‘มาริษ‘ เผยหลังลงพื้นที่สำรวจความเสียหายจากการโจมตีของกัมพูชาที่ จ.สุรินทร์ ทำให้เห็นภาพชัดขึ้น เตรียมใช้เป็นข้อชี้แจงนานาชาติ
เมื่อวันที่ 9 ส.ค. นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการลงพื้นที่สำรวจความเสียหายที่ จ.สุรินทร์ จากเหตุการณ์ปะทะกันตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า เรื่องข้อมูลของการละเมิดสิทธิ และละเมิดกฎสหประชาชาติกฎหมายระหว่างประเทศของกัมพูชา เรามีข้อมูลครบถ้วนอยู่แล้ว เมื่อวันนี้ได้มาเห็นสภาพจริง และมาเก็บข้อมูลเพิ่มเติม ได้เห็นภาพนอกเหนือจากข้อมูล ก็เป็นภาพที่เห็นชัดเจน รวมถึงการบรรยายสรุปของผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ที่อธิบายให้เห็นการโจมตีเป้าหมายที่ห่างไกลออกจากเขตแดน ซึ่งตนเองใช้เป็นข้อชี้แจงกับนานาชาติ องค์กรสหประชาชาติ ว่าการใช้ประเภทอาวุธระยะไกลของฝ่ายกัมพูชาจะทำให้เกิดปัญหา และจะทำให้ประชาชนพลเรือนได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งเป็นการโจมตีเป้าหมายไปยังพลเรือน แต่ยังไม่สามารถเข้าไปดูพื้นที่กับระเบิด และวันนี้ทราบว่ามีทหารเหยียบกับระเบิดที่วางอยู่ตามแนวชายแดน โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกฯ ได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจง และแสดงความผิดหวัง และไม่ปรารถนาที่จะเห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นในช่วงการเจรจา เพื่อแก้ไขปัญหาระหว่างกันให้สำเร็จอย่างยั่งยืน ส่วนนี้เราจะแสดงจุดยืนที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้อาวุธ หรือทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา อย่างชัดเจน
นายมาริษ กล่าวอีกว่า การเดินทางมาครั้งนี้ ได้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นในสิ่งที่เราเรียกร้องมาโดยตลอด ว่าเราทำตนอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว และได้แสดงตนให้ประชาคมโลก ได้ตระหนักว่าเราเป็นผู้ที่อยู่ภายใต้กฎหมาย กฎบัตรสหประชาชาติ ธรรมเนียม ในขณะที่อีกฝ่ายมีการละเมิดอยู่ตลอดเวลา เพราะเราเองพยายามเรียกร้องให้เขามาเจรจาผ่านกลไกทวิภาคีตลอดเวลา เพราะฉะนั้น การที่เราไปเจรจาคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-กัมพูชา (จีบีซี) แล้วได้ผลสำเร็จ ทำให้เขากลับมานั่งโต๊ะเจรจาทวิภาคี และยืนยันว่าจะใช้กลไกที่มีอยู่แล้วระหว่างกัน คือ ประชุมคณะกรรมการเขตแดนร่วม (เจบีซี), การประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (อาร์บีซี) และจีบีซี เป็นสิ่งที่ทุกประเทศทั่วโลกยอมรับ
นายมาริษ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ตนเองมายืนยันให้กับผู้ปฏิบัติหน้าที่ที่ให้การดูแลประชาชนให้สบายใจว่า ประเทศสมาชิกอาเซียน มิตรประเทศของเรา สนับสนุนแนวทางที่เราใช้แก้ไขปัญหาระหว่างที่มีการปะทะกัน เป็นไปตามหลักสากลอย่างแท้จริง และมิตรประเทศก็ให้การสนับสนุน ขอให้ทุกท่านทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และความสบายใจ และแก้ไขปัญหาให้ประชาชนอย่างเต็มที่ เพราะได้รับการยอมรับและสนับสนุนจากมิตรประเทศ
เมื่อถามว่าจะต้องมีคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวของอาเซียนที่จะมาติดตามข้อตกลงหยุดยิง นายมาริษ กล่าวว่า ขณะนี้กลไกที่เราเรียกร้องมาตั้งแต่ต้น ได้รับการยอมรับ และมันทำให้สบายใจกันมากขึ้น ไม่ใช่แค่กับสองประเทศ แต่ทั้งประชาคมโลกด้วย ซึ่งในช่วงที่ตนเองเดินทางไปประชุมที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ก็ยืนยันแต่แรกว่า ปัญหาเกิดขึ้นจากสองประเทศ ดังนั้นทั้งสองประเทศต้องเป็นผู้แก้ปัญหา ซึ่งทุกประเทศก็สนับสนุน จึงต้องคุยกันต่อไป โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ โดยหากมีการละเมิดกลไกอาร์บีซี ก็จะเป็นหลักในการมานั่งพูดคุยกัน
ส่วนจะมีคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ไอซีอาร์ซี) และองค์กรสหประชาชาติ (ยูเอ็น) มาหรือไม่ นายมาริษ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังประสานอยู่ เราพร้อมอำนวยความสะดวกให้องค์กรทั้งหลาย เรื่องไอซีอาร์ซีเป็นนโยบายเชิงรุกของรัฐบาล เมื่อมีการปะทะกัน ในการโจมตีเป้าหมายเป็นพลเรือน ทำให้เราพยายามติดต่อไอซีอาร์ซี เขาก็รีบเข้ามาหลังการปะทะคลี่คลาย ได้ให้หน่วยงานทั้งหลาย ทั้ง ยูเอ็น ที่เจนีวา และที่นิวยอร์ก ได้ประสานทั้งหมด และยังมีทูตอีกหลายประเทศที่อยากมาดู เราก็จะประสานให้