ผลิต “กระดูกเทียม ไทเทเนียม” ช่วยรักษาทหารกล้าชายแดน
สำนักข่าวไทย Online
อัพเดต 20 สิงหาคม 2568 เวลา 15.21 น. • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • สำนักข่าวไทย อสมททำเนียบ 20 ส.ค.-รัฐบาลจับมือเอกชน ผลิต “กระดูกเทียม ไทเทเนียม” นวัตกรรมทรัพย์สินทางปัญญาไทย ช่วยรักษาทหารกล้าชายแดน ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ช่วยฟื้นฟูร่างกาย กลับมาใช้ชีวิตได้ปกติเร็วขึ้น
นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า รัฐบาล โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ได้ร่วมมือกับ บริษัท เมติคูลี่ จำกัด ผู้ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผ่าตัด มอบแผ่นปิดกะโหลกเทียมไทเทเนียมออกแบบเฉพาะบุคคล และกระดูกมือเทียมไทเทเนียมเฉพาะบุคคล เพื่อช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จำนวน 4 ราย โดยผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ จำนวน 3 ราย และผ่าตัดข้อมือ จำนวน 1 ราย ซึ่งเป็นการรักษาที่มีความแม่นยำสูง ด้วยการออกแบบกระดูกที่มีขนาดจำเพาะกับสรีระผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยฟื้นฟูร่างกายได้ดีขึ้น และสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติโดยเร็ว ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนผู้ป่วยสะสมในประเทศที่รอการรักษาด้วยเครื่องมือแพทย์ในกลุ่มนี้กว่า 100,000 คน
สำหรับบริษัท เมติคูลี่ จำกัด เป็นหนึ่งในบริษัทสตาร์ตอัปของไทยที่มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์อุปกรณ์ทางการแพทย์โดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูง สร้างธุรกิจและสร้างคุณประโยชน์ต่อสาธารณะ เคยได้รับรางวัล Global Award สาขาเทคโนโลยีการแพทย์ จากองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) เมื่อปี 2567 และได้รับความคุ้มครองสิทธิบัตรแล้วในหลายประเทศ เช่น สหรัฐฯ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสหภาพยุโรป ทั้งนี้ ขนาดตลาดทั้งโลกของเครื่องมือแพทย์ในกลุ่มนี้ มีมูลค่าประมาณ 2.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สามารถนำไปสู่การสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยในระยะยาวต่อไป
“การร่วมมือในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพด้านนวัตกรรมทางการแพทย์ของไทย ที่มีความพร้อมช่วยเหลือฟื้นฟูรักษาผู้บาดเจ็บ และเป็นการนำทรัพย์สินทางปัญญาไทยมาใช้ให้เกิดประโยชน์ทั้งในมิติสังคมและเศรษฐกิจ สอดคล้องกับนโยบาย “ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย” ทั้งนี้ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพได้มาตรฐานสากล และผลิตได้เองในประเทศ ทดแทนการนำเข้า ถือเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายและงบประมาณของรัฐ ช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตตามปกติและแข็งแรงได้อีกครั้ง รัฐบาลพร้อมสนับสนุนทุกนโยบายเพื่อสร้างคุณชีวิตที่ดีให้กับประชาชนคนไทยให้ยั่งยืน” นายอนุกูล กล่าว.-สำนักข่าวไทย