รมช.เกษตรฯ แจกต้นพันธุ์กว่า 6.6 หมื่นต้น ยกระดับ ‘กาแฟไทย’ สู่สากล

นายอัครา พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเกษตรกร ร่วมเปิดงาน “กาแฟไทย เติบโตกับป่า สร้างคุณค่าให้โลก” ภายใต้โครงการส่งเสริมและสร้างการรับรู้การผลิตกาแฟภาคเหนือตลอดห่วงโซ่อุปทาน ณ องค์การบริหารส่วนตำบลแม่นาจร อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ตั้งเป้าหมายพื้นที่นำร่อง 1,000 ไร่ ขับเคลื่อนกาแฟไทยสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน มุ่งเน้นให้เกิดกลไกสนับสนุนทางการผลิต การวิจัย การพัฒนา การตลาด และบริหารจัดการตลอดห่วงโซ่อุปทานกาแฟอย่างยั่งยืน

นายอัครา เปิดเผยว่า การยกระดับกาแฟไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไม่ได้มองแค่การผลิต แต่กำลังสร้างระบบเศรษฐกิจใหม่ให้เกษตรกรรายย่อย โดยเฉพาะในพื้นที่สูงเข้าถึงโอกาส เข้าถึงตลาด และเป็นเจ้าของอนาคตของตนเองได้ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจการส่งเสริมการผลิตกาแฟคุณภาพ การวิจัย และพัฒนาตลอดห่วงโซ่อุปทานกาแฟอย่างยั่งยืน โดยกรมส่งเสริมการเกษตร เป็นเจ้าภาพร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการศึกษา และภาคประชาสังคม กว่า 36 หน่วยงาน มีเป้าหมายพัฒนาเกษตรกรกว่า 12,000 ครัวเรือน เข้าสู่ระบบกาแฟคุณภาพภายใน 3 ปี โดยนำร่องในพื้นที่ 1,000 ไร่

“การ Kick Off ในครั้งนี้ เป็นก้าวแรกและก้าวสำคัญในการพัฒนาและส่งเสริมการผลิตกาแฟคุณภาพดี เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด โดยมีหน่วยงานหลักคือกรมส่งเสริมการเกษตรในการเดินหน้าสนับสนุนองค์ความรู้และต้นพันธุ์กาแฟพันธุ์ดีให้แก่เกษตรกรกว่า 66,900 ต้น และได้มอบนโยบายในการศึกษาแนวทางการตั้งศูนย์กาแฟชุมชน ตามโมเดลศูนย์ข้าวชุมชนของกรมการข้าว อีกทั้งยังได้มอบหมายทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมดำเนินการทั้งระบบการผลิต ตั้งแต่การพัฒนาดิน การพัฒนาแหล่งน้ำ และการหาตลาดสำหรับกระจายสินค้า เพื่อการขับเคลื่อนภารกิจอย่างเป็นรูปธรรมและขยายผลไปยังพื้นที่อื่นในอนาคตต่อไป” รมช.อัครา กล่าว

ด้าน นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า สำหรับกิจกรรมในวันนี้เป็นอีกหนึ่งโอกาสสำคัญในการสร้างองค์ความรู้ให้กับเกษตรกรในอำเภอแม่แจ่ม และอำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกกาแฟแหล่งสำคัญแห่งหนึ่งของประเทศไทย โดยเกษตรกรจะได้ร่วมเรียนรู้การเพาะกล้ากาแฟ การจัดการดินสำหรับการปลูกกาแฟบนพื้นที่สูง การบริหารจัดการศัตรูกาแฟ วิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวเพื่อรักษาคุณภาพกาแฟ และองค์ความรู้เสริมต่างๆ อย่างหลักสูตรนักชงกาแฟบาริสต้า การพัฒนาผลิตภัณฑ์กาแฟ รวมถึงหลักสูตรการตลาดต่างๆ จากผู้เชี่ยวชาญอีกด้วย

สำหรับกิจกรรมในวันนี้ยังมีการสนับสนุนต้นกาแฟคุณภาพพันธุ์อะราบิกา กว่า 66,900 ต้น พร้อมองค์ความรู้ตลอดห่วงโซ่อุปทานให้กับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ครั้งนี้ด้วย ซึ่งจะเป็นการเปิดพื้นที่ให้ทุกภาคส่วนขับเคลื่อนยกระดับกาแฟไทยร่วมกันโดยมีเกษตรกรเป็นศูนย์กลาง และมีระบบที่ชัดเจนในการตรวจสอบย้อนกลับจากแหล่งปลูกคุณภาพ โดยเฉพาะการจัดทำข้อมูลพื้นที่ปลูกกาแฟและฐานข้อมูลผู้ผลิต ซึ่งเป็นข้อกำหนดและเงื่อนไขทางการค้าที่เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ จะต้องดำเนินการให้ได้มาตรฐานสากล ลดข้อบกพร่อง (Defect) ของเมล็ดกาแฟ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค ทั้งในและต่างประเทศ