กต. โชว์ตัวอย่างทุ่นระเบิด แจงต่อคณะทูต ก่อนลงพื้นที่จริงพรุ่งนี้
กต. โชว์ตัวอย่างทุ่นระเบิด แจงต่อคณะทูต ก่อนลงพื้นที่จริงพรุ่งนี้ ย้ำ 'กัมพูชา' ชะลอการเก็บกู้ ไม่รับข้อเสนอปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์
วันที่ 15 ส.ค.68 กระทรวงการต่างประเทศ จัดบรรยายสรุปแก่คณะทูตกลุ่มรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวาเกี่ยวกับเหตุการณ์การใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชา โดยมีผู้เข้าร่วม 67 คน จาก 41 ประเทศ 1 องค์กร และ 4 องค์การ
นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ย้ำถ้อยแถลงของนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาทุ่นระเบิดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ที่มิใช่เพียงประเด็นด้านความมั่นคงเท่านั้น แต่ยังเป็นประเด็นด้านมนุษยธรรมที่ต้องให้ความสำคัญและดำเนินการด้วยความเร่งด่วนที่สุด ในบรรดาพื้นที่ชายแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้านทั้งหลาย ชายแดนไทย–กัมพูชาเป็นพื้นที่เดียวที่ยังคงได้รับผลกระทบจากทุ่นระเบิดดังกล่าว ดังที่นายมาริษได้กล่าวไว้ว่า ประเทศไทยได้เสนอให้กัมพูชาดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมตามแนวชายแดน แต่กัมพูชาได้ชะลอการดำเนินการดังกล่าว ต่อมาประเทศไทยได้ยื่นข้อเสนอนี้อีกครั้งในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (Extraordinary General Border Committee – GBC) สมัยวิสามัญ ระหว่างวันที่ 4–7 ส.ค.68 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ แต่กัมพูชาไม่ได้ยอมรับต่อข้อเสนอดังกล่าว
โดยสาระสำคัญของผลการประชุม GBC เป็นการติดตามผลความเข้าใจร่วมกันระหว่างผู้นำของประเทศไทยและกัมพูชา เมื่อวันที่ 28 ก.ค.68 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยเฉพาะในประเด็นการธำรงไว้ซึ่งการหยุดยิง ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัดสำหรับอาวุธทุกประเภท รักษากำลังพลในพื้นที่ตามที่มีอยู่โดยไม่มีการเคลื่อนย้ายเพิ่มเติม งดการเสริมกำลังตามแนวชายแดน และงดเว้นการกระทำใด ๆ ที่เป็นการยั่วยุ รวมถึงการปฏิบัติการทางทหารและการเผยแพร่ข้อมูลที่บิดเบือน ตลอดจนปฏิบัติตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด โดยจะไม่ใช้กำลังทุกประเภทต่อพลเรือนและทรัพย์สินของพลเรือนภายใต้ทุกสถานการณ์ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากเราทุกคนตระหนักถึงผลกระทบด้านมนุษยธรรมของทุ่นระเบิดเป็นอย่างดี ประเทศไทยและประเทศกัมพูชาเห็นพ้องที่จะจัดตั้ง “คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว” (Interim Observer Team – IOT) ประกอบด้วยผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารของประเทศสมาชิกอาเซียนที่ประจำอยู่ ณ กัมพูชา และประเทศไทย ซึ่งจะถูกจัดตั้งแยกและปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นอิสระในแต่ละประเทศ เพื่อสังเกตการณ์การปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างสม่ำเสมอ โดยองค์ประกอบของคณะผู้สังเกตการณ์แต่ละประเทศจะกำหนดโดยประเทศเจ้าภาพร่วมกับประเทศมาเลเซีย คณะผู้สังเกตการณ์จะปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ข้ามแดน และจะประสานงานอย่างใกล้ชิดกับคณะกรรมการชายแดนภูมิภาค (Regional Border Committee – RBC) และคณะกรรมการชายแดนทั่วไปของแต่ละประเทศ ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องที่จะรักษาช่องทางการสื่อสาร และใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ทุกช่องทางเพื่อป้องกันมิให้เหตุการณ์ใด ๆ บานปลาย รวมทั้งจะจัดการประชุมคณะกรรมการชายแดนภูมิภาค (RBC) ซึ่งเริ่มต้นในวันนี้ แม้จะมีผลลัพธ์เชิงบวกจาการประชุมดังกล่าว ประเทศไทยมีความเสียใจที่กัมพูชาไม่ได้ยอมรับข้อเสนอของเราในการบรรจุประเด็นการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม และการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ เป็นหนึ่งใน ผลลัพธ์หลักของการประชุม GBC
ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศของประเทศไทยได้เชิญผู้แทนจากสถานเอกอัครราชทูต ลงพื้นที่ในวันพรุ่งนี้ เพื่อสังเกตพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากทุ่นระเบิดสังหารบุคคลซึ่งเพิ่งถูกฝังโดยกัมพูชา โดยจะมการเยี่ยมชมหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมในจังหวัดศรีสะเกษ และพื้นที่ภูมิประเทศที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งท่านจะมีโอกาสเห็นด้วยตนเองถึงผลกระทบด้านมนุษยธรรมของทุ่นระเบิดต่อชุมชนในพื้นที่ จากนั้นจะเยี่ยมชมบ้านหนองเม็ก อำเภอกันทรลักษ์ ซึ่งบ้านเรือนของประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากการโจมตีด้วยอาวุธโดยกัมพูชา ตนหวังว่าการลงพื้นที่ในครั้งนี้จะช่วยให้ทุกท่านได้เห็นข้อเท็จจริง และตระหนักถึงผลกระทบด้านมนุษยธรรมของทุ่นระเบิด ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างไม่เลือกเป้าหมายและไร้มนุษยธรรม ความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งประเทศผู้ให้ความช่วยเหลือและประเทศที่ได้รับผลกระทบ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการลดภัยคุกคามจากทุ่นระเบิด การคุ้มครองความปลอดภัยของชุมชนที่ได้รับผลกระทบ และการสร้างโอกาสเพื่อความปลอดภัย ความเป็นอยู่ที่ดี และการพัฒนาของประชาชนในพื้นที่
อย่างไรก็ตาม ในงานบรรยายสรุป เจ้าหน้าที่นำตัวอย่างทุ่นระเบิด PMN-2 ของกัมพูชา ที่ช่องโดนเอาว์-กฤษณา จ.ศรีสะเกษ เมื่อ 9 ส.ค.68 และ 12 ส.ค.68 ที่ช่องจุ๊บตาโมก จ.สุรินทร์ มาแสดงประกอบการชี้แจงแก่คณะทูตก่อนจะลงพื้นที่ พิสูจน์ข้อเท็จจริงในวันพรุ่งนี้ (16 ส.ค.68) ด้วย