“ทนุเกียรติ” ผจก.กองทุนกีฬา เคลียร์ปมปัญหาเบี้ยเลี้ยงล่าช้า ย้ำ ไม่ได้นิ่งนอนใจ พร้อมเร่งหาแนวทางแก้ไข
นายทนุเกียรติ จันทร์ชุม ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ชี้แจงต่อสื่อมวลชน กรณีที่กองทุนฯ ถูกจับตามองว่าเป็นสาเหตุของความล่าช้าในการเบิกจ่ายเบี้ยเลี้ยงนักกีฬา โดยระบุว่า ต้นตอที่แท้จริงคือปัญหาด้านงบประมาณและการวางแผนในระยะยาว
ผู้จัดการกองทุนกีฬา กล่าวว่า "ปีนี้กองทุนฯ ได้จัดสรรงบประมาณก้อนแรกในปีงบประมาณ 2568 สำหรับการเก็บตัวฝึกซ้อมจำนวน 248 ล้านบาท ซึ่งได้ใช้จ่ายหมดตั้งแต่เดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ต่อมาจึงเสนอขอความเห็นชอบวงเงินเพิ่มเติม 310 ล้านบาท จากกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง และได้รับการอนุมัติเมื่อวันที่ 20 ส.ค.68 โดยสามารถจ่ายให้แก่นักกีฬาได้ตั้งแต่วันที่ 22 ส.ค.68 ซึ่งใช้เวลาเพียง 3 วัน เท่านั้น"
"ต้นตอของปัญหาที่แท้จริงของความล่าช้าเกิดจากศักยภาพทางการเงินที่มีจำกัด ไม่เพียงพอต่อความต้องการและการบริหารจัดการการเงินไม่เป็นไปตามแผน มีการสื่อสารที่อาจคลาดเคลื่อน ข้อเท็จจริง คือ งบประมาณที่ได้รับการจัดสรรให้ครอบคลุมทั้งปี หรือเราต้องหาทางบริหารงบประมาณให้เพียงพอทั้งปี หรือแม้แต่งบประมาณจำนวน 310 ล้านบาท ที่เพิ่งได้รับการจัดสรรเพิ่มเติมมาก็จะหมดภายในสิ้นเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา และในเดือน ก.ย. ยังต้องจัดหาแหล่งเงินเพิ่มเติมเพื่อรองรับค่าใช้จ่ายนักกีฬาในการเก็บตัวฝึกซ้อมของนักกีฬาในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33
ส่วนงบประมาณในเดือน ส.ค.-ก.ย.68 นั้น นายทนุเกียรติ กล่าวว่า "ได้รับแจ้งจากฝ่ายพัฒนากีฬาเป็นเลิศ การกีฬาแห่งประเทศไทย งบประมาณสำหรับใช้ในการดังกล่าว มีความจำเป็นประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นเบี้ยเลี้ยงในการเตรียมตัวฝึกซ้อมให้กับนักกีฬา ผมขอเรียนตามตรงว่าทางรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นห่วงและได้กำชับว่าต้องรีบไปหาข้อสรุปในเรื่องแหล่งเงิน ที่จัดหามาให้กับนักกีฬา ตอนนี้นักกีฬาก็กำลังเก็บตัวอยู่และแจ้งผู่เกี่ยวข้องให้ทราบโดยเร็ว โดยอยู่ระหว่างการหารือกับผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย และรองผู้ว่าการฝ่ายกีฬาเป็นเลิศและวิทยาศาสตร์การกีฬา เพื่อจัดหาแหล่งเงินที่เหมาะสมต่อไป"
"ส่วนเดือน ต.ค.-พ.ย.68 จะเริ่มใช้งบประมาณปี 2569 ซึ่งเตรียมการไว้เรียบร้อยแล้วและไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตาม ช่วงที่น่าเป็นห่วงคือเดือน ส.ค.-ก.ย. ซึ่งกองทุนฯ กำลังเร่งดำเนินการอย่างเต็มที่"
"ในปีงบประมาณ 2569 กองทุนฯ ยังต้องเตรียมงบประมาณสำหรับเงินรางวัลนักกีฬาในมหกรรมซีเกมส์ และอาเซียนพาราเกมส์ รวมกว่า 1,200 ล้านบาท ขณะที่ศักยภาพทางการเงินของกองทุนฯ มีประมาณปีละ 4,000 ล้านบาท ซึ่งได้วางแผนรองรับไว้แล้ว โดยมีแนวทางการบริหารจัดการตามที่ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ให้แนวคิดไว้"
ส่วนปัญหาเรื่องเงินไม่พอ นายทนุเกียรติ กล่าวว่า "เรื่องเงินไม่พอนั้น ด้วยความที่ภารกิจของการใช้จ่ายที่ใช้ในการพัฒนากีฬาแห่งชาติ มีจำนวนมากทำให้ไม่เพียงพอ เรากำลังวางแผนคุยกับผู้ที่เกี่ยงข้องในกันอาทิตย์หน้า ในเรื่องของงบประมาณในปี 2569 วงเงินที่เรามีอยู่นั้น เราสามารถที่จะบริหารจัดการได้เพียงพอกับวงเงินที่มีอยู่อย่างไร หากยังไม่พออีกทางท่านรัฐมนตรี ก็ขอให้ กกท. ในฐานะผู้ขอรับการสนับสนุนทำข้อมูลเพื่อไปรับงบกลางเพิ่มเติมจากคณะรัฐมนตรี เรามีแผนคือใช้เงินที่เรามีอยู่จากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ และอีกส่วนหนึ่งคืองบประมาณประจำปีที่ทางรัฐบาลให้กับทางการกีฬาแห่งประเทศไทย แหล่งเงินจากกองทุนฯและจากทาง กกท. เราจะต้องมาดูรายละเอียดกันหากงบประมาณไม่เพียงพอ จะต้องทำรายละเอียดให้รัฐมนตรีพิจารณา หากโชคดีทางกองทุนฯ มีเงินเหลือจากการบริหารจัดการ ก็จะมีอีกจำนวนหนึ่งเราก็จะขอกรอบเพิ่มเติมมาสนับสนุนในการพัฒนาการกีฬาแห่งชาติต่อไป โดยมี แหล่งเงิน 3 แหล่ง คือ 1 งบประมาณประจำปีของการกีฬาแห่งประเทศไทย (งบกลาง), 2 งบประมาณจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ (ขอกรอบเพิ่มเติมในไตรมาส 3), 3 งบจากสนับสนุนจากภาคเอกชน ของสมาคมกีฬาฯ"
ส่วนปัญหาการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล จะมีปัญหาหรือไม่ ผู้จัดการกองทุนกีฬา เผยว่า "ผมขอตอบในส่วนของกองทุนฯ ทางคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ได้เห็นชอบงบประมาณในปี 2569 ไปเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้อยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียดกับทางการกีฬาแห่งประเทศไทย และส่งให้กรมบัญชีกลางให้ความเห็นชอบ เพราะฉะนั้นผมขอเรียนว่า ถึงแม้การเมืองจะมีเปลี่ยนแปลง ใด ๆ แต่ทางกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ จะต้องดำเนินตามกรอบและแนวทางที่ทำไว้ตามแผนพัฒนากีฬาแห่งชาติ และแน่นอนต้องเป็นไปตามแนวทางด้านนโยบายของรัฐบาล"
นอกจากนี้ นายทนุเกียรติ ยังตอบสื่อหลังถูกถามว่าที่ผ่านมาการทำงานของกองทุนฯ ยังไม่เป็นระบบ ว่า "ก็อาจจะเป็นส่วนหนึ่ง เราก็ยอมรับตัวผมก็เพิ่งเข้ามาว่ายังมีปัญหาอยู่บ้าง ในการบริหารจัดการอยู่บ้างในสำนักงานกองทุนฯเอง ในเรื่องระบบคำขอ ผมขอเรียนว่า ในปี 2569 มีคำขอที่ส่งเข้ามาที่กองทุนฯ ผ่านสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยและสมาคมกีฬาแห่งจังหวัด ผ่านการกีฬาแห่งประเทศไทย มีคำขอจำนวนเงินกว่า 12,000 ล้านบาท มี 3,000 กว่าโครงการ ฉะนั้นเรามีศักยภาพประมาณ 4,130 ล้านบาท เราต้องมากลั่นกรองรายละเอียดเป็นจำนวนมาก เราต้องการดูคำขอที่มีศักยภาพ ทางกองทุนฯ ถูกครหามาโดยตลอดว่าจัดสรรงบไม่เป็นธรรม แม้แต่อดีตนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ท่านก็พูดว่าอยากให้ทางกองทุนฯ แก้ไขในเรื่องนี้ โดยการจัดสรรงบประมาณให้กับสมาคมกีฬาต่าง ๆ อย่างเป็นธรรม เราจึงเริ่มต้นด้วยคำขอทุกคำขอของทุกสมาคมกีฬาฯ และต้องได้รับการพิจารณามากน้อยขึ้นอยู่กับคำขอเป็นสำคัญ ซึ่งเรากำลังเร่งแก้ไขเร่งรัดในส่วนที่มีข้อผิดพลาดอยู่บ้าง เรากำลังแก้ไขอย่างสุดความสามารถ"