จีนสั่งเบรก ‘สงครามส่งด่วน’ ขึ้นค่าส่งอีคอมเมิร์ซ ยุติศึกหั่นราคา
สงครามราคาที่ดุเดือดในธุรกิจ “อีคอมเมิร์ซ” ในจีนที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ได้บีบคั้นให้อุตสาหกรรมขนส่งเกิด “สงครามส่งด่วน” ทำให้รัฐบาลจีนได้เข้าควบคุมการแข่งขันแบบทำลายล้าง ซึ่งเป็นโยบายระดับชาติที่ต้องการแก้ปัญหาการแข่งขันที่ทำให้บริษัทต้องลดราคาและคุณภาพบริการลง
สำนักข่าวเซาท์ไชน่ามอนิ่งโพสต์รายงานว่า จุดเริ่มต้นของการเบรกสงครามส่งด่วนในครั้งนี้ เริ่มต้นจากการประชุมเมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” เป็นประธาน โดยคณะกรรมการการเงินและเศรษฐกิจกลางได้ประกาศอย่างชัดเจนว่าจีนจำเป็นต้อง "ควบคุม" การแข่งขันด้านราคาที่ไร้ระเบียบ พร้อมแนะนำให้บริษัทต่างๆ หันมาปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์และกำจัดกำลังการผลิตที่ล้าสมัยเพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน
สงครามราคา ‘ส่งด่วน’
จากข้อมูลของสมาคมขนส่งด่วนฝูเจี้ยน (Fujian Express Association) พบว่าในช่วงครึ่งแรกของปี68 แม้ปริมาณพัสดุในมณฑลจะเพิ่มขึ้นถึง 11.4% แต่ราคาเฉลี่ยต่อชิ้นกลับลดลง 4.5% หรือคิดเป็น 0.32 หยวน หรือประมาณ 1.45 บาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบโดยตรงจากสงครามราคาที่เกิดขึ้น
การแข่งขันที่รุนแรงในตลาดขนส่งด่วนของจีนทำให้ราคาจัดส่งในบางภูมิภาคต่ำมาก จนเหลือเพียง 0.80 หยวนหรือ 3.63 บาทต่อชิ้น ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อกำไรของผู้ประกอบการ โดยเฉพาะจุดส่งพัสดุในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งมีกำไรต่อชิ้นเหลือไม่ถึง 0.10 หยวนหรือไม่ถึง 1 บาทต่อชิ้น
ข้อมูลจากสำนักงานไปรษณีย์จีนระบุว่า แม้รายได้รวมของอุตสาหกรรมจะเพิ่มขึ้น 9% ในเดือนมิ.ย. แต่รายได้ต่อพัสดุกลับลดลงถึง 5.8% จากปีก่อน ซึ่งเป็นสัญญาณที่ชัดเจนของสงครามราคาที่ดุเดือด
ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมมองว่า ปัญหานี้เป็นผลมาจากความขัดแย้งเชิงโครงสร้าง เมื่ออีคอมเมิร์ซเติบโตอย่างรวดเร็ว บริษัทขนส่งต่าง ๆ จึงลงทุนมหาศาลเพื่อขยายธุรกิจและเพิ่มศักยภาพด้านโลจิสติกส์ แต่เมื่อตลาดเริ่มอิ่มตัว และลูกค้าต้องการบริการที่รวดเร็วและมีคุณภาพมากขึ้น แต่ผู้ให้บริการแต่ละรายกลับมีรูปแบบธุรกิจและเทคโนโลยีที่คล้ายกัน ทำให้ไม่สามารถแข่งขันกันด้วยคุณภาพได้ จึงเหลือเพียงการ "ตัดราคา" เท่านั้น และนั่นยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก
ไปรษณีย์จีนขึ้นค่าส่ง ‘ฮับอีคอมเมิร์ซ’
หลังการประกาศนโยบาย สำนักงานไปรษณีย์จีนได้ออกประกาศอย่างเป็นทางการเพื่อปราบปรามราคาที่ต่ำเกินจริง และยังกำหนดให้การกระทำที่ฝ่าฝืนกฎนี้จะถูกนำไปพิจารณาในการประเมินเครดิตของบริษัท ซึ่งเป็นบทลงโทษที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความน่าเชื่อถือทางธุรกิจ
การเปลี่ยนแปลงนี้เริ่มเห็นได้ชัดในเมืองอี้อู มณฑลเจ้อเจียง ซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตสินค้าขนาดเล็กระดับโลก โดยบริษัทหลักทรัพย์กัวไท่ ไห่ทง (Guotai Haitong) รายงานว่า หน่วยงานไปรษณีย์ท้องถิ่นได้ปรับโครงสร้างค่าธรรมเนียมใหม่ ทำให้ค่าจัดส่งขั้นต่ำเพิ่มขึ้น 0.2 หยวน หรือประมาณ 1 บาท ตั้งแต่ปลายเดือนก.ค. และมณฑลกวางตุ้ง ซึ่งเป็นศูนย์กลางอีคอมเมิร์ซสำคัญอีกแห่งหนึ่ง ก็ได้มีการขึ้นค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ 0.4 หยวน หรือประมาณ 2 บาท ในเดือนส.ค.ที่ผ่านมา
ไปรษณีย์จีนได้จัดประชุมหารือกับบริษัทขนส่งรายใหญ่ เช่น ZTO Express, YTO Express, Yunda Holding, STO Express และ J&T Express เพื่อแก้ไขปัญหาการแข่งขันที่รุนแรงจนส่งผลกระทบต่อทั้งกำไรของบริษัทและพนักงาน
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สมาคมขนส่งด่วนหลายแห่งทั่วประเทศจีน ทั้งในกรุงปักกิ่ง มณฑลฝูเจี้ยน มณฑลเหอเป่ย และเมืองเป่าจี ต่างก็ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้บริษัทขนส่งกำหนดราคาตามต้นทุนที่แท้จริง และให้ปฏิบัติตามกฎหมายป้องกันการผูกขาดและการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมอย่างเคร่งครัด
นโยบายนี้เริ่มเห็นผลแล้ว โดยกัวไท่ ไห่ทงระบุว่าในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา รายได้ต่อพัสดุลดลงเพียง 5.3% ซึ่งเป็นการลดลงที่น้อยกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 7 เดือนแรกของปี ที่ลดลงถึง 7.4% แสดงให้เห็นว่าการแข่งขันด้านราคาเริ่มเบาบางลงบ้างแล้ว
อย่างไรก็ดี บริษัทหลักทรัพย์ไชน่า ซีเคียวริตีส์มองว่า มาตรการควบคุมราคาที่ออกมาจะช่วยกำหนดราคาขั้นต่ำให้กับอุตสาหกรรมขนส่งได้ในระยะสั้น แต่บริษัทต่าง ๆ ยังคงต้องเผชิญกับแรงกดดันอยู่
นอกจากนี้ไชน่า ซีเคียวริตีส์นังเตือนว่าสงครามราคาอาจกลับมาปะทุขึ้นอีกครั้ง หากความต้องการของตลาดลดลง หากร้านค้าออนไลน์ลดการจัดโปรโมชันซึ่งทำให้ความต้องการชะลอตัว นอกจากนี้ มาตรการล่าสุดที่บังคับบริษัทให้คุ้มครองรายได้และสวัสดิการของพนักงานส่งของก็จะยิ่งทำให้ต้นทุนแรงงานของบริษัทสูงขึ้นไปอีก
อ้างอิง SCMP bricscompetition