ดร.อนันต์ โพสต์ 'จุลินทรัย์ในลำไส้'กุญแจดอกใหม่ รักษามะเร็งด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด
การรักษามะเร็ง ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) โพสต์เพจเฟซบุ๊ก Anan Jongkaewwattana ระบุว่า จุลินทรีย์ในลำไส้: กุญแจดอกใหม่ไขความสำเร็จในการรักษามะเร็งด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด
การรักษาโรคมะเร็งด้วยวิธี"ภูมิคุ้มกันบำบัด" (Immunotherapy) โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ยาในกลุ่มที่เรียกว่า "สารยับยั้งจุดตรวจภูมิคุ้มกัน" (Immune Checkpoint Inhibitors) เช่น ยาที่ออกฤทธิ์ต่อต้านโปรตีน PD-1 ซึ่งทำหน้าที่ปลดปล่อยให้เซลล์ภูมิคุ้มกันของร่างกายเราสามารถกลับมามองเห็นและเข้าทำลายเซลล์มะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกครั้ง มีความท้าทายที่สำคัญคือ ไม่ใช่ผู้ป่วยทุกรายจะตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีนี้ นักวิทยาศาสตร์จึงพยายามค้นหาปัจจัยที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จและความล้มเหลวนี้ และหนึ่งในคำตอบที่น่าทึ่งที่สุดอาจซ่อนอยู่ในร่างกายของเราเอง นั่นคือ "จุลินทรีย์ในลำไส้"
งานวิจัยชิ้นล่าสุดที่ตีพิมพ์ใน Nature (หลังจากใช้เวลาพิจารณากับวารสารนานกว่า 2 ปี!) ได้เพิ่มความหวังครั้งใหม่ โดยทีมวิจัยได้ตั้งคำถามสำคัญว่า จุลินทรีย์ในลำไส้ส่งผลต่อการตอบสนองต่อยาภูมิคุ้มกันบำบัดได้อย่างไร? พวกเขาตั้งสมมติฐานว่าน่าจะมีแบคทีเรียบางชนิดในลำไส้ที่สามารถกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ต่อสู้กับมะเร็งได้ดีเป็นพิเศษ และหากสามารถค้นพบแบคทีเรียชนิดนั้นและเข้าใจกลไกการทำงานของมันได้ ก็อาจนำไปสู่การพัฒนาวิธีการรักษาแบบใหม่ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของภูมิคุ้มกันบำบัดได้
ทีมวิจัยได้ออกแบบการทดลองโดยเริ่มจากการเก็บตัวอย่างอุจจาระจากผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการรักษาด้วยยาต้าน PD-1 แล้วแบ่งผู้ป่วยออกเป็นสองกลุ่ม คือ กลุ่มที่ตอบสนองต่อการรักษา (Responders) และกลุ่มที่ไม่ตอบสนอง (Non-responders) จากนั้นนำตัวอย่างไปวิเคราะห์เพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของชนิดและปริมาณของจุลินทรีย์ในลำไส้ของทั้งสองกลุ่ม นอกจากนี้ พวกเขายังทำการทดลองในหนูทดลองที่ปราศจากเชื้อโรค โดยปลูกถ่ายอุจจาระจากผู้ป่วยทั้งสองกลุ่มเข้าไปในลำไส้ของหนู แล้วติดตามผลการเติบโตของเซลล์มะเร็งควบคู่ไปกับการให้ยาภูมิคุ้มกันบำบัด เพื่อยืนยันว่าจุลินทรีย์ในลำไส้มีผลต่อการรักษาจริง
ทีมวิจัยพบว่าผู้ป่วยกลุ่มที่ตอบสนองต่อการรักษามีความหลากหลายของจุลินทรีย์ในลำไส้สูงกว่า และที่สำคัญคือมีปริมาณแบคทีเรียในวงศ์ Ruminococcaceae มากกว่ากลุ่มที่ไม่ตอบสนองอย่างมีนัยสำคัญ จากการค้นพบนี้ นักวิจัยได้พยายามแยกเชื้อแบคทีเรียจากวงศ์ดังกล่าว และประสบความสำเร็จในการค้นพบแบคทีเรียสายพันธุ์ใหม่ที่ไม่เคยมีใครรู้จักมาก่อน โดยตั้งชื่อว่า "YB328" ซึ่งพบในปริมาณที่สูงในกลุ่มผู้ป่วยที่ตอบสนองต่อการรักษา เมื่อนำแบคทีเรีย YB328 ไปทดลองในหนู ผลลัพธ์ยิ่งชัดเจนขึ้นไปอีก หนูที่ได้รับแบคทีเรีย YB328 ร่วมกับการรักษาด้วยยาต้าน PD-1 สามารถยับยั้งการเติบโตของเนื้องอกได้ดีกว่าหนูกลุ่มอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด คำถามต่อไปคือ YB328 ทำสิ่งนี้ได้อย่างไร? งานวิจัยได้เจาะลึกลงไปในระดับเซลล์และพบกลไกที่น่าสนใจว่า YB328 สามารถกระตุ้นเซลล์ภูมิคุ้มกันชนิดพิเศษที่เรียกว่า Dendritic Cells หรือ DCs ซึ่งอาศัยอยู่ในลำไส้ให้ทำงานได้ดีขึ้น DC ที่ถูกกระตุ้นนี้จะเดินทางจากลำไส้ไปยังต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้กับก้อนมะเร็งและภายในก้อนมะเร็งเอง เมื่อไปถึงที่หมาย มันจะทำหน้าที่เสมือน "ครูฝึก" ให้กับเซลล์ภูมิคุ้มกันนักฆ่าอย่าง T cells ทำให้เซลล์มีความสามารถในการจดจำและเข้าโจมตีเซลล์มะเร็งได้อย่างแม่นยำและหลากหลายเป้าหมายมากขึ้น กลไกนี้ช่วยเพิ่มพลังให้กับยาภูมิคุ้มกันบำบัดให้ทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพ
การค้นพบครั้งนี้มีความสำคัญมากๆ ไม่เพียงแต่จะช่วยอธิบายความเชื่อมโยงระหว่างจุลินทรีย์ในลำไส้กับการรักษามะเร็งได้อย่างละเอียดและเป็นรูปธรรม แต่ยังเป็นการเปิดประตูสู่มิติใหม่ของการรักษา ในอนาคตเราอาจสามารถพัฒนาแบคทีเรีย YB328 ให้กลายเป็น "โปรไบโอติก" หรือ "ยาที่มีชีวิต" เพื่อให้กับผู้ป่วยมะเร็งควบคู่ไปกับการทำภูมิคุ้มกันบำบัด เพื่อเพิ่มโอกาสในการตอบสนองต่อการรักษาให้สูงขึ้น งานวิจัยนี้เป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ว่าสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่อาศัยอยู่ในร่างกายของเรานั้นมีบทบาทที่ยิ่งใหญ่กว่าที่เราเคยคาดคิด และอาจเป็นพันธมิตรที่ทรงพลังที่สุดในการต่อสู้กับโรคร้ายอย่างมะเร็งในอนาคต
CR:Fb Anan Jongkaewwattana
#มะเร็งลำไส้