“ศาลแพ่ง” สั่งคืนเงิน 11 โบรก 4.5 พันลบ. – ยึดหุ้น MORE เข้ารัฐเหตุครอบครองไม่สุจริต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (18 ก.ค.68) ศาลแพ่ง มีคำพิพากษาให้นำเงิน บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE ที่ถูกอายัดไว้กว่า 4,300 ล้านบาท คืนแก่บริษัทหลักทรัพย์ 11 แห่ง ที่ชำระค่าหุ้นให้ลูกค้าจากคำสั่งซื้อปริศนาในช่วงเปิดตลาด ที่ปริมาณรวม 1,500 ล้านหุ้น ในราคา 2.90 บาทต่อหุ้น ขณะที่ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจพบธุรกรรมต้องสงสัยเพิ่มเติมอีก 200 ล้านบาท ทำให้มูลค่ารวมของคดีนี้สูงถึง 4,500 ล้านบาท
นอกจากนี้ ศาลแพ่ง ยังมีคำสั่งให้ยึดหุ้น MORE จำนวน 1,500 ล้านหุ้นตกเป็นของแผ่นดิน เนื่องจากไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าผู้ครอบครองหุ้นได้มาด้วยความสุจริต สำหรับคำตัดสินนี้ศาลใช้เวลาอ่านนานกว่า 4 ชั่วโมงครึ่ง โดยผู้ต้องสงสัยยังคงมีสิทธิอุทธรณ์ตามกฎหมาย
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ สำนักงาน ก.ล.ต. ได้ดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด 32 ราย ฐานร่วมกันสร้างราคาหรือปริมาณการซื้อขายหุ้น MORE ในช่วงวันที่ 18 กรกฎาคม ถึง 10 พฤศจิกายน 2565
ก่อนที่ สำนักงาน ปปง. ได้อายัดทรัพย์สินรวม 34 รายการ มูลค่าประมาณ 5,376 ล้านบาท หลังพบพฤติการณ์เข้าข่ายฟอกเงินตามกฎหมาย แม้อัยการจะมีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญากับผู้ต้องหาคดีปั่นหุ้น MORE จำนวน 9 ราย
ในส่วนของโบรกเกอร์ 11 แห่งที่ได้รับผลกระทบ ศาลมีคำสั่งคืนเงินรวมประมาณ 4,300 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้บล.กรุงศรีอยุธยาได้รับคืนราว 900 ล้านบาท, บล.เกียรตินาคินภัทร 700 ล้านบาท, บล.เอสซีบี เอ็กซ์ 400 ล้านบาท, บล.ดาโอ (ประเทศไทย) และ บล.คิงส์ฟอร์ด ได้รับเกือบ 400 ล้านบาทเท่ากัน
คดีปั่นหุ้น MORE ถือเป็นเหตุการณ์สะเทือนวงการตลาดทุนครั้งใหญ่ โดยกลุ่มผู้กระทำผิดนำหุ้น MORE ที่ถืออยู่ ไปใช้ขอวงเงินมาร์จิ้นกับโบรกเกอร์หลายแห่ง จากนั้นในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 นายอภิมุข บำรุงวงศ์ และพวก ได้ส่งคำสั่งซื้อหุ้น MORE และ MORE-R รวม 1,500 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 2.90 บาท ผ่านโบรกเกอร์ 11 แห่งในช่วงเปิดตลาด โดยเจตนาไม่ชำระค่าซื้อหุ้น ส่งผลให้โบรกเกอร์ต้องเป็นผู้จ่ายเงินให้กับกลุ่มผู้ขายที่อยู่ฝนการกระทำความผิดในเหตุการณ์นี้ ซึ่งการกระทำดังกล่าวสร้างความเสียหายครั้งใหญ่ และบั่นทอนความเชื่อมั่นต่อตลาดทุนไทยในสายตานักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ