Customer Profiling คืออะไร ทำไมธนาคารถึงปรับวงเงินโอนเงินไม่เกิน 50,000 บาทต่อวัน
ลูกค้าธนาคารต้องทำอย่างไร ? เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศมาตรการใหม่เมื่อ 19 ส.ค. 2568 กำหนดวงเงินโอนผ่าน Mobile/Internet banking สำหรับลูกค้าใหม่ไม่เกินวันละ 50,000 บาท โดยประเมินจากข้อมูลการใช้งานของลูกค้าแต่ละรายลูกค้า (Customer Profiling)
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศมาตรการใหม่เพื่อป้องกันอาชญากรรมทางการเงินเมื่อวันที่ 19 ส.ค. 2568 โดยมาตรการที่กำหนดวงเงินการโอนเงินหรือชำระเงินผ่าน Mobile banking/Internet banking ให้เหมาะสมกับการใช้งานของลูกค้า (Customer Profiling) ในแต่ละวัน โดยประเมินจากข้อมูลต่าง ๆ ของลูกค้าที่สถาบันการเงินมี เช่น พฤติกรรมการทำธุรกรรม ประวัติการใช้บัญชีและผลิตภัณฑ์หรือบริการ ได้กำหนดวงเงินโอนต่อวันสูงสุด 50,000 บาทสำหรับลูกค้าใหม่ที่เปิดใช้โมบายแบงก์กิ้ง เริ่ม ส.ค. 68 นี้ และจะขยายให้ครอบคลุมลูกค้าปัจจุบันภายในสิ้นปี
อะไรคือ Customer Profiling
คือ มาตรการที่กำหนดวงเงินการโอนเงินหรือชำระเงินผ่าน Mobile banking/Internet banking ให้เหมาะสมกับการใช้งานของลูกค้า (Customer Profiling)
ในแต่ละวัน โดยประเมินจากข้อมูลต่าง ๆ ของลูกค้าที่สถาบันการเงินมี เช่น พฤติกรรมการทำธุรกรรม ประวัติการใช้บัญชีและผลิตภัณฑ์หรือบริการ
ดังนั้น วงเงินที่ลูกค้าได้รับจากแต่ละสถาบันการเงินอาจแตกต่างกันได้ เนื่องจากแต่ละสถาบันการเงินมีข้อมูลของลูกค้าแต่ละรายไม่เท่ากัน ซึ่งช่วยบริหารความเสี่ยง และลดความเสียหายจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่อาจเกิดขึ้นได้
ทำไมต้องกำหนดวงเงิน?
- ป้องกันมิจฉาชีพ : เพื่อจำกัดไม่ให้บุคคลที่มีประวัติหรือพฤติกรรมน่าสงสัยสามารถโอนเงินออกจากบัญชีได้ในจำนวนมากเพราะที่ผ่านมา มิจฉาชีพสามารถโอนเงินได้ครั้งละจำนวนมาก ทำให้ถ่ายโอนเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดได้เร็ว ยากต่อการกักเงินได้ทัน
- จำกัดความเสียหาย : เพื่อจำกัดความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับลูกค้าหากตกเป็นเหยื่อโดยเฉพาะกลุ่มเด็กและผู้สูงอายุที่มักเป็นเป้าหมายของมิจฉาชีพ
วงเงินเป็นอย่างไร
- S คือวงเงินต่อวัน ไม่เกิน 50,000 บาท
- M วงเงินต่อวันไม่เกิน 200,000 บาท
- L วงเงินต่อวันเกิน 200,000 บาท
ใครได้รับผลกระทบบ้าง?
สถาบันการเงินจะดำเนินการตามมาตรการนี้กับ
- กลุ่มลูกค้าใหม่ : ที่เพิ่งเปิดใช้บริการ mobile banking หรือ internet banking ภายในสิ้นเดือนสิงหาคม 2568
- กลุ่มลูกค้าปัจจุบัน : ภายในสิ้นปี 2568
มาตรการนี้มีผลเฉพาะกับบัญชี ประเภทบุคคลธรรมดา และธุรกรรมที่ทำผ่าน ช่องทางดิจิทัล เท่านั้น ลูกค้ายังสามารถทำธุรกรรมที่สาขาหรือตู้ ATM ได้ตามปกติ
การกำหนดวงเงิน ไม่รวม ธุรกรรมการโอนเงินหรือชำระเงินไปยังบัญชีตนเองภายในสถาบันการเงินเดียวกัน เช่น การจ่ายบัตรเครดิตในสถาบันการเงินเดียวกัน การจ่ายสินเชื่อให้ตนเองภายในสถาบันการเงินเดียวกัน การโอนไปยังบัญชีการลงทุนในสถาบันการเงินเดียวกัน เป็นต้น
ลูกค้าต้องเตรียมตัวอย่างไร?
สถาบันการเงินจะแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับวงเงินให้ลูกค้าบัญชีประเภทบุคคลลธรรมดาที่ใช้บริการ Mobile Banking/Internet Banking ทราบ ผ่านช่องทางที่แต่ละสถาบันการเงินกำหนด เช่น การแจ้งเตือนในแอปพลิเคชัน ข้อความ SMS หรืออีเมล
- ลูกค้าต้องเตรียมตัวอย่างไร
1) ลูกค้าใหม่
- ยืนยันและพิสูจน์ตัวตนกับสถาบันการเงินในการเปิดใช้ mobile banking หรือ internet banking
- สถาบันการเงินแจ้งวงเงินที่ลูกค้าได้รับ รวมถึงขั้นตอนการขอวงเงินสูงกว่าที่ได้รับ (ทั้งกรณีขอปรับขึ้นถาวรและขอปรับขึ้นชั่วคราวกรณีฉุกเฉิน)
2) ลูกค้าปัจจุบัน
- สถาบันการเงินประเมินข้อมูลต่าง ๆ ของลูกค้าที่สถาบันการเงินมี
- ลูกค้าได้รับแจ้งวงเงินที่รับจากสถาบันการเงินล่วงหน้าอย่างน้อย X วัน ผ่านช่องทางที่แต่ละสถาบันการเงินกำหนด (เช่น ทางแอปพลิเคชัน SMS หรืออีเมล) รวมถึงขั้นตอนการขอวงเงินสูงกว่าที่ได้รับ (ทั้งกรณีขอปรับขึ้นถาวรและขอปรับขึ้นชั่วคราวกรณีฉุกเฉิน)
3) ลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ได้แก่ เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี และผู้สูงวัยอายุมากกว่า 65 ปี
- ลูกค้าได้รับแจ้งการปรับวงเงินที่รับจากสถาบันการเงินล่วงหน้าอย่างน้อย X วัน ผ่านช่องทางที่แต่ละธนาคารกำหนด (เช่น แอปพลิเคชัน SMS หรืออีเมล)
สถาบันการเงินแจ้งขั้นตอนให้ลูกค้ายืนยันกับสถาบันการเงินเพื่อขอใช้วงเงินเดิมได้
กรณีปรับลดวงเงินอัตโนมัติ : สถาบันการเงินจะปรับลดวงเงินอัตโนมัติในกรณีที่ลูกค้าเป็นกลุ่มเปราะบาง ได้แก่
1) เยาวชน อายุไม่เกิน 15 ปี
2) ผู้สูงอายุ อายุ 65 ปีขึ้นไป
ทั้งนี้ สถาบันการเงินจะแจ้งลูกค้าล่วงหน้า โดยสถาบันการเงินสามารถปฏิเสธการขอเพิ่มวงเงินของลูกค้าได้ เว้นแต่จะมีข้อมูลทางการเงินและหลักฐานเพียงพอตามที่แต่ละธนาคารกำหนด ธนาคารสามารถปรับเพิ่มวงเงินให้ตามความเหมาะสมได้ (เพิ่มเติม…)