โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

นักสิทธิสตรี แถลงการณ์ ยืนเคียงข้าง 'อังคณา' ย้ำสันติภาพไม่เกิดจากความเกลียดชัง

MATICHON ONLINE

อัพเดต 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

นักสิทธิสตรี แถลงการณ์ ยืนเคียงข้าง ‘อังคณา’ ย้ำสันติภาพไม่เกิดจากความเกลียดชัง

กรณีที่ นางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา ได้โพสต์ห่วงการปล่อยให้อินฟลูเอ็นเซอร์ หรือกลุ่มบุคคลเข้าไปกระทำการเพื่อสร้างความกดดันหรือความหวาดกลัว อย่างการเปิดเสียงผี เสียงโหยหวย ในช่วงความขัดแย้ง-สงคราม อาจเป็นความท้าทายอย่างมากต่อรัฐบาล โดยเฉพาะ รมต.ต่างประเทศ ในการเจรจาเพื่อหาทางออกร่วมกันนั้น ภายหลังพบว่าเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมากทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ขบวนเคลื่อนไหวผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชน ออกแถลงการณ์ยืนข้างความจริง หลักสิทธิมนุษยชน และศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ยืนเคียงข้าง “อังคณา นีละไพจิตร”

โดยระบุว่า ในเวลาที่ความกลัวถูกปลอมเป็นความรักชาติ และความเกลียดชังถูกแต่งให้เป็นหน้าที่พลเมือง สังคมบางส่วนกลับหันไปโจมตีสมาชิกวุฒิสภาอิสระและผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนคนหนึ่ง — อังคณา นีละไพจิตร ผู้หญิงกล้าหาญที่เพียงทำหน้าที่อันซื่อสัตย์ของเธอ — ตั้งคำถามต่อความไม่ชอบมาพากล ด้วยความสุจริตใจ และยึดมั่นในหลักสิทธิมนุษยชน

อังคณารู้ดีว่าการพูดในยามนี้คือการ “สวนกระแส” แต่เธอก็เลือกพูด — เพราะเธอเชื่อในศักดิ์ศรีของความจริง แม้ในวันที่อำนาจรัฐโหดร้ายกับครอบครัวนีละไพจิตรเพียงใด เธอยังคงยืนอยู่ฝ่ายของความถูกต้อง แม้ต้องอยู่ลำพัง เธอไม่ได้พูดเพื่อตัวเอง —เธอพูดเพื่อปกป้องสิทธิของเราทุกคน เพราะสิทธิมนุษยชนไม่ได้เป็นเรื่องของนักกฎหมาย เอ็นจีโอหรือองค์กรใดองค์กรหนึ่ง แต่มันอยู่ในลมหายใจและในชีวิตประจำวันของเราทุกคน —สิทธิในการแสดงความคิดเห็นโดยไม่ถูกคุกคาม สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง สิทธิของพลเมืองที่จะตั้งคำถามต่ออำนาจรัฐ ทหาร และทุน หรือแม้กระทั่งอินฟลูเอนเซอร์ และสิทธิที่จะมีชีวิตอยู่โดยไม่ต้องหวาดกลัวและมั่งคงปลอดภัย

การตั้งคำถามต่ออำนาจ คือหัวใจของประชาธิปไตย การตั้งคำถามต่ออำนาจ ไม่ใช่การล้ำเส้นโดยเฉพาะอำนาจรัฐ หากคือการท้าทายอำนาจรัฐที่ละเลยความรับผิดชอบต่อประชาชน เพราะเมื่อรัฐไม่รับผิด — ประชาชนมีสิทธิและหน้าที่ต้องลุกขึ้นถาม การตั้งคำถามคือรูปแบบสูงสุดของความรับผิดชอบพลเมือง และคือหนทางเดียวที่เราจะรักษาความจริง ความยุติธรรม และศักดิ์ศรีของมนุษย์ไว้ได้
เราตั้งคำถามกับอังคณา นีละไพจิตรในฐานะสมาชิกวุฒิสภาได้ แต่เราไม่ สามารถสร้างความเกลียดชังได้

เมื่อความรักชาติถูกบิดให้กลายเป็นอาวุธ เป็นเรื่องน่ายินดีที่ประชาชนตื่นตัวต่อสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา แต่เมื่อเราตื่นตัว เราต้องถามว่า —เรากำลังตื่นตัวเพื่อแก้ปัญหาด้วยสติ หรือช่วยปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารหรือไอโอปลุกความเกลียดชัง?

ลัทธิชาตินิยมที่ถูกปลุกปั่นในวันนี้ กำลังสร้างวัฒนธรรมแห่งความกลัวและความเกลียดชังในใจผู้คน เมื่อเราปลูกความเกลียด เราก็เก็บเกี่ยวแต่ความรุนแรง เมื่อเราหล่อเลี้ยงการแบ่งแยก เราก็ทำลายรากของความยุติธรรมและสันติภาพด้วยมือของเราเอง เราต้องถามกันอย่างตรงไปตรงมาว่า —เรากำลังสร้างวัฒนธรรมแบบใดให้เติบโตในใจของเราเองหรือผู้คนในสังคม?

ถ้าเราสร้างสังคมที่เติบโตบนความเกลียดชัง เราก็จะอยู่ในความเกลียดชังนั้นเอง แต่ถ้าเราปลูกวัฒนธรรมของความเข้าใจ ความยุติธรรม และความห่วงใยต่อกัน เราก็จะได้สังคมที่กล้ายืนหยัดเพื่อศักดิ์ศรีของทุกชีวิต ความรักชาติที่อาจมีคุณค่าได้ ไม่ได้วัดจากเสียงโห่ร้องของความเกลียดชัง แต่จากความกล้าที่จะยืนหยัดเพื่อศักดิ์ศรีของทุกชีวิต — แม้ในวันที่ชาติสั่นคลอน

ประเทศไทยมีพันธกรณีต่อกฎหมายสิทธิมนุษยชนและมนุษยธรรมระหว่างประเทศหลายฉบับ รวมถึงอนุสัญญาต่อต้านการทรมาน (CAT) และกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (IHL) ซึ่งกำหนดให้ทุกฝ่ายต้องเคารพศักดิ์ศรีของพลเรือน และจำกัดผลกระทบของความรุนแรง เพราะแม้ในยามที่มนุษย์ต้องต่อสู้กัน — เรายังต้องไม่สูญเสียความเป็นมนุษย์ไปกับความขัดแย้ง

บทเรียนจากรวันดา: เมื่อความมั่นคงของชาติกลืนศักดิ์ศรีมนุษย์ ปี 1994 ขบวนการ “ฮูตู พาวเวอร์” ในรวันดา ปลุกระดมความเกลียดชัง โดยอ้างว่าเป็น “การปกป้องชาติ” จากชนกลุ่มน้อยทุตซี ไม่ถึงร้อยวัน มีผู้ถูกสังหารกว่า 800,000 คน — เพียงเพราะเกิดผิดชาติพันธุ์

รวันดาคือบทเรียนของมนุษยชาติ:ว่าความมั่นคงของรัฐไม่อาจมาก่อนความมั่นคงของชีวิต และความเงียบของโลกในเวลานั้น คือบาดแผลที่ยังไม่สมานจนทุกวันนี้ ความรักชาติที่แท้จริง ไม่อาจตั้งอยู่บนซากศพของเพื่อนมนุษย์ การปกป้องประเทศจะไร้ค่า หากไม่ปกป้องศักดิ์ศรีของทุกชีวิต

เสียงของผู้หญิงนักปกป้องสิทธิฯ จากทั่วประเทศ“อินฟลูเอนเซอร์ไม่ควรมีอภิสิทธิ์เหนือกฎหมาย การสื่อสารที่ปลุกปั่นความคลั่งชาติเป็นภัยต่อสังคม ต้องหยุดตั้งแต่ต้น”

“คนไทยหรือกัมพูชา — เราคือมนุษย์เหมือนกัน ทุกคนมีสิทธิอยู่ในสันติภาพ ปลอดภัยจากความรุนแรงและการเลือกปฏิบัติ”

“ความขัดแย้งไทย–กัมพูชา ผู้มีอำนาจทั้งสองฝ่ายต้องแก้ไขอย่างจริงจัง อย่าปล่อยให้ประชาชนทั้งสองประเทศต้องเกลียดชังและรับเคราะห์ จากความขัดแย้งที่เกิดจากผลประโยชน์และอำนาจของผู้ปกครองเอง”

“สงครามและความขัดแย้งนำมาซึ่งความสูญเสียที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น และไม่เกิดประโยชน์ต่อฝ่ายใด การจัดการความขัดแย้งควรมุ่งสู่การยุติอย่างสันติ โดยหลีกเลี่ยงความสูญเสียทุกรูปแบบ”

ข้อเรียกร้องเร่งด่วน ขบวนเคลื่อนไหวผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนแห่งประเทศไทย ขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทย กองทัพ และองค์กรอิสระอย่างคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ปฏิบัติหน้าที่ตามหลักสิทธิมนุษยชนสากลอย่างเร่งด่วน โปร่งใส และรับผิดชอบต่อประชาชนทันที

รัฐต้องเคารพกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (IHL)ยุติการใช้วาทกรรมชาตินิยม และปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร (IO) ที่สร้างความเกลียดชัง และต้องปกป้องศักดิ์ศรีของพลเรือนทุกคนโดยไม่เลือกฝ่าย

ถ้อยแถลงต่อสื่อมวลชน เราขอเรียกร้องให้สื่อมวลชนทุกแขนงรายงานอย่างรอบด้าน ยึดมั่นในจรรยาบรรณ และไม่ขยายวาทกรรมแห่งความเกลียดชัง สื่อที่มีเกียรติไม่ใช่สื่อที่ปลุกปั่นความกลัว แต่คือสื่อที่กล้าปกป้องสติของสังคม และศักดิ์ศรีของมนุษย์ทุกคน “หน้าที่ของสื่อคือการส่องแสง — ไม่ใช่ขยายความมืดมิด”

พลังของประชาชนคือพลังที่งดงามเสมอหากเราเรียกร้องเพื่อสิทธิมนุษยชน ความยุติธรรม และประชาธิปไตย — เราขอให้ประชาชนใช้พลังนั้น ไปตั้งคำถามกับอำนาจที่เรามอบให้

ทำไมประชาชนยังเลือกตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ( สสร.)ไม่ได้ 100%?
ทำไมประชาชนจึงไม่มีสิทธิแก้รัฐธรรมนูญได้ทุกหมวด ทุกมาตรา?
ทำไมเศรษฐกิจยังคงล้มเหลว ขณะที่ความเหลื่อมล้ำเพิ่มขึ้นและผู้คนต้องฆ่าตัวตาย? และทำไมความขัดแย้งในบ้านเมืองและที่ชายแดนจึงยังไม่คลี่คลายเสียที? หรือกรณีการซื้อหุ้นบางจาก เป็นการฟอกเงินของอดีตนายกฮุน เซน และของคุณทักษิณ ชินวัตร หรือไม่?

รัฐมนตรีอย่างคุณธรรมนัส — ผู้ที่สื่อรายงานว่าสนิทชิดเชื้อกับอินฟลูเอนเซอร์ดังกล่าว — มีส่วนหรือไม่?

และทั้งหมดนี้เกี่ยวพันอย่างไรกับเครือข่ายสแกมเมอร์ ที่ปล้นทรัพยากรและศักดิ์ศรีของประชาชนที่ด่านขุนทดและสร้างความเสียหายต่อประชาชนในวงกว้างและประเทศชาติหรือไม่?

เราขอให้รัฐตอบคำถามเหล่านี้ด้วยความจริง และเราขอให้ประชาชนใช้พลังของตนเอง —ตั้งคำถามเหล่านี้ต่อไป ด้วยความกล้าหาญและมีสติ เพราะประชาชนไม่ใช่ผู้สมรู้ร่วมคิดในความเงียบหรือความเกลียดชัง แต่คือเจ้าของอำนาจอธิปไตย ที่มีสิทธิรู้ มีสิทธิถาม และมีสิทธิเปลี่ยนแปลงอนาคตของตนเอง

บทเรียนจาก 14 ตุลาคม: ประชาชนคือหัวใจของชาติ การตื่นตัวทางการเมืองหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 คือจุดเปลี่ยนสำคัญของอุดมคติทางการเมืองไทยสมัยใหม่ ในวันที่นิสิตนักศึกษาและประชาชนลุกขึ้นตั้งคำถามต่ออำนาจ สังคมไทยได้เรียนรู้ว่า อำนาจรัฐจะมีความหมาย ก็ต่อเมื่อประชาชนกล้ายืนหยัดในศักดิ์ศรีของตนเอง เราผ่านความเจ็บปวดของเหตุการณ์ 14 ตุลาคมมาแล้ว และบทเรียนนั้นยังเตือนเราอยู่ทุกวันว่า —ความเข้มแข็งของชาติไม่ได้มาจากความเงียบ แต่มาจากสังคมที่ยอมรับการตรวจสอบของประชาชนบนหลักสิทธิ เสรีภาพ ความยุติธรรม และความรับผิดชอบร่วมกัน

ชาติที่ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่ชาติที่ไม่เคยผิดพลาดแต่คือชาติที่กล้ายอมรับความจริง และลุกขึ้นแก้ไขด้วยศักดิ์ศรี

เราขอประกาศอีกครั้ง เรายืนเคียงข้าง อังคณา นีละไพจิตร นักปกป้องสิทธิมนุษยชนและประชาชนทุกคน ไม่ใช่เพราะเห็นด้วยในทุกถ้อยคำของพวกเธอและเขา แต่เพราะเรายืนข้างหลักการเดียวกัน —ว่ามนุษย์ทุกคนมีสิทธิในความปลอดภัย ศักดิ์ศรี และความจริง ความมั่นคงที่แท้จริงไม่อาจตั้งอยู่บนความกลัว สันติภาพไม่อาจเกิดจากการปลุกความเกลียดชัง และความยุติธรรมไม่อาจบังเกิด หากรัฐและผู้มีอำนาจไม่ยอมรับความรับผิดชอบของตนเอง

ขบวนเคลื่อนไหวผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนแห่งประเทศไทย (Community Women Human Rights Defenders Collective of Thailand) วันที่ 14 ตุลาคม 2568

หมายหตุ : ขบวนเคลื่อนไหวผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชน คือขบวนเคลื่อนไหวรากหญ้าที่เป็นตัวแทนของผู้หญิงจากชุมชนซึ่งต่อสู้ในเรื่องต่างๆ ถึง 19 ประเด็นจากทั่วประเทศ พวกเราคือแม่ คนทำงานดูแล ชนเผ่าพื้นเมือง คนชนบทและคนจนเมือง แรงงานสิ่งทอ แรงงานไร้ที่ดินทำกิน พนักงานบริการ และเยาวชนนักกิจกรรม ที่ทุ่มเทเพื่อดูแลรักษาชีวิต ผืนดิน และวิถีชีวิตของครอบครัวและชุมชน

เราลุกขึ้นสู้เพื่อที่ดิน ที่อยู่อาศัย เราต่อต้านการทำเหมืองแร่และโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ต่างๆ เราเรียกร้องสิทธิและการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายให้แก่ผู้หญิงแรงงานข้ามชาติ ผู้ลี้ภัย ผู้หญิงพิการ รวมทั้งให้การสนับสนุนแก่ผู้หญิงในพื้นที่ความขัดแย้งสามจังหวัดภาคใต้ของไทยและในพม่า เราเรียกร้องค่าตอบแทนแม่และคนทำงานดูแล (Care Income)

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : นักสิทธิสตรี แถลงการณ์ ยืนเคียงข้าง ‘อังคณา’ ย้ำสันติภาพไม่เกิดจากความเกลียดชัง

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...