‘ทักษิณ’ เผยยุทธการทางทหาร 3 เหล่าทัพมาครึ่งทางแล้ว เชื่อฝีมือกองทัพทำตามยุทธวิธี
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 26 ก.ค. ที่ จ.อุบลราชธานี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์อีกครั้งก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ ถึงการเสียกำลังพลในเหตุการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ที่เกิดขึ้นบริเวณชายแดน และหลายประเทศค่อนข้างที่จะประณามการกระทำของกัมพูชา ว่า การสู้รบกันก็มีการสูญเสีย แต่ทางทหารก็พยายามดูแลตัวเองอย่างเต็มที่ แต่ในเรื่องของการดูแลชดเชยเยียวยาผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ก็เชื่อว่า ทางกองทัพทำเต็มที่ และการสูญเสียกำลังพลในการสู้รบมีขึ้นทั้ง 2 ฝ่าย
นายทักษิณ กล่าวว่า ยังเชื่อว่าปัญหาความขัดแย้งนี้จะไม่ยืดเยื้อ เพราะเชื่อมั่นศักยภาพของกองทัพไทย ที่มียุทธการและยุทธวิธีที่เป็นแบบแผน ทั้ง 3 เหล่าทัพทำงานร่วมกัน และทางกองทัพจะเป็นผู้บอกรัฐบาลว่าขั้นตอนของยุทธวิธีถึงขั้นตอนไหน พร้อมมองว่าตอนนี้ประเทศไทยไม่ได้เสียเปรียบทางการทหาร และทางการทูต
เมื่อถามถึง กรณีที่วันนี้ที่กำลังพลของหน่วยงานความมั่นคง ขึ้นไปชักธงชาติไทยบนภูมะเขือ แต่ทางกัมพูชามีความพยายามที่จะกดดันให้ชักธงชาติลง นายทักษิณ กล่าวว่า อันนี้ก็คงจะต้องเถียงกันได้อีกนาน
เมื่อถามว่า ที่แม่ทัพภาคที่ 2 เคยออกมาระบุก่อนหน้านี้ว่า หากกองทัพไทยได้เริ่มต้นตอบโต้แล้ว ภายใน 3 วันทุกอย่างจะจบ ซึ่งวันนี้เข้าสู่วันที่ 3 แล้ว ทิศทางเป็นอย่างไร นายทักษิณ กล่าวว่า เราต้องทำให้รอบคอบที่สุด ยุทธศาสตร์ของทางกองทัพต้องวางทุกอย่างให้มั่นใจว่าเขาจะรักษาพื้นที่ได้ และการที่จะพูดคุยกันในโอกาสต่อไป ก็ต้องอยู่บนพื้นฐานของเราว่ามีที่มั่นที่ถูกต้องแล้ว
เมื่อถามว่า มองว่าการเปิดยุทธการของ 3 เหล่าทัพตอนนี้มาถึงครึ่งทางแล้วหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ตอนนี้น่าจะถึงครึ่งทางแล้ว ซึ่งในวันที่ 28 ก.ค. นี้ ก็จะมีการใช้โดรนบินตรวจทุ่นแม่เหล็กหากับระเบิดที่ฝังอยู่ใต้ดิน เพื่อให้ชาวโลกรู้ว่ากัมพูชาได้ฝังทุ่นระเบิดไว้
เมื่อถามย้ำว่า ควักเงินส่วนตัวใช่หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ตนใช้เงินส่วนตัวในการสั่งซื้อมา มีศักยภาพ และมีเทคโนโลยีที่ใหม่ล่าสุด สามารถที่จะบินตรวจหาว่ามีทุ่นระเบิดตรงไหน และสามารถทำแบบจำลองแผนที่ออกมาระบุให้เห็นภาพได้
เมื่อถามว่า กลับมาเจรจาตามกลไกเดิมคือ JBC ได้หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ทางฝั่งกัมพูชาไม่เจรจา จะขอขึ้นศาลโลกอย่างเดียว เราก็ยังยืนยันว่า เราไม่ได้ยอมรับอำนาจศาลโลก
เมื่อถามว่า เงินที่มาแจกเด็กๆ คือเงินส่วนตัวใช่หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า เป็นเงินส่วนตัว และมองว่าชาวบ้านได้รับความลำบาก ไม่ได้ทำมาหากินช่วงนี้ คิดว่ามีอะไรก็ดูแลกันไป พร้อมย้ำว่า ตัวเองไม่อยากไปเปิดรับบริจาค และมองว่าไม่ได้มากมายอะไร ก่อนปฏิเสธว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับวันเกิด เพราะวันเกิดก็เป็นแค่อีกวันของชีวิต และวันนี้มาเพื่ออยากจะดูแลด้วยความเป็นห่วง เพราะชาวบ้านหนีภัยมาอยู่ เขาอยู่กันอย่างไร และมาดูว่าทางหน่วยงานราชการ ท้องถิ่นช่วยดูแลดีหรือไม่
เมื่อถามว่า นายทักษิณให้ไปแล้วรู้สึกสบายใจ แต่หากมีคนที่ไม่สบายใจแทน นายทักษิณ กล่าวว่า “ไม่เป็นไร ให้เขาคิดไป เดี๋ยวเขาก็จะทุกข์เอง ตนไม่ได้ทุกข์ด้วย พร้อมย้ำว่า ไม่หมดกำลังใจ มองเป็นเรื่องธรรมดา อย่าไปคิดมาก ต่างคนต่างอยู่ เราทำให้ดีที่สุด”
เมื่อถามว่า ช่วงนี้ได้คุยกับนายกฯ หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า นายกฯ เป็นห่วง ฝากพ่อมาดูชาวบ้านว่าเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งต่อไปหากหลายวันก็อาจจะต้องมีรัฐมนตรี กระจายกันมารับผิดชอบเป็นโซนๆ ไป เหมือนกับตอนที่เราทำเรื่องสึนามิสมัยก่อน เพื่อจะได้มีการดูแลประชาชนได้อย่างทั่วถึง
เมื่อถามต่อว่า ที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าตอนนี้อยู่ในภาวะสงคราม แต่ประเทศไทยไม่มีนายกฯ ตัวจริง มีเพียงรักษาราชการแทนนายกฯนายทักษิณ กล่าวว่า เชื่อว่าทุกอย่างยังดูแลได้ และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกฯ ขยันมาก และพยายามให้รัฐมนตรีต่างๆ ช่วยกัน วันนี้ความสามัคคีพร้อมใจกันทำงานดีมาก
เมื่อถามว่า เรื่องที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.วัฒนธรรม เป็นห่วงที่สุดในช่วงนี้ นายทักษิณ กล่าวว่า นายกฯ ห่วง และฝากความห่วงใยมา เพราะยังทำหน้าที่ไม่ได้ เขาห้ามทำหน้าที่ ก็ต้องดูเท่าที่ทำได้ ที่ไม่ขัดต่อคำสั่งศาล
เมื่อถามว่า นายกฯ ฝากความห่วงใยมาถึงประชาชนอย่างไรบ้าง นายทักษิณ กล่าวว่า “บอกพ่อว่า ฝากความห่วงใยไปสู่ประชาชนด้วย ยังทำหน้าที่ไม่ได้ จนกว่าจะหมดเรื่องศาล เพราะไม่ต้องการไปละเมิดคำสั่งศาล ก็จะทำให้เต็มที่ ผมในฐานะประชาชนคนแก่ ก็มาดูแลประชาชนทั่วไป”
เมื่อถามว่า สำหรับในวันเกิดปีนี้ อยากได้ของขวัญอะไรเป็นพิเศษ นายทักษิณ กล่าวว่า อยากเห็นประชาชนมีความสุข อยากให้เหตุการณ์บ้านเมืองสงบเร็วๆ ขอให้คนเลิกบ้า เมื่อถามย้ำว่า หมายถึงคนเดียวหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ก็ทั้งในประเทศ และนอกประเทศ ขอให้เลิกบ้าบ้าง จิตใจสงบหน่อย