จากผู้ป่วยสู่จำเลย!ผู้บริจาคโร่เอาผิดสาวอ้างป่วยมะเร็ง ระดมเงิน 1.6 ล้านบาท สุดท้ายรพ.แจงไม่จริง
เมื่อวันที่ 18 ส.ค.เงินบริจาคสะเทือนสังคม: จากการให้เพื่อชีวิตสู่การแจ้งความดำเนินคดี เป็นที่ถกเถียงอย่างหนักในสังคมออนไลน์ กรณีหญิงรายหนึ่งซึ่งอ้างว่าป่วยเป็นโรคมะเร็งเต้านมระยะที่ 3 ได้โพสต์ขอรับบริจาคเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล โดยระบุว่าต้องใช้ค่ายาเคมีบำบัดและยามุ่งเป้าถึง 18 เข็ม รวมเป็นเงินกว่า 520,000 บาท ซึ่งอยู่นอกเหนือสิทธิประกันสังคม ทำให้ผู้ใจบุญจำนวนมากหลงเชื่อและร่วมบริจาคเงินช่วยเหลือ จนยอดพุ่งสูงเกิน 1.6 ล้านบาทในวันเดียว
อย่างไรก็ตาม กระแสความสงสัยได้เกิดขึ้นเมื่อโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวรออกแถลงการณ์ยืนยันว่า ผู้ป่วยรายดังกล่าวได้รับสิทธิการรักษาตามมาตรฐานและไม่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายใดๆ เพิ่มเติม เช่นเดียวกับโรงพยาบาลกรุงเทพพิษณุโลกในเครือ BDMS ที่ออกมาชี้แจงว่า หากมีการส่งตัวผู้ป่วยสิทธิประกันสังคมมารับการรักษา จะไม่มีการเรียกเก็บเงินจากผู้ป่วย ทำให้สังคมตั้งข้อสงสัยว่าเงินบริจาคจำนวนมหาศาลที่ได้มาจะถูกนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นหรือไม่
ความจริงที่ปรากฏทำให้ผู้บริจาคหลายรายรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยล่าสุดเมื่อเวลา 20.00 น. ของวันที่ 17 ส.ค. ที่ผ่านมา นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ได้นำตัว นายกร (นามสมมุติ) ช่างภาพวัย 27 ปี หนึ่งในผู้บริจาคเงินเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อหญิงผู้โพสต์ในข้อหาฉ้อโกงประชาชนและนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ที่ สภ.บางกรวย จ.นนทบุรี
นายกร ผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนได้โอนเงินช่วยเหลือไปจำนวนหนึ่ง เพราะเชื่อว่าไม่มีใครนำเรื่องเจ็บป่วยมาโกหก แต่เมื่อทราบข่าวจากทางโรงพยาบาลว่าผู้ป่วยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ และยังพบว่ายอดบริจาคสูงถึง 1.6 ล้านบาท จึงรู้สึกว่าเป็นการกระทำที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้ป่วยที่เดือดร้อนจริง ๆ พร้อมระบุว่าหากเรื่องแบบนี้ยังคงเกิดขึ้น จะทำให้สังคมไม่กล้าบริจาคช่วยเหลือคนอื่นอีกในอนาคต
ด้านทนายรณณรงค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีนี้ถือว่าเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายอย่างชัดเจน และการที่หญิงคนดังกล่าวมีพฤติกรรมท้าทายผู้บริจาคถือเป็นการดูถูกศักดิ์ศรีของผู้ที่ตั้งใจช่วยเหลือ จึงแนะนำว่าหากยังมีเงินบริจาคเหลืออยู่ ควรนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยที่เดือดร้อนจริงเพื่อเป็นการบรรเทาโทษต่อไป
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางกรวย ได้รับเรื่องไว้และจะส่งต่อให้พนักงานสอบสวนในพื้นที่ที่มีอำนาจตามกฎหมายดำเนินการต่อไป