SOCIETY: เมื่อการเป็น ‘เศรษฐีนี OnlyFans’ คือความฝันของเยาวชนตะวันตก นี่คือสัญญาณใดของสังคม?
หลายคนที่ตามเรื่องนโยบายอินเทอร์เน็ตน่าจะพอทราบว่าในโลกตะวันตกช่วงโควิด ตั้งแต่ยุโรปถึงอเมริกามีการพยายามผ่านกฎหมายคุ้มครองเด็กและเยาวชนจาก ‘เนื้อหาอันตราย’ บนอินเทอร์เน็ต ซึ่งก็น่าจะแทบไม่มีใครระแคะระคายเลย จนกระทั่งอังกฤษออกมาตรการบังคับผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทุกคน ‘ยืนยันตัวตน’ เพื่อเช็กอายุ ก่อนเข้าดูเนื้อหา ‘สำหรับผู้ใหญ่’ ในเว็บไซต์ต่างๆ ที่มีความล่อแหลม แน่นอน Pornhub เป็นเป้าใหญ่ของนโยบายแบบนี้ แต่จริงๆ แพลตฟอร์มตั้งแต่ X, Discord, Reddit ไปจนถึง Telegram เองก็ออกมาตรการแบบเดียวกันหมด
พูดง่ายๆ คือสิ่งที่ยุคก่อนหน้านี้คนมองว่าเป็น ‘เรื่องตลกที่เป็นไปไม่ได้’ อย่างการตรวจบัตรประชาชนก่อนเข้าเว็บโป๊ มันเกิดขึ้นแล้วในประเทศที่เคยมีอิทธิพลทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมระดับสูงอย่างอังกฤษ
แต่เรื่องตลกร้ายก็คือหลังจากมาตรการนี้เริ่มดำเนินการช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2025 ไม่ถึงสัปดาห์ ช่อง Channel 4 ของอังกฤษที่เป็นฟรีทีวีได้ฉายสารคดี ‘1000 Men and Me: The Bonnie Blue Story’ ซึ่งเป็นสารคดีของดาวโป๊ตัวท็อปแห่งยุคอย่าง ‘บอนนี บลู’ ผู้แจ้งเกิดจาก OnlyFans จนได้เป็นเศรษฐี (ก่อนจะโดนแบนเพราะทำคอนเทนต์ ‘สุดขั้ว’ เกินไป) ซึ่งสารคดีนี้ก็ทำให้คนวิจารณ์กว้างขวางว่า “หวั่นเยาวชนเลียนแบบ” เพราะมันคือสารคดีชีวิตผู้หญิงคนหนึ่งที่กลายมาเป็นเศรษฐี ผ่านการเป็น ‘เซ็กซ์ครีเอเตอร์’ หรือเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์สายโป๊เปลือย
และถ้ายังไม่โหดพอ อีก 1 สัปดาห์อดีต ‘อินฟลูฯ เด็ก’ ชื่อดังอย่าง ‘ลิล เทย์’ (Lil Tay) จะได้ฉลองวัย 18 ปี ด้วยการเปิดบัญชี OnlyFans และทำเงิน 1 ล้านดอลลาร์ ได้ใน 3 ชั่วโมง (เจ้าตัวโพสต์อวดทาง Instagram เลยที่ https://www.instagram.com/p/DM6YWcxslHQ/) อีกด้านหนึ่ง แบรนด์เครื่องสำอางชื่อดังอย่าง L’Oréal ได้จ้างแบรนด์แอมบาสเดอร์ใหม่ให้กับแบรนด์ลูกอย่าง Urban Decay เป็นสาว OnlyFans ที่ดังใน TikTok อย่าง ‘อาริ คิตสยา’ (Ari Kytsya) โดยมีเป้าหมายเพื่อจับกลุ่มวัยรุ่นโดยเฉพาะ
ภาพทั้งหมดมันชี้ไปในทางเดียวกันว่าสำหรับ ‘วัยรุ่น’ ที่เป็นผู้หญิงสมัยนี้ การทำ OnlyFans ไม่ใช่เรื่องเสียหาย และแบรนด์ก็ทำตลาดภายใต้กรอบคิดแบบนี้ มันไม่มีเส้นแบ่งอีกต่อไปว่าดาราโป๊จะทำให้แบรนด์เสื่อมเสีย เพราะผู้หญิงพวกนี้คือ ‘ผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จ’ ในสายตาวัยรุ่นด้วยซ้ำ
นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยศึกษาทัศนคติต่อ OnlyFans ของเด็กวัยรุ่นอายุ 12-16 ปี ในสเปนที่เพิ่มตีพิมพ์ในวารสาร Sexuality & Culture ในช่วงเดียวกัน ซึ่งภาพก็ชี้ชัดว่า เด็กวัยรุ่นตอนนี้มองว่าการทำ OnlyFans ไม่ใช่เรื่องเสียหาย และเป็นทางเลือกที่ดีซะอีกในการ ‘รวยเร็ว’ ซึ่งนักวิจัยก็ชี้ว่าเด็กพวกนี้ทั้งหมดมองไม่เห็นผลระยะยาวของการทำ OnlyFans โดยเด็กส่วนใหญ่มองว่ามันเป็นการทำเงินในแพลตฟอร์มแบบปิด โดยคิดว่าไม่ใช่ใครก็ดูได้ แบบค้น Google เจอ แต่อาจไม่ได้ตระหนักถึงความเป็นจริงที่จะมีคนขโมยเนื้อหาออกมาโพสต์ที่แพลตฟอร์มอื่นๆ ได้ และสิ่งเหล่านี้จะกลายเป็น Digital Footprint ในอนาคต
นอกจากเรื่องทัศนคติของเด็กๆ แล้ว เป็นไปได้ว่าเด็กๆ ทั้งชายและหญิง ที่เล่น X และ TikTok เจอโฆษณา OnlyFans อย่างหนัก ซึ่งนั่นก็อาจสื่อว่าในความเป็นจริงเด็กพวกนี้มี ‘แอคหลุม’ ที่แกล้งทำตัวเป็นคนอายุเกิน 20 ปี กันเป็นปกติ แล้วบัญชีเหล่านี้ก็โดนกระหน่ำโฆษณา ไม่ใช่แค่จะให้ไป ‘เสียเงิน’ แต่มีกระทั่งการส่งข้อความเชิญชวนไปให้เป็นครีเอเตอร์บนนั้นด้วย
แน่นอน ทั้งหมดอาจเป็นฝันร้ายของพ่อแม่ที่หัวเก่าหน่อยที่ไม่ได้ต้องการให้ลูกเป็น ‘เซ็กซ์ครีเอเตอร์’ แต่อีกด้านหนึ่งก็คือ ทั้งหมดเป็นผลผลิตของหลายฝ่าย
ตั้งแต่ช่วงโควิด-19 ที่คนออกไปไหนไม่ได้ หลายคนโดนเลย์ออฟ และคนวัยทำงานจำนวนมากก็เริ่มเป็น ‘ครีเอเตอร์’ ใน OnlyFans ซึ่งสื่อยุคนั้นก็เริ่มรายงานว่าหลายๆ คนทำ OnlyFans ระดับเป็นงานที่เลี้ยงครอบครัวได้ ซึ่งก็ไม่ใช่แค่คนทั่วไปแบบ ‘สาวข้างบ้าน’ จะมาอยู่บนแพลตฟอร์มนี้ แต่พวกดารานักร้องยันสตรีมเมอร์ที่ขายความเซ็กซี่ก็มาหาเงินบนนี้กัน ตั้งแต่ เบลลา ธอร์น (Bella Thorn), คาร์ดี บี (Cardi B), เบลล์ เดลฟีน (Belle Delphine) ฯลฯ
จุดเด่นของ OnlyFans คือครีเอเตอร์เลือกระดับความแรงของเนื้อหาได้ โดยคนไม่น้อยอย่าว่าแต่จะไม่แสดงฉากร่วมเพศเลย การลงภาพเปลือยเรือนร่างตัวเองแบบไร้สิ่งปิดบังยังไม่กล้าเลย แต่นั่นคือสิ่งที่ทำให้บางคนทำเงินระดับเป็นล้านเหรียญได้ ด้วยพลังของเหล่า ‘อาหวัง’ ที่หวังว่าครีเอเตอร์จะโชว์ของดีสักวัน
แต่อีกด้าน ถ้าไม่มีชื่อเสียงเลย มันก็ยากจะโด่งดังขึ้นมาจาก OnlyFans ได้ นี่เลยทำให้คลื่นลูกใหม่ๆ ของOnlyFans คือพวกสาวรุ่นใหม่ๆ Gen Z อายุยี่สิบกลางๆ ที่ทำคอนเทนต์แบบแข่งกันแรง ที่เด่นๆ ก็คือบอนนี บลู ผู้ร่วมเพศกับบุรุษ 1,000 คนจนเป็นที่โด่งดัง หรือคู่แข่งสำคัญของเธออย่าง ลิลี ฟิลิปส์ (Lily Philips) ผู้ทำคอนเทนต์กับคุณปู่ในบ้านพักคนชรา หรือแอนนี ไนต์ (Annie Knight) ผู้มีฉายาว่า ‘สาวออสเตรเลียที่มีกิจกรรมทางเพศเยอะที่สุด’
คนเหล่านี้อาจไม่เป็นที่รู้จักเลยถ้าคอนเทนต์ของพวกเธอไม่แรงจน ‘เรียกเอนเกจเมนต์’ ได้ เพราะอย่างน้อยๆ สื่อแท็บลอยด์อย่าง Daily Mail ก็ลงข่าวพวกเธอประจำ และทำให้พวกเธอดังขึ้นเรื่อยๆ ทำคอนเทนต์แรงขึ้นเรื่อยๆ ระดับสาว OnlyFans ตัวท็อปอีกคนที่จัดตัวเองเป็นสายขาว ผู้เคลมตัวเองว่าเป็นชาวคริสต์เคร่งศาสนาและเป็นสาวบริสุทธิ์อย่าง โซฟี เรน (Sophie Rain) ก็ออกมาประณามการแข่งกันแรงของเพื่อนร่วมแพลตฟอร์ม ในทำนองว่าครีเอเตอร์พวกนี้กำลังทำให้ OnlyFans เหมือน ‘ละครสัตว์’
แน่นอน ถ้ามองข้ามดราม่าพวกนี้ไป สิ่งที่เราจะเห็นก็คือ การทำ OnlyFans ดูจะเป็นสิ่งที่คนรุ่นใหม่ยอมรับได้มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งไม่ว่าจะชอบหรือไม่ พวกงานวิจัยใหม่ๆ ก็ชี้ชัดว่าทัศนคติต่ออาชีพเซ็กซ์ครีเอเตอร์ในหมู่คนรุ่นใหม่มันเปลี่ยนไปจริงๆ และหลายคนก็ไม่ได้มองว่าเป็นแค่งาน แต่มองว่าเป็นงานที่ดีกว่าเส้นทางอาชีพปกติที่จะต้องเรียนสูงเพื่อทำงานดีๆ มีรายได้สูงๆ เสียอีก
อย่างไรก็ตาม เรื่องพวกนี้น่าจะเป็นที่ถกเถียงกันอีกนาน เพราะ ‘คนแก่’ กับ ‘คนรุ่นใหม่’ นั้นน่าจะมองเรื่องพวกนี้ต่างกันแบบคนละโลก แต่สิ่งที่น่าจะจริงสำหรับทุกแพลตฟอร์มก็คือ มันไม่ใช่ว่าใครจะเข้ามาเป็นครีเอเตอร์เมื่อไหร่ก็ ‘รวย
ทุกแพลตฟอร์มจะมีช่วงที่ใครเข้ามาทำอะไรก็ดัง ก็รวย ด้วยการเติบโตของแพลตฟอร์มและจำนวนผู้ใช้งานที่ขยายขึ้นๆ ดังนั้นคนเข้ามาก่อนจึงได้เปรียบ ระดับที่บางคนแทบไม่ต้องเปลืองตัวอะไรเลย แค่ประกาศทำ OnlyFans ก็ได้เงินเป็นล้านแล้ว แต่กลับกัน คนเข้ามาทีหลังก็ต้องพยายามมากขึ้น อาจต้องเปลืองตัวมากขึ้น เพื่อจะทำเงินให้ได้เท่าเดิมหรือมากกว่าเดิม และทั้งหมดเป็นไปตามที่ ‘อัลกอรึทึมเป็นตัวกำหนด’ ไม่ใช่เฉพาะจาก OnlyFans แต่กำหนดช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ ที่ใช้โปรโมต OnlyFans ของตัวเอง รวมไปจนถึงกำหนดให้สำนักข่าวต่างๆ ลงเรื่องราวจนเป็นไวรัล
พูดง่ายๆ ก็คือ อะไรก็ตามที่คนเชื่อกันว่าทำง่ายๆ รวยเร็ว ถ้าคนแห่มาทำกันหมดเมื่อไหร่ มันก็มักจะทำให้คนรวยกันไม่ได้ง่ายๆ อีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็น OnlyFans หรืออะไรก็ตาม