'3 ก๊ก'เปลี่ยนฉากการเมือง 3 ทางเลือก รัฐบาล พท.- ภท. ไปต่อ - ยุบสภา
การเมืองไทยฉบับ "3 ก๊ก” กำลังเดินเข้าสู่จุดเปลี่ยนอีกครั้ง เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ แพทองธาร ชินวัตร พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเฉพาะตัว ส่งผลให้สภาฯ ต้องโหวตเลือกนายกฯ คนใหม่ โดยเบื้องต้นสภาฯ ได้นัดประชุมในวันที่ 3 ก.ย.68 นี้
ทว่า ความเคลื่อนไหวในการจับขั้วการเมือง ที่ยังชุลมุนฝุ่นตลบ เมื่อภูมิใจไทย เดินเกมชิงจัดตั้งรัฐบาล แข่งกับเพื่อไทย ซึ่งเป็น ครม.รักษาการ โดยมีพรรคประชาชน เสียงอันดับ 1 ที่ไร้แคนดิเดตนายกฯ ในบัญชี เป็นตัวแปรสำคัญ ในการเลือกสนับสนุนขั้วใด หรือจะไม่เลือกฝ่ายใด เพื่อดึงสถานการณ์ไปสู่การเซตซีโร่ เลือกตั้งใหม่
อย่างไรก็ตาม ระหว่างลุ้นการตัดสินใจ ระหว่าง 3 ก๊กการเมืองนี้ แต่ละพรรคได้เปิดเกม ที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า เพื่อกุมความได้เปรียบการเมืองมากที่สุด สำหรับปูทางไปสู่การเลือกตั้งใหม่ และพรรคประชาชน กลับมากุมสภาพ ที่สามารถเปลี่ยนฉากการเมืองได้ทุกเมื่อ
การนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง พรรคเพื่อไทย ที่ยังเป็นรัฐบาลรักษาการ ได้เตรียมแผนสองไว้ก่อนวันชี้ชะตานายกฯ แพทองธาร โดยคาดการณ์ว่าหากแพทองธารพ้นนายกฯ เพื่อไทยยังสามารถตรึงพรรคร่วมรัฐบาลขั้วเดิมไว้ได้ทั้งหมด แม้เสียงจะปริ่มน้ำ แต่สามารถโหวต “ชัยเกษม นิติสิริ” แคนดิเดตสุดท้ายของพรรค ขึ้นมานั่งนายกฯ ได้
ทว่า แผนนี้กลับพลิกผัน เมื่อพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อไทย วงแตก เมื่อปฏิบัติการดีลลับของภูมิใจไทยเสนอเงื่อนไขที่เพื่อไทยให้พรรคร่วมบางพรรคไม่ได้ ดูดให้ย้ายมาร่วมกับขั้วสีน้ำเงิน ส่งผลให้สมการการโหวตเลือกนายกฯ เบอร์ 3 ของเพื่อไทยสะดุดลงทันที
สถานการณ์เวลานี้ จึงเป็นเกมระหว่าง “3 ขั้ว” หลัก คือ “ขั้วส้ม” พรรคประชาชน 143 สส. (มี 1 งูเห่าแยกตัว) “ขั้วแดง” พรรคเพื่อไทย 140 สส. (มีงูเห่า เปลี่ยนขั้ว) “ขั้วน้ำเงิน” พรรคภูมิใจไทย (69 สส. และดูดงูเห่าเข้ามาร่วมสนับสนุน)
เมื่อ 2 ก๊กต้องการอำนาจรัฐบาล จึงต้องเข้าสู่เกมชิงคะแนนโหวตนายกฯ คนใหม่จากอีกก๊ก
เวลานี้ ตัวแปรหลักอยู่ที่ ก๊กสีส้ม พรรคประชาชน ซึ่งประกาศจุดยืนอย่างเป็นทางการว่า พร้อมโหวตให้ “แคนดิเดตนายกฯ” ต่างพรรคการเมือง โดยมีเงื่อนไข คือ ต้องยุบสภาภายใน 4 เดือน ต้องทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญไปพร้อมกับการเลือกตั้ง โดยพรรคประชาชนจะไม่ร่วมรัฐบาล และยังทำหน้าที่ฝ่ายค้านเช่นเดิม
พรรคภูมิใจไทย ผู้ท้าชิง เดินเกมเร็ว ต่อเนื่องจากดีลล่วงหน้าทันที โดยอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เปิดฉากเดินสายเมื่อผลคำวินิจฉัยแพทองธารหลุดเก้าอี้นายกฯ ไปยังพรรคแรก คือ พรรคประชาชน พร้อมยืนยันว่าตอบรับข้อเสนอทั้งหมด
ขณะเดียวกัน ภูมิใจไทยยังได้เปิดตัว “พันธมิตรใหม่” ประกอบด้วย สันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม สุชาติ ชมกลิ่น สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะกลุ่ม 18 รทสช. รวมทั้งเปิดประตูรับ “สส.งูเห่า” จากพรรคเพื่อไทย
ความพยายามเปิดดีล “น้ำเงิน-ส้ม” ด้วยการเจรจา เงื่อนไขบนโต๊ะ ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ภาพของ “อนุทิน” ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคภูมิใจไทย กลายเป็นเต็งหนึ่ง “นายกฯ คนใหม่” ทันที
ตรงกันข้ามกับ “เพื่อไทย” ซึ่ง “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร ใช้วิธีเจรจาใต้ดิน เปิดดีลลับต่อสายตรง “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ประธานคณะก้าวหน้า เพื่อขอให้ผู้นำจิตวิญญาณของพรรคส้ม ช่วยสนับสนุนเพื่อไทยไปต่อ ด้วยการโหวตนายกฯ เพื่อไทย “ชัยเกษม นิติสิริ”
ก่อนที่ วันถัดมา 31 ส.ค.68 ขบวนจากเพื่อไทย และพรรคร่วมเดิม นำโดย ภูมิธรรม เวชยชัย แกนนำเพื่อไทย สรวงศ์ เทียนทอง เลขาฯ เพื่อไทย ทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรคประชาชาติ เดชอิศม์ ขาวทอง เลขาฯ พรรคประชาธิปัตย์ ประภัตร โพธสุธน เลขาฯ พรรคชาติไทยพัฒนา กับแกนนำพรรคประชาชน นำโดย ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค
หลังจาก"ก๊กส้ม" รับทราบข้อเสนอเงื่อนไข ทั้งจาก 2 ก๊ก "น้ำเงิน-แดง" แล้ว ต่อจากนี้ก็จะนำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของพรรค ที่จะประชุมพรรคในวันนี้ (1 ก.ย.68) ในการตัดสิน จะเลือกทางไหน
โดยมี 3 ทางเลือก เลือกเพื่อไทยได้ "นายกฯ ชัยเกษม" เลือกภูมิใจไทย ได้ "นายกฯ อนุทิน" และไม่เลือกทั้งสองก๊ก ปล่อยลอยแพ ให้สถานการณ์นำไปสู่การยุบสภาฯ เพื่อเลือกตั้งใหม่ทันที
อย่างไรก็ตาม หากเป็นการเลือกหนุน 1 ใน 2 ขั้ว ก็จะเข้าเงื่อนไขที่พรรคประชาชน กำหนดไทม์ไลน์ "ภารกิจ 4 เดือน" ที่รัฐบาลชุดใหม่ต้องทำตามเงื่อนไข เรื่องขับเคลื่อนการแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งไม่ใช่เรื่องยาก
ทว่า เรื่องท้าทายยิ่งกว่า คือ ในมิติการเมือง ที่มีเวลา “นับถอย 4 เดือน” ที่ไม่ว่าก๊กสีไหน ก็ต้องเตรียมพร้อมไปต่อในการเลือกตั้ง
“ขั้วแดง” เร่งคดีฮั้ว สว.- เขากระโดง
สำหรับโดย “ขั้วแดง” เพื่อไทย วางภารกิจ 4 เดือน ย่อมไม่พ้นการเร่ง "คดีฮั้วเลือก สว." ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบสวนของสำนักงานคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ภายหลังเรียกผู้ถูกกล่าวหาใน “เครือข่ายสีน้ำเงิน” มาแจ้งข้อกล่าวหาไปแล้ว
ปฏิเสธไม่ได้ว่า “สว.สีน้ำเงิน” คือฐานอำนาจของ “ขั้วสีน้ำเงิน” หาก “ขั้วแดง” ไม่สามารถทลายฐานอำนาจสำคัญนี้ลงได้ จะเป็นหอกข้างแคร่ไปอย่างยาวนาน โอกาสที่จะถูกเล่นงานในระยะยาวมีสูงลิบ เนื่องจาก “สว.สีน้ำเงิน” มีภารกิจแต่งตั้งบุคคลเข้าไปดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระหลายแห่ง ซึ่งสามารถชี้ขาดทางการเมืองได้
เช่นเดียวกับกรณีที่ดินเขากระโดง ภายหลังที่กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย มีมติให้เพิกถอนโฉนดที่ดินเขากระโดง โดยอยู่ระหว่างรอให้ “ขจรเกียรติ รักพานิชมณี” อธิบดีกรมที่ดิน ลงนามเพิกถอน คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือนก.ย.นี้
ปมที่ดิน “เขากระโดง” ที่ค้างคามาเนิ่นนาน เนื่องจากเป็นฐานกำลังของ “ครูใหญ่สีน้ำเงิน” ในการขยายอาณาจักรการเมือง หากฐานบัญชาการโดนตีแตก ผลกระทบย่อมตกอยู่กับ “เครือข่ายสีน้ำเงิน” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ทั้งสองปม จึงเป็นภารกิจของ “ขั้วแดง” ที่ต้องเร่ง และรีบทำให้จบ หากได้โอกาสไปต่อ
เร่งดัน “ประชานิยม” ปูทางเลือกตั้ง
นอกจากนี้ใน “ขั้วแดง” จำเป็นต้องวางกำลังคน เพื่อเตรียมการเลือกตั้งอย่างรอบคอบ เนื่องจากระยะเวลาเดือนเศษที่ยึดเก้าอี้ “มท.1” มาได้ มีการโยกย้าย จัดทัพข้าราชการระดับสูงไปแล้ว จากนี้อาจจะลงรายละเอียดในการแต่งตั้งโยกย้ายระดับท้องถิ่นเป็นวาระสำคัญถัดไป
อย่างไรก็ตาม ที่น่าจับตา คือ การผลักดันนโยบาย “ประชานิยม” ให้มาเป็นนโยบายเร่งด่วน เพื่อกู้ความเชื่อมั่นในด้านเศรษฐกิจ โฟกัสหลักที่โครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย หวยเกษียณ บ้านเพื่อคนไทย แก้หนี้ครัวเรือน ดันนโยบายด้านการเกษตร และเรื่องเร่งด่วนแก้สถานการณ์กัมพูชา ที่เพื่อไทยจะรีบเดินให้สุด และทำให้เสร็จ เพื่อซื้อใจฐานเสียงเดิมให้ได้
“ขั้วน้ำเงิน” แช่แข็งเขากระโดง - ยุติฮั้วสว.
เมื่อ “ขั้วแดง” พยายามทลายเครือข่ายอำนาจ “ขั้วน้ำเงิน” ในทางตรงกันข้าม “บิ๊กขั้วน้ำเงิน” ต้องการกลับมามีอำนาจ เพื่อแช่แข็งปมที่ดิน “เขากระโดง” และอาจจะพลิกคดีฮั้วสว. เพื่อปิดเกม ปิดแผล ไม่ให้ใครเข้ามาทลายอาณาจักรสีน้ำเงินได้เช่นกัน
ต้องยอมรับว่า เกมการเมืองสไตล์ “ขั้วน้ำเงิน” จำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องใช้ “อำนาจรัฐ” เพื่อขับเคลื่อนงานด้านการเมือง เนื่องจากไม่ใช่พรรคกระแส และภาพรวมยังค่อนข้างอยู่ในแดนลบ
ภารกิจ 4 เดือนของ “ขั้วน้ำเงิน” ฉากหน้า ที่นำโดย “อนุทิน” ฉากหลังกำกับดูแลโดย “เนวิน ชิดชอบ” นอกจากจะเคลียร์เรื่องตัวเองให้ได้แล้ว ยังต้องปรับทัพ วางคนใน “มหาดไทย” กลับมาใหม่ หลังจากถูก “ขั้วแดง” รื้อยับ ทั้งระดับ “บิ๊กมหาดไทย” และผู้ว่าฯ ไปหลายระลอก
ที่สำคัญต้องจับตา การบริหารของ พรรคร่วมรัฐบาลขั้วนี้ เพราะหลายคน หลายพรรค ต้องตระเตรียมกระสุน ตุนเสบียงเพื่อใช้สู้ศึกเลือกตั้งครั้งใหม่
แน่นอนว่าวาระ 4 เดือนของ “ขั้วแดง - ขั้วน้ำเงิน” จะไม่มีการวางแผนระยะยาว โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ แต่แผนงานทั้งหมดจะเดินหน้าเฉพาะแผนงานระยะสั้น ที่เป็นไปตามกรอบงบประมาณ ทำให้การวางแผนรับมือเศรษฐกิจในระยะยาว อาจต้องรอ “รัฐบาลใหม่” หลังการเลือกตั้งครั้งหน้า
ทั้ง “ก๊กแดง- ก๊กน้ำเงิน” คงต้องลุ้นผลการประชุม “สส.พรรคประชาชน”ในวันนี้ ที่ “ก๊กส้ม” จะเป็นฝ่ายกำหนดเกม
ถือเป็นเดิมพันอำนาจของ “ผู้นำ 3 ก๊ก” ทั้ง ทักษิณ ชินวัตร เนวิน ชิดชอบ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ในการเปลี่ยนฉากการเมืองไทยอีกครั้ง
พิสูจน์อักษร….สุรีย์ ศิลาวงษ์