการต่อสู้จำนวน 2 ตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งจักรภพ (เพ็ญแขที่ลี้ภัยในกำพูชาขณะนั้น) ก็ยืนยันในข้อเท็จจริงนี้

"ดังนั้น นายจักรภพ เพ็ญแข นักสื่อสารมวลชนต้องออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงว่า สมเด็จฮุน เซน ให้อาวุธกลุ่มคนเสื้อแดงใน พ.ศ.2553 จำนวน 2 ตู้คอนเทนเนอร์ว่าจริงหรือไม่ และมีอาวุธสงครามอะไรบ้าง ระเบิดกี่ชนิด รวมถึงปืนอาร์พีจีด้วยใช่หรือไม่ นำเข้าทางด่านชายแดนเขมรตรงไหน และปัจจุบันนำไปเก็บไว้ที่ใด".