‘มาริษ’ เยือนสวีเดน-สวิส เตรียมแจงยุโรป-องค์กรสิทธิมนุษยชน-กาชาดสากล ปมกัมพูชาใช้ทุ่นระเบิด

เมื่อวันที่ 24 ส.ค. เวลา 08.20 น. ตามเวลาท้องถิ่นสวีเดน นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ เดินทางถึงกรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน ในโอกาสเยือนสวีเดนอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 24–26 ส.ค. 2568 เพื่อร่วมลงนามในเอกสารความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ไทย-สวีเดน

ทั้งนี้ นายมาริษ ให้สัมภาษณ์ว่า การเยือนสวีเดนอย่างเป็นทางการครั้งนี้ เป็นไปตามตามคำเชิญของ รมว.ต่างประเทศสวีเดน เพื่อเป็นสักขีพยานในการลงนามซื้อเครื่องบินรบ Grippen E/F ของกองทัพอากาศ กับบริษัท Saab และตนจะได้มีโอกาสพูดคุยกับทางการสวีเดนในการมีความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ อีกทั้ง ตนจะหารือทวิภาคีกับนางมารีอา มัลเมอร์ สเตเนอร์การ์ด รมว.ต่างประเทศสวีเดน ซึ่งจะใช้โอกาสนี้นำหลักฐานมาประกอบการพูดคุยทำความเข้าใจกับฝ่ายสวีเดนต่อสถานการณ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาด้วย เพื่อยืนยันว่ามาตรการต่างๆ ที่ประเทศไทยใช้ในการแก้ปัญหาดังกล่าวตั้งแต่แรกเริ่ม ฝ่ายไทยมุ่งเน้นการใช้การเจรจาทวิภาคี หลีกเลี่ยงการใช้กำลัง และแสดงความต้องการแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาโดยสันติและจริงใจระหว่างกันมาโดยตลอด แต่ไทยถูกกัมพูชาละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน ทำให้ไทยต้องตอบโต้เพื่อป้องกันตัวเอง ตามมาตรา 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ ซึ่งการปฏิบัติการทางทหารของเราสอดคล้องกับนโยบายด้านการต่างประเทศ เราเป็นประเทศที่รักสันติ เราทำทุกอย่างตามกฎหมายระหว่างประเทศและกฎบัตรสหประชาชาติ

"ไทยเป็นประเทศรักสันติ การปฏิบัติการทางทหารของเราจำกัดวงเพื่อลดทอนศักยภาพทางทหารของกัมพูชาอย่างจำกัดวงความเสียหายเท่านั้น จึงเห็นได้ว่าไม่มีประเทศใดตำหนิหรือแทรกแซงการปฏิบัติการทางทหารเลย ผมมุ่งหน้าเดินสายเพื่อชี้แจงกับทุกประเทศว่าการใช้กำลังทางทหารของเราได้สัดส่วนกับความเป็นจริงและไม่มีเป้าหมายเพื่อทำลายล้าง ซึ่งหลักฐานทุกอย่างยืนยันว่าประเทศไทยปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ ข้อตกลงระหว่างประเทศ และกฎบัตรของสหประชาชาติ สำหรับอาวุธที่เราใช้ ก็ยืนยันได้ว่าเราทำเพื่อป้องกันตัวเอง แต่กัมพูชาใช้อาวุธเพื่อโจมตีระยะไกล ไม่สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ และยังโจมตีเป้าหมายทางพลเรือน ใช้ทุ่นระเบิด การปฏิบัติการสงครามข่าวสาร ใช้ความเห็นสาธารณะ ชวนเชื่อทัศนคติของสังคมให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายประเทศยอมรับไม่ได้" นายมาริษ กล่าว

นายมาริษ กล่าวอีกว่า หลังการเยือนสวีเดนอย่างเป็นทางการแล้ว ตนจะเดินทางไปนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในวันที่ 26 ส.ค.นี้ โดยมีเป้าหมายหลัก 3 ประการ คือ 1.ชี้แจงให้ประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคีเข้าใจถึงสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ซึ่งกัมพูชาใช้ยุทธศาสตร์ของการใช้ทุ่นระเบิดที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ และอนุสัญญาออตตาวา นอกจากนี้ ตนจะพบกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาติ และประธานคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ไอซีอาร์ซี) เพื่อพูดคุยถึงการที่กัมพูชาใช้ทุ่นระเบิด ละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วยการโจมตีเป้าหมายพลเรือน และใช้สื่อโซเชียล ซึ่งเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ไอซีอาร์ซีพูดชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยและไม่สนับสนุนให้ใช้สงครามข่าวสารในการต่อสู้โดยใช้พลเรือนเป็นตัวกระทำให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างกัน ทั้งนี้ การพูดคุยกับองค์กรเหล่านี้ เพื่อชี้แจงยืนยันท่าทีและบทบาทของไทยที่ชัดเจนว่าไทยเป็นประเทศที่รักสันติ เราต้องการแก้ไขปัญหาระหว่างกันอย่างสันติวิธี แต่ต้องมีความจริงใจ รวมทั้งไทยปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ กฎบัตรสหประชาชาติ และหลักการของอาเซียน

รมว.ต่างประเทศ กล่าวอีกว่า กรณีที่กัมพูชาตอบรับข้อตกลง 3 ข้อในการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (อาร์บีซี) ไทย-กัมพูชานั้น เป็นผลจากการกดดันในทุกด้าน ด้วยการใช้มาตรการต่างๆ ของรัฐบาลไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรการทางการทูต การต่างประเทศสอดคล้องและสนับสนุนมาตรการทางทหาร ขณะเดียวกันมาตรการทางทหารก็สนับสนุนทำให้ความสำเร็จของรัฐบาลไทยในการชี้แจงให้ชาวโลกได้เข้าใจข้อเท็จจริงทั้งหมด ซึ่งการทำงานทั้ง 2 ด้านขณะนี้ไปด้วยกัน ทำให้ประชาคมโลกเข้าใจในความตั้งใจของรัฐบาลไทยว่าเราเป็นประเทศที่รักสันติ.