รอง ผบก.ป. เผยพบ “หมอบี” มีมูลความผิด ดึงเงินบริจาคใช้ผิดวัตถุประสงค์
เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ภายหลัง "หมอบี" ทูตสื่อวิญญาณ เจ้าของเพจ งมงายสไตล์หมอบี หอบเอกสารเข้าพบพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม หลังชุดสืบสวน กก.1 บก.ป.เชิญตัวมาสอบถามหลังมีกระแสข่าวเรื่องเงินบริจาควัดพระบาทน้ำพุ โดยใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง
ต่อมา พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. กล่าวความคืบหน้าว่า เรื่องนี้มีผู้มาแจ้งให้ทางตำรวจกองปราบตรวจสอบตั้งแต่ประมาณต้นเดือนมีนาคม ว่าพบข้อพิรุธของการเบิกถอนเงินออกจากบัญชีหมอบี โดยเป็นบัญชีที่เปิดรับบริจาคผ่านเฟซบุ๊ก บัญชีนี้เปิดตั้งแต่ปี 62 เป็นบัญชีประเภทในนามบุคคล ซึ่งหมอบีมีอำนาจในการเบิกถอนได้เพียงผู้เดียว และจากการตรวจสอบมีการเบิกถอนมากกว่า 100 ครั้ง ยอดรวมประมาณกว่า 200 ล้านบาท โดยพบการถอนเงินในจำนวนนี้แล้วเอาไปให้เจ้าอาวาสไม่ครบ ยกตัวอย่างมีบางรายการเบิกกว่า 3 ล้าน แต่มอบให้หลวงพ่อไม่ครบตามยอดเบิก
พ.ต.อ.เอนก กล่าวด้วยว่า ตอนนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และวัดยังไม่ได้แจ้งความ จึงยังไม่เป็นคดีความ แต่กองปราบรับเรื่องแล้วก็ส่งตำรวจไปพบเจ้าอาวาสเพื่อขอข้อมูล วันนี้หมอบีมาเพื่อลงบันทึกประจำวัน และนำเอกสารที่เกี่ยวกับการเงิน มาเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง ยืนยันว่าไม่หลบหนี ซึ่งกรณีที่เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนก่อนที่จะมีหมายเรียกหรือหมายจับนั้นก็เป็นสิทธิของหมอบีที่สามารถกระทำได้ แต่ก็ไม่ได้ส่งผลต่อรูปคดี หากพบกระทำความผิดก็สามารถแจ้งข้อกล่าวหาได้ทันที เนื่องจากเป็นการกระทำความผิดทางอาญาแผ่นดิน
ส่วนกรณีที่ไปซื้อที่ดินเป็นชื่อของตัวเองอ้างเป็นสถานปฏิบัติธรรม พ.ต.อ.เอนก กล่าวว่า ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ หากเงินที่นำไปซื้อที่ดินนั้น เป็นเงินของวัดที่นำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ก็ถือเป็นการกระทำผิดกฎหมาย โดยให้คำจำกัดความว่า บัญชีที่เปิดรับบริจาคให้กับวัด จะต้องเข้าวัดทุกบาททุกสตางค์ แต่อย่างไรก็ตามจะต้องดูเจตนาเป็นหลักด้วย ส่วนกรณีที่นำเงินไปใช้ส่วนตัว จากการตรวจสอบเบื้องต้นก็พบว่ามีมูลกระทำความผิด ฉะนั้นผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจะต้องชี้แจงแสดงความบริสุทธิ์ของตัวเองให้ได้
ส่วนเจ้าอาวาสหรือคณะกรรมการที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะมีความผิดด้วยหรือไม่ พ.ต.อ.เอนก กล่าวว่า จะต้องหาข้อพิสูจน์ให้ได้ก่อนว่าหมอบีทำผิดจริงหรือไม่ และต้องดูเจตนาของวัดว่ามีส่วนรู้เห็นด้วยหรือไม่ เบื้องต้นได้สอบปากคำคนสนิทของหมอบีแล้ว รวมถึงคนสนิทที่ได้รับมอบอำนาจไปเบิกถอนเงิน และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบัญชีเงินวัดไปแล้ว และยังมีอีกหลายส่วนที่จะต้องเรียกมาสอบปากคำเพิ่มเติม