‘4 ชั่วโมงใต้เสียงระเบิด’ บันทึกจากพยาบาลแนวหน้า ณ โรงพยาบาลพนมดงรัก
วันนี้ (9 สิงหาคม) ทีมข่าว THE STANDARD ลงพื้นที่โรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จังหวัดสุรินทร์ ท่ามกลางซากปรักหักพังจากเหตุความรุนแรงบริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา อาคารบางส่วนพังเสียหายจนไม่สามารถใช้งานได้ อุปกรณ์ทางการแพทย์หลายชิ้นต้องเปลี่ยนใหม่ รอบบริเวณที่พักเจ้าหน้าที่เต็มไปด้วยสะเก็ดระเบิดที่กระจายทั่ว
พยาบาลวิชาชีพประจำโรงพยาบาล กลับเข้ามาเพื่อตรวจสอบสภาพครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่เหตุการณ์ความรุนแรงเริ่มต้น น้ำตาคลอเมื่อเล่าย้อนถึงวันที่ 24 กรกฎาคม วันที่เธอและเพื่อนร่วมงานต้องอพยพเจ้าหน้าที่และคนไข้ทุกคนออกจากโรงพยาบาล
“ภาพวันนั้นยังติดอยู่ในใจ ไม่มีวันลืม ความกลัว ความกังวล ทุกวินาทีเหมือนนานนับชั่วโมง แต่สิ่งเดียวที่รู้คือเราต้องพาทุกคนออกมาให้ปลอดภัย”
เธอเล่าว่า การตัดสินใจในวันนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ซะทีเดียว เพราะเมื่อครั้งเกิดกรณีพิพาทเขาพระวิหารในปี 2554 เธอเคยอยู่ในเหตุการณ์ แต่ครั้งนี้สถานการณ์รุนแรงกว่ามาก
“ตอนเขาพระวิหาร เสียงปืนดังแค่ 1-2 ชั่วโมงก็เงียบ แต่รอบนี้ ยิงใส่โรงพยาบาลนานกว่า 4 ชั่วโมง”
หลังเคลื่อนย้ายคนไข้ชุดสุดท้ายออกมา เธอกลับไปห้องพักเพื่ออาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะตั้งใจย้อนมาที่โรงพยาบาลเพื่อเก็บเอกสารสำคัญ แต่ระหว่างทางกลับ ได้รับข้อความจากเจ้าหน้าที่ที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่คนว่า โรงพยาบาลกำลังถูกถล่มอีกระลอก ทุกคนต้องซ่อนตัวอยู่ในบังเกอร์ รอให้เจ้าหน้าที่เข้ามารับ
เมื่อทั้งหมดไปถึงพื้นที่ปลอดภัย ทุกคนพูดตรงกันว่า “เราตัดสินใจถูกแล้วที่พาคนไข้ออกมาก่อน” เพราะไม่มีคนไข้แม้แต่รายเดียวที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้
แต่ภาพหนึ่งที่ฝังลึกในใจเธอจนวันนี้ คือสภาพห้องคลอดที่ถูกยิงเสียหายหนัก จากห้องที่เคยต้อนรับชีวิตใหม่ของทารกจำนวนมาก หลายคนเป็นหญิงชาวกัมพูชาที่ไม่มีเงินจ่ายค่าทำคลอดเต็มจำนวน โรงพยาบาลจึงให้ผ่อนจ่ายเสมอเพราะที่นี่เข้าใจความลำบากของผู้คน
สิ่งที่เธอห่วงที่สุดหลังจากนี้ ไม่ใช่เพียงการซ่อมแซมอาคารหรือจัดหาเครื่องมือใหม่ แต่คือสภาพจิตใจของเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะกลุ่มสุดท้ายที่ต้องอยู่ในบังเกอร์ท่ามกลางการยิงถล่มยาวนานกว่า 4 ชั่วโมง
แม้เหตุการณ์นี้จะฝากบาดแผลไว้ทั้งในกายและใจ แต่สิ่งที่เธออยากส่งต่อให้สังคมรับรู้ คือพลังน้ำใจจากผู้คนทั่วสารทิศ ที่หลั่งไหลทั้งอาหาร ของใช้ และกำลังใจ ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ไม่เคยขาด
“มันช่วยปลอบใจพวกเราที่หวาดกลัวได้มากจริงๆ” เธอกล่าว