เลิกตีตรา สมาคมคนตาบอด จี้ถอนคำพูด "หูหนวก-ตาบอด"ในสภาฯ
จากกรณีเมื่อ15 สิงหาคม "สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย Thailand Association of the Blind" โพสต์แถลงการณ์สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย เรื่อง การใช้ถ้อยคำเกี่ยวกับความพิการ “หูหนวก” และ “ตาบอด” เพื่อเปรียบเปรยเชิงลบในเวทีสาธารณะ สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย มีความห่วงกังวลต่อการใช้ถ้อยคำของหัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้าน ซึ่งปรากฏในการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2569 เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2568 โดยได้ใช้ถ้อยคำว่า “กระบวนการที่หูหนวกตาบอด ขาดเข็มทิศ ไร้แผนที่” โดยอธิบายว่า “หูหนวก” หมายถึงฝ่ายบริหารไม่ฟังเสียงสภาฯ และ “ตาบอด” หมายถึงการจัดสรรงบประมาณขาดความโปร่งใส ซึ่งเป็นการนำความพิการมาใช้เปรียบเปรยในเชิงลบ
แม้บุคคลดังกล่าวอาจมิได้มีเจตนามุ่งร้ายต่อคนพิการ แต่การนำคำที่ใช้บรรยายความพิการมาใช้ในเชิงเปรียบเทียบกับเชิงลบอาจก่อให้เกิดภาพจำและทัศนคติที่ไม่ถูกต้องต่อคนพิการ เป็นการสร้างบรรยากาศทางสังคมที่ก่อให้เกิดอคติ ซึ่งอาจจะเข้าข่ายเป็นการเลือกปฏิบัติทางทัศนคติ” (attitudinal discrimination) โดยเฉพาะการใช้คำว่า “หูหนวก” และ “ตาบอด” ในความหมายว่า “ไม่ฟัง” หรือ “ไม่โปร่งใส” ถือว่าเป็นการผูกโยงความพิการในเชิงลบทางศีลธรรมและความสามารถ ซึ่งเป็นรูปแบบของการตีตรา (stereotyping) และไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 4 และมาตรา 27 วรรคสาม พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 4 และ 15 และอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการ (CRPD) ข้อ 5 และข้อ 8 ที่ประเทศไทยเป็นภาคี
สมาคมฯ จึงขอเสนอแนะให้บุคคลสาธารณะ โดยเฉพาะผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
1. ขอให้ผู้ที่ใช้ถ้อยคำดังกล่าวพิจารณาชี้แจงและแสดงความเข้าใจถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อความพิการ
2. ขอให้สภาผู้แทนราษฎรจัดให้มีแนวทางและคู่มือการใช้ภาษาที่เคารพสิทธิความแตกต่างหลากหลายของบุคคล เพื่อเป็นมาตรฐานในเวทีรัฐสภา
3. ขอเชิญชวนสื่อมวลชนและบุคคลสาธารณะร่วมกันส่งเสริมการใช้ถ้อยคำที่ไม่เลือกปฏิบัติและไม่สร้างภาพจำเชิงลบต่อคนพิการ
คนหูหนวกและคนตาบอดมิใช่สัญลักษณ์ของการไร้ความสามารถ แต่เป็นบุคคลที่มีศักยภาพ สามารถเรียนรู้ ทำงาน และสร้างคุณค่าต่อสังคมได้เท่าเทียมกับทุกคน การใช้ความพิการเปรียบเปรยในความหมายเชิงลบไม่เพียงทำให้สังคมเข้าใจผิด แต่ยังอาจเป็นการละเมิดศักดิ์ศรีของบุคคล
สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทยขอยืนยันว่า การสร้างสังคมที่เคารพความหลากหลายและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ต้องเริ่มต้นจากการสื่อสารที่ไม่เลือกปฏิบัติ เพราะ “คำพูด” มีพลังในการกำหนดทัศนคติและค่านิยมของสังคม และขอเชิญชวนทุกภาคส่วน รวมถึงผู้แทนราษฎร หน่วยงานของรัฐ ภาคเอกชน สื่อมวลชน และประชาชนทั่วไป ใช้ภาษาอย่างสร้างสรรค์ เคารพศักดิ์ศรีของทุกคน และหลีกเลี่ยงการสื่อสารสาธารณะที่ก่อให้เกิดการตีตราหรือเลือกปฏิบัติ
ล่าสุด สมาคมฯ ออกโพสต์เพิ่มเติม ระบุว่า ตามที่สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทยได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 เกี่ยวกับการใช้ถ้อยคำ “หูหนวก” “ตาบอด” เพื่อเปรียบเปรยในเชิงลบระหว่างการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2569 ในสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2568 สมาคมฯ เห็นว่าการใช้ถ้อยคำลักษณะดังกล่าว แม้มิได้มีเจตนาร้าย แต่ย่อมส่งผลกระทบต่อทัศนคติของสังคมที่มีต่อคนพิการ และอาจเป็นการลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ในโอกาสนี้ สมาคมฯ ขอแสดงความชื่นชมและขอบคุณ
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่ได้แสดงความรับผิดชอบด้วยการออกมาแสดงความเสียใจและน้อมรับข้อเสนอแนะของสมาคมฯ ผ่านการแสดงความเห็นอย่างรวดเร็วในเพจของสมาคมฯ ซึ่งสะท้อนถึงความใส่ใจต่อผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อคนพิการ อย่างไรก็ตาม สมาคมฯ เห็นว่า เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องและสร้างบรรยากาศทางสังคมที่เป็นบวกต่อคนพิการอย่างแท้จริงควรมีการ ถอนถ้อยคำดังกล่าวในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรอย่างเป็นทางการ พร้อมทั้ง อธิบายเจตนารมณ์ต่อสื่อมวลชน เพื่อยืนยันถึงความมุ่งหมายที่สร้างสรรค์ และช่วยสร้างทัศนคติที่ดีต่อคนพิการในสังคม
สมาคมฯ ยืนยันว่า การออกแถลงการณ์มิได้มีเจตนาทางการเมือง หรือมุ่งโจมตีบุคคลใด แต่เป็นการทำหน้าที่ขององค์การคนพิการระดับชาติ ที่ต้องยืนหยัดเพื่อสิทธิ ความเสมอภาค และศักดิ์ศรีของคนตาบอดและคนพิการทุกคน การเน้นย้ำเรื่องการใช้ภาษาที่เคารพและไม่สร้างอคติ เป็นไปเพื่อสร้างความตระหนักรู้และทัศนคติที่สร้างสรรค์ในสังคมไทย
สมาคมฯ ขอความกรุณาจากทุกภาคส่วน รวมถึงผู้ที่เข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ ให้มีความเป็นกลาง เข้าใจซึ่งกันและกัน และใช้ถ้อยคำที่เคารพต่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เพื่อร่วมกันสร้างบรรยากาศแห่งความเท่าเทียมและไม่เลือกปฏิบัติในสังคมไทย
ที่มา สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย Thailand Association of the Blind