DSI นำตัว 5 ผู้ต้องหาปลูกยางพาราในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าสองฝั่งลำน้ำแควน้อย กว่า 270 ไร่ ส่งพนักงานอัยการ
DSI นำตัว 5 ผู้ต้องหาปลูกยางพาราในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าสองฝั่งลำน้ำแควน้อย จังหวัดพิษณุโลก รวมเนื้อที่กว่า 270 ไร่ ส่งพนักงานอัยการ
วันที่ 18 กรกฎาคม 2568 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษพันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มอบหมายให้ พันตำรวจตรี ณฐพล ดิษยธรรม ผู้อำนวยการกองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สั่งการให้พันตำรวจตรี นิมิตร พรหมมา รองผู้อำนวยการกองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ นำสำนวนการสอบสวนคดีพิเศษพร้อมด้วยตัวผู้ต้องหารวมจำนวน 5 คน ไปยัง พนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
กรณีดังกล่าว สืบเนื่องจากสถานีตำรวจภูธรวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก ได้ส่งสำนวนคดีอาญาที่ 300/2563 กรณีเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เจ้าหน้าที่ปกครองอำเภอวัดโบสถ์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกันตรวจยึดพื้นที่เป็นป่ารกร้างและมีต้นยางพาราในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าสองฝั่งลำน้ำแควน้อย จำนวน 2 แปลง โดยแปลงที่ 1เนื้อที่ 191-1-04 ไร่ แปลงที่ 2 เนื้อที่ 67-2-36 ไร่ เป็นสำนวนคดีไม่รู้ตัวผู้กระทำความผิด โดยเห็นว่าคดีดังกล่าวเป็นการกระทำความผิดทางอาญาตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้องที่กำหนดไว้ในบัญชีท้ายพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 จึงส่งเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการ ซึ่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้อนุมัติให้สืบสวน ทำการสอบสวนเป็นคดีพิเศษที่ 19/2566 คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ทำการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานจนทราบตัวผู้กระทำความผิดจึงได้แจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหา เป็นกรณีต่างคนต่างกระทำความผิดต่างกรรมต่างวาระ และแยกเป็นรายคดี
พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ทำการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว มีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหานายรังสรรค์ (สงวนนามสกุล) ในคดีพิเศษที่ 19/2566 นายสมปอง (สงวนนามสกุล) ในคดีพิเศษที่ 39/2568 และนายสวัสดิ์ (สงวนนามสกุล) กับพวก รวม 3 คน ในคดีพิเศษที่ 40/2568 ในความผิดฐานยึดถือครอบครองทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ทำไม้ เก็บหาของป่า หรือกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ ตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ฐานก่อสร้าง แผ้วถาง หรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือ หรือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่น โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ 2484 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มูลค่าความเสียหายของรัฐ รวมจำนวน 9,842,828.00 บาท จึงนำตัวผู้ต้องหาจำนวน 5 คน พร้อมสำนวนการสอบสวนคดีพิเศษทั้งสามคดี ส่งพนักงานอัยการเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย
กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับปัญหาด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะปัญหาการบุกรุกทำลายป่าไม้ ทั้งในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ อุทยานแห่งชาติ หรือที่ดินของรัฐ เนื่องจากการทำลายทรัพยากรป่าไม้ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสภาพแวดล้อมและภูมิอากาศ อันนำมาซึ่งสภาวะ โลกร้อน ปัญหาอุทกภัย และอื่น ๆ ดังนั้น หากประชาชนพบเห็นการบุกรุกทำลายป่า สามารถแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิดดังกล่าวได้ที่กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือเว็บไซต์กรมสอบสวนคดีพิเศษ www.dsi.go.th หรือ สายด่วน กรมสอบสวนคดีพิเศษ โทร. 1202 (โทรฟรีทั่วประเทศ)