“เวียดนาม” ปลดล็อก กม.สัญชาติ เปิดทางถือสองสัญชาติ หวังดึงแรงงานทักษะสูง
"เวียดนาม" ปลดล็อก กม.สัญชาติ เปิดทางถือสองสัญชาติ หวังดึงแรงงานทักษะสูง-ชาวเวียดนามโพ้นทะเลร่วมพัฒนาประเทศ
วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เวลา 13.00 น. สำนักข่าว Nikkei Asia รายงานว่า เมื่อไม่นานมานี้ รัฐสภาเวียดนามมีมติเห็นชอบการแก้ไขกฎหมายสัญชาติของประเทศ เพื่อเปิดทางให้นักลงทุน ทักษะฝีมือ และชาวเวียดนามที่อยู่ต่างประเทศสามารถถือสองสัญชาติได้ง่ายขึ้น สะท้อนความพยายามของผู้นำในการดึงดูดแรงงานทักษะสูงเข้าสู่ประเทศ
การแก้ไขกฎหมายดังกล่าวซึ่งผ่านความเห็นชอบเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ได้ยกเลิกข้อกำหนดบางประการสำหรับผู้ที่ต้องการได้รับสัญชาติเวียดนามโดยไม่ต้องสละสัญชาติเดิม เช่น ข้อกำหนดด้านความสามารถทางภาษาและการพำนักในประเทศเป็นระยะเวลาขั้นต่ำ
โดยเวียดนามกำลังอยู่ระหว่างการปฏิรูประบบกฎหมายและโครงสร้างการบริหารครั้งใหญ่ที่สุดในรอบเกือบ 40 ปี รวมถึงการผ่อนคลายข้อจำกัดด้านการลงทุน เพื่อผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยตั้งเป้าอัตราการเติบโตของ GDP ที่ 8% ในปีนี้ และตัวเลขสองหลักในปีต่อ ๆ ไป เพื่อก้าวสู่การเป็นประเทศรายได้สูงภายในปี 2045
ผู้นำเวียดนามมองว่าภาคเทคโนโลยีขั้นสูงมีบทบาทสำคัญในการผลักดันประเทศ แต่ประเทศยังขาดบุคลากรที่มีประสบการณ์ในการทำงานในแนวหน้าของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
การแก้ไขกฎหมายสัญชาติครั้งนี้ ถือเป็นก้าวแรกจากหลายมาตรการที่เวียดนามคาดว่าจะดำเนินการ เพื่อดึงดูดผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศให้เข้ามาอาศัยและทำงานในประเทศ รัฐบาลเชื่อว่าตนสามารถก้าวกระโดดแซงหน้าคู่แข่งด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะในสาขา AI และเซมิคอนดักเตอร์ ให้ทันภายในปี 2030
รัฐบาลเวียดนาม ระบุผ่านเว็บไซต์ข่าวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนเมษายนว่า “การแก้ไขกฎหมายสัญชาติครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการปลดล็อกข้อจำกัดทางกฎหมาย เปิดโอกาสดึงดูดทรัพยากรที่มีคุณค่าจากชุมชนชาวเวียดนามในต่างประเทศ ทั้งในด้านเทคโนโลยีและการเงิน ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศในยุคใหม่”
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา To Lam เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม เรียกร้องให้ชาวเวียดนามในต่างประเทศหันกลับมาให้ความสนใจบ้านเกิด และช่วยกันพัฒนาประเทศ และกล่าวในคำปราศรัยทางโทรทัศน์ทั่วประเทศว่า “มาตุภูมิเสมอเปิดอ้อมแขนต้อนรับ ‘พลเมืองที่ห่างไกลบ้านเกิด’ ให้กลับมาร่วมมือกันสร้างและพัฒนาประเทศให้เข้มแข็ง”
ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา เวียดนามอนุญาตให้มีเพียงผู้พำนักระยะยาวบางกลุ่ม เช่น นักวิทยาศาสตร์ชื่อดัง หรือนักฟุตบอลระดับชาติ ถือสัญชาติสองสัญชาติได้ จนถึงเดือนมีนาคมปีนี้ มีเพียง 60 คนที่ได้รับอนุญาตให้ถือสองสัญชาติ
ทั้งนี้เวียดนามมีความระแวดระวังเกี่ยวกับภัยคุกคามด้านความมั่นคงจากพลเมืองสองสัญชาติ อันเนื่องมาจากประวัติศาสตร์อันยาวนานที่ประเทศต้องเผชิญการรุกรานจากต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นฝรั่งเศส ญี่ปุ่น สหรัฐ กัมพูชา และจีน โดยประเทศเพิ่งรวมชาติได้เมื่อ 50 ปีก่อน และมีความขัดแย้งทางทหารรูปแบบต่าง ๆ ต่อเนื่องมาจนถึงช่วงทศวรรษ 1980
ปัจจุบันครอบครัวชาวเวียดนามจำนวนมากส่งลูกหลานไปศึกษาต่อในสหรัฐ สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย และยุโรป โดยคนหนุ่มสาวเหล่านี้จำนวนไม่น้อยเลือกพำนักและทำงานกับบริษัทขนาดใหญ่ เช่น Google, Meta, IBM และ Microsoft ในสาขาเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และการเงิน และบางส่วนตัดสินใจย้ายถิ่นฐานถาวร
จากข้อมูลของคณะกรรมการรัฐว่าด้วยชาวเวียดนามในต่างประเทศ ณ เดือนตุลาคม 2567 มีชาวเวียดนามพำนักอยู่ในต่างประเทศประมาณ 6 ล้านคน กระจายอยู่ใน 130 ประเทศและดินแดน โดย 80% อาศัยอยู่ในประเทศที่พัฒนาแล้ว
ในความเป็นจริง แม้พลเมืองสองสัญชาติสามารถพำนักอยู่ในเวียดนามได้ แต่ยังคงเผชิญกับข้อจำกัดทางการบริหาร และสิทธิที่จำกัด เช่น ข้อกำหนดด้านวีซ่า การถือครองอสังหาริมทรัพย์ การเข้าถึงระบบธนาคาร รวมถึงการเปิดบัญชีหรือการขอสินเชื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งมีความเข้มงวดมากกว่าชาวเวียดนามที่มีสัญชาติเต็มตัว
นอกจากนี้กฎหมายฉบับใหม่ยังผ่อนคลายข้อกำหนดเกี่ยวกับชื่อบุคคล เพื่ออำนวยความสะดวกให้ชาวต่างชาติเข้าถือสัญชาติเวียดนามได้ง่ายขึ้น หลังจากที่เวียดนามเคยมีข้อกำหนดด้านชื่อที่เข้มงวดสำหรับพลเมืองของตน
มติที่ 57 ซึ่งเป็นหนึ่งในเสาหลักของแผนปฏิรูปของเวียดนามที่ออกเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ให้ความสำคัญกับการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยระบุว่าเวียดนามจะพัฒนากลไกพิเศษเพื่อดึงดูดชาวเวียดนามในต่างประเทศ และชาวต่างชาติที่มีคุณวุฒิสูงให้เข้ามาทำงานและพำนักในประเทศ ซึ่งรวมถึงการให้สัญชาติ การอนุญาตให้ถือครองที่ดินและที่อยู่อาศัย ค่าตอบแทนที่จูงใจ และสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ตามข้าราชการ ทหาร และเจ้าหน้าที่ความมั่นคงของรัฐ จะต้องถือสัญชาติเวียดนามเพียงสัญชาติเดียว ยกเว้นกรณีพิเศษบางกรณีเท่านั้น
อ้างอิง : asia.nikkei.com