ไทยเวียตเจ็ท กางแผนรับมอบโบอิ้ง 737-8 เพิ่มอีก 50 ลำ รุกขยายเส้นทางบินใหม่เอเชีย
วันนี้ (วันที่ 28 สิงหาคม 2568) สายการบินเวียตเจ็ทไทยแลนด์ (ชื่อเดิม ไทยเวียตเจ็ท) ประกาศเดินหน้ากลยุทธ์การเติบโตเชิงรุกในปี 2568–2571 พร้อมวางแผนอนาคต เพื่อผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางการบินและการท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียน ผ่านการขยายฝูงบิน เพิ่มเครือข่ายเส้นทางบิน ลงทุนด้านเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อมุ่งสู่ความยั่งยืน พร้อมยกระดับประสบการณ์ผู้โดยสาร
ปัจจุบันเวียตเจ็ทไทยแลนด์อยู่ระหว่างขั้นตอนสุดท้าย เพื่อเตรียมรับมอบอากาศยานใหม่ โบอิ้ง 737-8 เพิ่มอีก 50 ลำ ตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป โดยเครื่องลำแรกมีกำหนดส่งมอบในเดือนตุลาคม 2568 เพื่อรองรับการเปิดเส้นทางการบินใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายเชื่อมต่อเมืองหลัก–เมืองรองในไทยกับเมืองสำคัญทั่วเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย และเวียดนาม
นายวรเนติ หล้าพระบาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเวียตเจ็ทไทยแลนด์ กล่าวว่า การขยายฝูงบินครั้งนี้ไม่เพียงแต่รองรับความต้องการเดินทางที่เพิ่มขึ้น แต่ยังเป็นการยกระดับศักยภาพของไทยในฐานะศูนย์กลางการบินและการท่องเที่ยวในภูมิภาค
การรับมอบเครื่องบินโบอิ้ง 737-8 ลำใหม่ทั้งหมดจากโบอิ้ง ซึ่งทำให้สามารถบินได้ไกลกว่าเครื่องบินแอร์บัส A320 ที่มีอยู่เดิม สายการบินมีแผนที่จะปรับเปลี่ยนฝูงบินให้รองรับเครื่องบินโบอิ้งทั้งหมดภายใน 5 ปี โดยจะให้บริการ 50 ลำภายในปี 2571 จากแอร์บัส
นายวรเนตร กล่าวว่า ในช่วงกลางปีนี้ สายการบินได้ส่งคืนเครื่องบินแอร์บัส 4 ลำ ทำให้เหลือเครื่องบินทั้งหมด 14 ลำและจะได้รับเครื่องบินโบอิ้ง 1 ลำในเดือนตุลาคม และอีก 4 ลำในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม พร้อมขยายเส้นทางบินในไตรมาสที่ 4 ภายในสิ้นปีนี้ จะมีเครื่องบินทั้งหมด 23 ลำ
โดยเวียตเจ็ทไทยแลนด์มีการเติบโตด้านธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งในแง่รายได้ ปริมาณผู้โดยสาร และเครือข่ายเส้นทางบิน สะท้อนถึงศักยภาพการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและความเชื่อมั่นจากผู้โดยสารและคู่ค้า โดยมุ่งมั่นนำเสนอการเดินทางที่สะดวกสบาย ราคาคุ้มค่า และตรงเวลา
ทั้งเตรียมเปิดเส้นทางบินใหม่ๆ ที่ครอบคลุมทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเป็นแผนการขยายฝูงบินทั้งในระยะสั้นและกลาง เพื่อรองรับการเติบโตของสายการบินให้บริการ จะช่วยให้เวียตเจ็ทไทยแลนด์เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในตลาดโลว์คอสต์ที่รุนแรง และสร้างความพร้อมให้ไทยก้าวสู่การเป็นฮับการบินในภูมิภาค อาทิ ในปีนี้จะเปิดภูเก็ต-เพิร์ท
รวมถึงสายการบินยังตั้งเป้าหมาย ที่จะทวงคืนมาร์เก็ตแชร์อันดับ 2 เส้นทางบินในประเทศได้ภายในไตรมาส 4 ปีนี้ จากปัจจุบันที่อยู่ในอันดับ 3 เนื่องจากมีการนำเครื่องบินไปซ่อมหลายลำ
ส่วนรายได้ของสายการบินในปีนี้ ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ มีรายได้อยู่ที่ 7.5 พันล้านบาท คาดว่าตลอดทั้งปีจะมีรายได้ 1.5 หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ซึ่งลดลงจากเป้าหมายที่เคยคาดไว้ก่อนหน้านี้ราว 20% จากการลดลงของนักท่องเที่ยวจีน และตั้งเป้าจำนวนผู้โดยสาร 6.7 ล้านคน
นอกจากนี้จากการรับมอบเครื่องบินใหม่ ทำให้สายการบินยังมีแผนสร้างงานกว่า 4,000 - 5,000 ตำแหน่ง ครอบคลุมนักบิน พนักงานต้อนรับ พนักงานภาคพื้นดิน และฝ่ายวิศวกรรม ควบคู่ไปกับการยกระดับด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ในฐานะสายการบินยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพของบุคลากร
โดยได้เปิดโอกาสให้ทั้งบัณฑิตจบใหม่ ผู้มีประสบการณ์ทำงาน รวมถึงผู้ที่มีความมุ่งมั่นในสายอาชีพด้านการบินได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร
ด้านนายปิ่นยศ พิบูลสงคราม รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการพาณิชย์ เสริมว่าตลอดปีที่ผ่านมา เวียตเจ็ทไทยแลนด์สามารถสร้างการเติบโตของผู้โดยสารได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยจุดแข็งด้านราคาที่เข้าถึงง่าย และตอบสนองความต้องการของนักเดินทางยุคใหม่
“เวียตเจ็ทไทยแลนด์สามารถรักษาอัตราการเติบโตของผู้โดยสารได้อย่างต่อเนื่อง แม้ต้องเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดสายการบินราคา ซึ่งจุดแข็งของเราคือการมอบบริการคุณภาพในราคาที่เข้าถึงได้ ทำให้เรามีฐานลูกค้าที่เหนียวแน่นและสามารถขยายตลาดใหม่ได้อย่างมั่นคง”
ในปีนี้ เวียตเจ็ทไทยแลนด์เตรียมเปิดเส้นทางใหม่ รวมถึงเส้นทางกรุงเทพฯ–โซล (เดือนตุลาคม) กรุงเทพฯ–โกลกาตา ในเดือนพฤศจิกายน กรุงเทพฯ–โตเกียว (นาริตะ) ในเดือนธันวาคม กรุงเทพฯ–โอซาก้า (คันไซ) ในเดือนธันวาคม และกรุงเทพฯ–อาห์เมดาบัด ในเดือนธันวาคม
นี้ ทั้งในปีหน้าศึกษาจะเปิดบินนาโกยา ฮ่องกง เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นในตลาดเกาหลี ญี่ปุ่น และอินเดีย ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
รวมถึงเส้นทางบินในประเทศ กรุงเทพฯ-นครศรีธรรมราช ในวันที่ 15 ธันวาคมนี้ พร้อมกันนี้เวียตเจ็ทไทยยังเตรียมมอบประสบการณ์การบินที่น่าประทับใจด้วยการให้บริการด้านความบันเทิงบนเที่ยวบิน (In-Flight Entertainment)
ทั้งสายการบินเวียตเจ็ทไทยแลนด์ยังคงพัฒนาความตรงต่อเวลาอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันก้าวขึ้นสู่อันดับ 4 ของสายการบินในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความสำเร็จครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเราในการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพและการมอบบริการที่เป็นเลิศแก่ผู้โดยสาร
นางสาวสญาดา เบญจกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ กล่าวว่า เวียตเจ็ทไทยแลนด์ให้ความสำคัญกับการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจ ที่ไม่เพียงการสร้างความเติบโตเชิงเศรษฐกิจ แต่ยังต้องการสร้างสมดุลกับสิ่งแวดล้อมและสังคม พร้อมทั้งเป็นแรงผลักดันในการสนับสนุนการท่องเที่ยว
เวียตเจ็ทไทยแลนด์ให้ความสำคัญกับการสร้างภาพลักษณ์องค์กรที่โปร่งใสและมีความรับผิดชอบต่อสังคม เราเดินหน้าจัดกิจกรรมอนุรักษ์ธรรมชาติและกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ทั้งโครงการด้านสิ่งแวดล้อม การศึกษา และการสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น
รวมถึงร่วมมือกับภาครัฐและภาคเอกชนในการส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งทั้งหมดสอดคล้องกับนโยบาย ‘Fly Green’ ที่มุ่งลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมกันนี้สายการบินฯ ยังมุ่งเน้นการสร้างวัฒนธรรมองค์กรสีเขียวและส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการดูแลโลกอย่างยั่งยืนไปพร้อมกัน
นอกจากนี้เวียตเจ็ทไทยแลนด์ประกาศตอกย้ำพันธกิจด้านความยั่งยืน โดยเดินหน้าศึกษาและส่งเสริมการใช้ Sustainable Aviation Fuel (SAF) ควบคู่กับการนำเครื่องบินรุ่นใหม่ที่ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น A321neo และ Boeing 737-8 ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ถึง 15–20% เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม
เวียตเจ็ทไทยแลนด์วางเป้าหมายก้าวสู่การเป็นสายการบินที่มีเครือข่ายครอบคลุมภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เชื่อมต่อเมืองรองของไทยกับตลาดต่างประเทศโดยตรง เสริมบทบาทของไทยในฐานะฮับการบินและท่องเที่ยว พร้อมต่อยอดโอกาสทางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค รวมทั้งพัฒนาความร่วมมือกับภาครัฐและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจท้องถิ่น