กองทัพภาค 1 แจงปมปัญหาการรุกล้ำอธิปไตยของไทยในพื้นที่บ้านหนองจาน
วันที่ 19 สิงหาคม 2568 ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองทัพภาคที่ 1 ได้รายงานว่า ตามที่กองทัพบกได้ชี้แจงถึงปัญหาการรุกล้ำอธิปไตยของไทยในพื้นที่บ้านหนองจาน ตำบลโนนหมากมุ่น อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว โดยมีการตั้งถิ่นฐานของชาวกัมพูชา และการเข้ามาของกำลังฝ่ายตรงข้ามนั้น
ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 (ศปก.ทภ.1) โดยกองกำลังบูรพา ได้ปฏิบัติภารกิจตามที่กองทัพบกมอบหมาย เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม ศปก.ทภ.1 เริ่มปฏิบัติภารกิจเมื่อวันที่ 26 – 28 กรกฎาคม 68 ได้ดำเนินการผลักดันกำลังทหารฝ่ายตรงข้าม และรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทางทหารที่รุกล้ำเข้ามาในเขตแดน ของไทย โดยยึดถือแผนที่ 1:50,000 เป็นหลักในการปฏิบัติภารกิจ ซึ่งขณะปฏิบัติการ ณ ที่หมาย ตรวจพบทหารกัมพูชา และครอบครัว ซึ่งหน่วยได้ผลักดันให้ออกนอกพื้นที่โดยไม่ได้มีการใช้อาวุธแต่อย่างใด
หลังจากดำเนินการเรียบร้อยแล้ว ได้มีการวางแนวรั้วลวดหนามหีบเพลง ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแนวป้องกันทางยุทธวิธีให้กับกำลังพลของฝ่ายเรา ซี่งไม่ใช่การวางเพื่อกำหนดเส้นเขตแดน แต่สามารถควบคุมพื้นที่ และหมู่บ้านชาวกัมพูชาได้ อีกทั้งเป็นการเสริมสร้างความมั่นคงบริเวณที่ตั้งทางทหาร การป้องกันการลักลอบเข้าเมือง รวมถึงการกระทำผิดกฎหมายในรูปแบบต่างๆ
การปฏิบัติการทางทหารในครั้งนี้ ได้ดำเนินไปด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากในพื้นที่ปฏิบัติการมีชุมชนและที่พักอาศัยของประชาชนชาวกัมพูชา(บ้านหนองจาน) ประมาณ 200 กว่าหลังคาเรือน ที่รุกล้ำมายังฝั่งไทย ซึ่งขณะที่เข้าปฏิบัติยังคงมีประชาชนชาวกัมพูชาพักอาศัยอยู่ ยังไม่ได้อพยพออกไป ซึ่งแตกต่างจากพื้นที่ ศปก.ทภ.2 ดังนั้นมาตรการป้องกันการบาดเจ็บและสูญเสียทั้งต่อกำลังพลและประชาชนในพื้นที่จึงถูกนำมาใช้และปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
นอกจากนี้ ศปก.ทภ.1 ยังได้วางรั้วลวดหนามหีบเพลงตามแนวภูมิประเทศในพื้นที่อื่น ๆ เพื่อเป็นมาตรการควบคุมและป้องกันการกระทำผิดกฎหมายข้ามชาติ เช่นอาชญากรรมออนไลน์ (Scammer) และการลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย โดยการวางเครื่องกีดขวางดังกล่าวเป็นไปตามหลักสากล ซึ่งจะต้องมีพื้นที่ว่างระหว่างรั้วทั้งสองฝ่าย เพื่อเปิดช่องทางการติดต่อและเจรจา เพื่อความปลอดภัยของกำลังพลฝ่ายเราที่ต้องสามารถตรวจการณ์พื้นที่ได้
สำหรับการวางเครื่องกีดขวางนี้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการจัดระเบียบพื้นที่ชายแดน ซึ่งเริ่มต้นจากการปัญหาในระยะยาว เช่น การอพยพชุมชนออกจากพื้นที่อธิปไตยของไทยนั้น เกินขีดความสามารถทางการทหาร และจำเป็นต้องนำเข้าสู่การหารือ ในที่ประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) และการประชุมระดับรัฐบาลต่อรัฐบาลเพื่อหาทางออกในภาพรวม
ปัจจุบัน ศปก.ทภ.1 ได้มีการวางแผนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงการต่างประเทศ กรมกิจการชายแดนทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย และจังหวัดสระแก้ว แต่เนื่องจากปัจจุบันอยู่ในระหว่างการปฏิบัติตามข้อตกลง ตามผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 68 ณ ประเทศมาเลเซีย ศปก.ทภ.1 จึงอยู่ในระหว่างรอการปฏิบัติตามคำสั่งของกองทัพบก และรัฐบาล เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ศปก.ทภ.1 ยืนยันที่จะปกป้องอธิปไตยและพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามสายการบังคับบัญชาและหลักสากลอย่างรอบคอบในทุกมิติ
ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับกรณีพื้นที่บริเวณบ้านหนองจาน จ. สระแก้ว โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ตามคำแถลงของกองทัพบกไทยเกี่ยวกับพื้นที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว ซึ่งเดิมเคยใช้เป็นที่พักพิงชั่วคราวของชาวกัมพูชาที่หนีภัยจากการสู้รบในอดีตเข้ามาในประเทศไทย และต่อมา ฝ่ายกัมพูชาได้ขยายชุมชนออกไป ถือเป็นการละเมิดบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2543 และฝ่ายไทยได้คัดค้านและดำเนินการประท้วงการล่วงล้ำเข้ามาในพื้นที่ของไทยดังกล่าวมาโดยตลอดนั้น กระทรวงการต่างประเทศสนับสนุนคำแถลงของกองทัพบกไทยดังกล่าว และขอย้ำประเด็นสำคัญ ดังนี้
1. ประเทศไทยได้แสดงความอดกลั้นอย่างสูงสุดมาโดยตลอดเป็นเวลาหลายปี และยึดมั่นในการดำเนินการอย่างสร้างสรรค์ในฐานะประเทศเพื่อนบ้านที่ดี โดยยินดีหารือข้อแตกต่างใด ๆ ผ่านกลไกทวิภาคีที่เหมาะสม เช่น คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ในทางตรงกันข้าม ฝ่ายกัมพูชากลับใช้ประชาชนของตนมารุกล้ำดินแดนอย่างไม่ชอบธรรม ผิดกฎหมาย และเป็นการยั่วยุให้เกิดความตึงเครียด
2. การอาศัยประโยชน์จากการให้ความช่วยเหลือชาวกัมพูชากลุ่มนี้ของไทยในอดีต ตามหลักมนุษยธรรมที่ไทยยึดถือมาโดยตลอด เป็นการกระทำที่ไม่เพียงแต่ขาดความจริงใจ แต่ยังสะท้อนถึงเจตนาร้ายที่แท้จริงของฝ่ายกัมพูชา
3. สำหรับประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการติดตั้งลวดหนามในเขตแดนไทยนั้น เป็นการดำเนินการเพื่อปกป้องอธิปไตยของไทย คุ้มครองความปลอดภัยของประชาชนไทย ป้องกันมิให้มีการรุกล้ำเพิ่มเติมจากฝ่ายกัมพูชา และป้องกันการเข้ามาวางทุ่นระเบิดโดยฝ่ายกัมพูชา โดยการดำเนินการของไทยไม่เป็นการขัดต่อข้อตกลงจากการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) สมัยวิสามัญ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 ที่ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะละเว้นจากการก่อสร้างหรือพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางทหารหรือการเสริมความมั่นคงของที่ตั้งทางทหารล้ำออกไปนอกเขตของฝ่ายตน