CGSI แนะซื้อ BBL เป้า 170 บาท ชี้กำไร Q2 โตเกินคาด – ตั้งสำรองลด
ฝ่ายวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI เปิดเผยบทวิเคราะห์ระบุว่าธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL มีกำไรสุทธิในไตรมาส 2/2568 อยู่ที่ 11,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) แต่ลดลง 6.2% จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ซึ่งสูงกว่าประมาณการของฝ่ายวิเคราะห์ 6% และสูงกว่า Bloomberg consensus ราว 7% เนื่องจากกำไรจากเงินลงทุนในตราสารหนี้สูงกว่าคาด และมีค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย โดยเฉพาะค่าพนักงาน ลดลงจากไตรมาสก่อน
จากผลการดำเนินงานดังกล่าว ส่งผลให้กำไรสุทธิครึ่งปีแรกอยู่ที่ 24,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.5% จากปีก่อนหน้า คิดเป็น 57% ของประมาณการกำไรทั้งปี 2568 ซึ่งสอดคล้องกับประมาณการของฝ่ายวิเคราะห์ อย่างไรก็ตาม คาดว่ากำไรในครึ่งปีหลังจะอ่อนตัวลงจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) ที่ลดลงและสินเชื่อที่เติบโตชะลอตัว
ด้านยอดสินเชื่อในไตรมาส 2/68 ของ BBL ลดลงเล็กน้อย 0.3% ทั้งจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่ยอดรวมสินเชื่อครึ่งปีแรกขยายตัว 0.7% จากสิ้นปี 2567 โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักจากสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ในภาคอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง
ขณะเดียวกันอัตราส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เพิ่มขึ้นเป็น 3.9% จาก 3.6% ในไตรมาสก่อน เนื่องจากมีสินเชื่อที่กลับมาเป็น NPL โดยเฉพาะจากกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตและพาณิชย์ ส่งผลให้อัตราการสำรองหนี้สูญเพิ่มขึ้นเป็น 158 basis points จาก 134 basis points ในไตรมาสก่อน แต่สัดส่วนการตั้งสำรองต่อ NPL ลดลงมาอยู่ที่ 284% จาก 300%
ทั้งนี้ ในส่วนของรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย BBL เติบโต 22.2% จากปีก่อน แต่ลดลง 7.5% จากไตรมาสก่อน โดยมีแรงหนุนจากกำไรจากเงินลงทุนเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม รายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิหดตัว 11.3% จากปีก่อน และ 20% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากค่าธรรมเนียมการปล่อยสินเชื่อและการขายประกันลดลงจากฐานที่สูงในไตรมาสก่อน ซึ่งเป็นช่วงที่ลูกค้าเร่งซื้อประกันสุขภาพก่อนมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข copayment
ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ประเมินว่า แม้อัตราการตั้งสำรองหนี้ในไตรมาส 2/68 จะสูงกว่าคาด แต่ปัจจัยหนุนหลักของ BBL ในไตรมาสนี้มาจากกำไรจากการลงทุนและการควบคุมต้นทุน โดยคาดว่าครึ่งปีหลังกำไรอาจชะลอลงจากผลของการลดดอกเบี้ยนโยบายโดยธนาคารแห่งประเทศไทย
โดย CGSI ยังคงราคาเป้าหมายหุ้น BBL ที่ 170 บาท อิง P/BV ที่ 0.55 เท่าในปี 2568 พร้อมแนะนำ “ซื้อ” เนื่องจากมูลค่ายังน่าสนใจที่ P/BV 0.47 เท่า และยังมีฐานะการเงินแข็งแกร่งด้วยอัตราการตั้งสำรองต่อ NPL ที่ 284% และอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 21%
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงต่อ BBL ได้แก่ ความตึงเครียดด้านการค้าโลกที่อาจกระทบสินเชื่อระหว่างประเทศ และการชะลอตัวของการลงทุนภาคเอกชนในประเทศ ขณะที่ปัจจัยบวกที่ต้องติดตามคืออัตราการตั้งสำรองที่ต่ำกว่าคาด และการปรับเพิ่มอัตราการจ่ายเงินปันผลในช่วงปี 2568–2570 ซึ่งจะช่วยสนับสนุนอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE)