คดีอาคาร สตง.ถล่ม เดินหน้าเข้าสู่อัยการ ลุ้นสั่งฟ้องก่อนหมดผัดสุดท้าย
จากซากปรักหักพัง สู่ความเคลื่อนไหวในกระบวนการกฎหมาย
คดีอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ที่พังถล่มจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ กลายเป็นคดีอาญาที่สังคมเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด
ล่าสุด กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้นำส่งสำนวนการสอบสวนไปยังสำนักงานอัยการเรียบร้อยแล้ว เปิดฉากสู่กระบวนการยุติธรรมในขั้นตอนของอัยการ
สำนวนกว่า 90,000 แผ่น กับผู้ต้องหา 23 ราย
พล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า การสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว โดยส่งสำนวนคดีจำนวน 233 แฟ้ม 51 ลัง รวมกว่า 90,000 แผ่น ให้อัยการพิจารณา โดยมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา รวมทั้งสิ้น 23 ราย แบ่งเป็น 7 บริษัท และ 16 รายบุคคล หนึ่งในนั้นคือ นายเปรมชัย กรรณสูต
ข้อกล่าวหาที่ตำรวจเสนอให้อัยการสั่งฟ้อง ได้แก่ การกระทำที่เป็นอันตรายต่อชีวิตโดยละเมิดหน้าที่วิชาชีพทางวิศวกรรม การร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอม ซึ่งถือเป็นข้อหาหนักและเกี่ยวข้องกับความรับผิดชอบโดยตรงต่อความปลอดภัยของประชาชน
อัยการเข้าสู่กระบวนการวินิจฉัย ท่ามกลางกรอบเวลาจำกัด
นายสัญจัย จันทร์ผ่อง อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา ระบุว่า สำนวนคดีที่มีความหนาแน่นของข้อมูล ต้องใช้การตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน และแม้จะมีเอกสารจำนวนมาก อัยการก็ต้องเร่งพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาฝากขังผัดที่ 7 ซึ่งเป็นผัดสุดท้าย
หากไม่สามารถสั่งคดีได้ทัน ผู้ต้องหาจะต้องได้รับการปล่อยตัวตามกฎหมาย จึงเป็นแรงกดดันสำคัญให้คณะทำงานต้องเร่งดำเนินการอย่างมืออาชีพ โดยนายสัญจัยระบุว่า คดีนี้จะดำเนินการให้รอบคอบและโปร่งใส เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
การตั้งคณะทำงานและการพิจารณาความเป็นธรรม
แม้ขณะนี้ยังไม่มีการตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพิ่มเติม แต่สำนักงานอัยการคดีอาญา 8 ซึ่งรับผิดชอบในพื้นที่ สน.บางซื่อ อาจต้องเสริมกำลังหากพบข้อจำกัดทางกระบวนการในระยะต่อไป ขณะเดียวกัน หากฝ่ายผู้ต้องหามีการร้องขอความเป็นธรรมเข้ามา ก็จะต้องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาตามกฎระเบียบ
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีฝ่ายใดยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมทั้งในชั้นสอบสวนของตำรวจและในชั้นอัยการ ทำให้การพิจารณาสำนวนสามารถดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง
เส้นทางข้างหน้า และปมที่ยังรอการขยายผล
ในอีกด้านหนึ่ง คดีนี้ยังเชื่อมโยงไปถึงเจ้าหน้าที่รัฐบางรายที่มีผู้ร้องทุกข์ว่าอาจเกี่ยวข้องกับการอนุญาตหรือกำกับดูแลโครงการก่อสร้าง ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ส่งสำนวนส่วนนี้ไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แล้วกว่า 30 วัน แต่ยังไม่ได้รับการตอบกลับ
หากมีข้อมูลใหม่หรือหลักฐานเพิ่มเติมในประเด็นที่เกี่ยวพันกับเจ้าหน้าที่รัฐ การขยายผลจะต้องเดินหน้าต่อไปในอีกแนวทางหนึ่ง ซึ่งอาจส่งผลต่อภาพรวมของคดีในระยะยาว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง