“บอย ปกรณ์” ทำหน้าที่แทน “คุณแม่งามทิพย์” พี่ๆช่วยดูแล “น้องวันใหม่” ลั่นทุกคนยอมตัดความสุขของตัวเอง!

“บอย ปกรณ์” ทำหน้าที่แทน “คุณแม่งามทิพย์” พี่ๆช่วยดูแล “น้องวันใหม่” ลั่นทุกคนยอมตัดความสุขของตัวเอง! เผยโมเมนต์“บอย โกสิยพงษ์” โอบกอดระหว่างเล่นคอนเสิร์ต

ยังคงให้กำลังใจกันอย่างล้นหลามกับครอบครัวฉัตรบริรักษ์ หลังสูญเสีย คุณแม่งามทิพย์ ฉัตรบริรักษ์ ล่าสุด“บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์” ได้เผยโมเมนต์“บอย โกสิยพงษ์” เดินเข้ามากอดปลอบตนและ “น้องวันใหม่” ระหว่างเล่นคอนเสิร์ต และยังได้ขอบคุณชาวเน็ตแนะนำให้ใส่บาตรในช่วง 90 วันแรก เพื่อให้แม่ได้ขนเสบียงไปใช้ต่อ

“รับรายการนี้สนุกมาก จริงๆ แล้วต้องขอบคุณเวิร์คพอยท์ที่นึกถึงผม คือก่อนหน้านี้มีรายการเวิร์คพอยท์ติดต่อมาบ้าง แต่ว่าดวงผมเองแหละที่ยังไม่สมพงศ์ คิวยังไม่ได้ แต่พอติดต่อมารายการนี้ คิวได้ แล้วรู้สึกถึงความน่าสนใจของคอนเซ็ปต์ ตอนแรกผมถามเขาเยอะมากเหมือนกันในรายละเอียด ผมถามเขาว่าเป็นยังไง เพราะผมต้องประเมินตัวเองก่อน

ผมไม่ค่อยกล้าทำอะไรโดยผมทำมันได้ไม่ดี ผมก็ต้องประเมินตัวผมเองเป็นอันดับแรก พอเขาบอกรูปแบบรายการมา ก็คิดว่าเฮ้ย พอไปได้นะ รายการไม่ได้ค้นหาแค่ที-ป็อป ที-ไอดอลอย่างเดียว เขาค้นหานักแสดง ค้นหาพิธีกร ค้นหาพรีเซ็นเตอร์ค้นหาทีท็อป นักร้อง นักเต้น เรียกว่าครบทุกหมวดเลย เลยรู้สึกว่ามีช่องที่ให้เราได้โชว์ศักยภาพบ้างเหมือนกันนะ ก็คุยกันอยู่อาทิตย์นึง พอคอนเซ็ปต์เขาลงตัวจริงๆ ก็รู้สึกว่าน่าสนใจนะ”

ทึ่งเด็กเจนใหม่ครบเครื่องได้ขนาดนี้?
“ความสนุกมันสนุกด้วย ตอนนี้เราไม่ได้เป็นแค่เบื้องหน้าแล้ว การเป็นโค้ชคือการที่เราเป็นทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังด้วยให้กับน้องๆ ทุกคน จริงๆ ตัวเอกรายการนี้ไม่ใช่พิธีกร หรือโค้ช แต่คือตัวน้องๆ ทั้ง 40 คนมากกว่า พอได้มาเจอน้องๆ 40 คน ได้เห็นความสามารถแต่ละคน ครบเครื่องได้ขนาดนี้เลยเหรอวะ (หัวเราะ) แต่ละคนไม่ได้เก่งแค่อย่างเดียว เก่งสอง เก่งสาม อยากให้ทุกคนได้ติดตามพัฒนาการของเด็กแต่ละคน อยากให้ร่วมติดตามไปด้วยว่าหลังเขาได้รับการคัดเลือกแล้วเขาได้ไปอัปเกรดถึงเกาหลีแล้ว พอกลับมาชีวิตเขาจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหน เขาอาจกลายเป็นสตาร์คนใหม่ของเมืองไทยเลยก็ได้

ก็ต่างจากการแสดงนะ โอเคอาจใช้ความรู้ก้อนเดียวกัน แต่วิธีการสื่อสารออกมาไม่เหมือนกันแล้ว ถ้าเป็นนักแสดง ผมสื่อสารให้ผู้เล่นกับคนดูแต่ตอนนี้ผมมารับหน้าที่คล้ายๆ โค้ชแอ็กติ้ง เราต้องสื่อสารให้เด็กๆ เข้าใจ เด็กๆ ถึงจะถ่ายทอดออกมา ก็เป็นอีกศาสตร์นึง สำหรับผม ผมรู้สึกว่ารายการนี้นอกจากน้องได้พัฒนาตัวเองแล้ว ผมก็พัฒนาไปด้วย เหมือนผมได้ทำหน้าที่คล้ายๆ เบื้องหลังดูภาพรวมให้น้องๆ ก็ดีกับตัวเราเหมือนกันนะ เรามีงานใหม่ๆ ที่ผมได้ลองทำอะไรใหม่ๆ ทำงานเบื้องหลังบ้าง

ผมพยายามลองทำอะไรใหม่ๆ แต่อยู่บนโจทย์ที่ผมต้องมั่นใจว่าผมสามารถทำมันได้ด้วย ไม่ใช่ว่าสุ่มสี่สุ่มห้ารับ ผมต้องดูว่าศักยภาพผมเองมันพร้อมหรือเปล่า ถ้าผมตัดสินใจว่าผมพร้อมทำงานนี้ ดีไม่ดีอีกเรื่องนึง แต่ผมทำเต็มที่แน่นอน มันเป็นการเติมไฟในการทำงานให้ผม เหมือนเราได้ทำอะไรใหม่ๆ ได้เจอมวลพลังใหม่ๆ ได้เจอสังคมใหม่ๆ ได้เจอรูปแบบใหม่ๆ มันก็มีความสุขในการทำงานในแต่ละวัน ถ้าอนาคตมีอะไรเข้ามา แล้วเรามีพื้นฐานที่พร้อม มีประสบการณ์ที่คอยสะสมมา ผมก็คิดว่ามันก็ทำให้เราสามารถรับงานได้หลากหลายมากขึ้น”

เผยโมเมนต์อบอุ่น “บอย โกสิยพงษ์” เดินมากอดปลอบใจและให้กำลังใจตนและ “วันใหม่” ระหว่างเล่นคอนเสิร์ต ลั่นทำหน้าที่แทนแม่งามทิพย์ มั่นใจจะเติมเต็มให้จนล้น ยอมตัดเวลาส่วนตัวออก และระวังเรื่องชาย-หญิง ร่ำไห้ซึ้งถูกทุกคนโอบอุ้มความรู้สึก?
“พาน้องไปดูคอนเสิร์ต เราก็ต้องมาดูแลวันใหม่แทนที่ในส่วนของแม่ที่เคยดูแลน้อง ฉะนั้นแล้วเราก็มีการจัดระเบียบเวลาของเราใหม่ แต่ก่อนเรามีแม่คอยดูแลน้องอยู่แล้ว หน้าที่เราหลักๆ นอกจากดูแลคนในครอบครัว วันใหม่ เราเป็นเสาหลักในการหารายได้เข้าบ้าน เข้าครอบครัว แต่ตอนนี้มีหน้าที่ใหม่ที่เราต้องจัดการในเรื่องของบ้านต่างๆ คือในบ้านหลังเดียว มีเรื่องราวมากมายให้ทำเยอะแยะไปหมด ทั้งเรื่องการจัดการดูแลบ้าน ดูแลเรื่องบัญชี การเงิน ดูแลคน เช่น พี่เลี้ยง แม่บ้าน ไหนจะตึกที่ผมดูแล สตูฯ มีพนักงาน

ซึ่งก่อนหน้านี้แม่เขาชอบทำอะไรพวกนี้ แต่ตอนนี้พวกผมสามคน บอย-หน่อง-ภัทร์ ก็ต้องมารับหน้าที่ตรงนี้ ต้องแบ่งงานกัน แต่สำหรับส่วนที่เราสามคนให้ความสำคัญที่สุดคือหน้าที่ในการดูแลวันใหม่ เราต้องมาใช้คำว่าเราจะไม่ทำให้วันใหม่รู้สึกขาดอะไรไปเลย เราจะกลับมาเติมเต็ม และจะพยายามเติมให้ล้นด้วย ในสิ่งที่วันใหม่ต้องได้รับในเด็กวัยนี้ ว่าเขาต้องได้รับอะไรบ้าง ต้องได้รับทั้งเรื่องเวลา การดูแล ความอบอุ่นหรืออะไรก็ตาม นอกเหนือจากสิ่งที่เราเมเนทให้เขาได้อยู่แล้ว คือเรื่องการศึกษา การเรียน กิจกรรม ผมพูดง่ายๆ คือผมสานต่อสิ่งที่แม่ได้ทำไว้กับน้องดีกว่า แม่เคยทำอะไรไว้ให้น้องบ้าง ผมสานต่อหมดทุกอย่าง

ถามว่าเวลายากไหม ถ้าถามผม ก็ไม่ได้ขนาดนั้น ทุกวันนี้ผมก็ยังทำงานเยอะเหมือนเดิม แต่มีบางงานผมทำเบื้องหลังบ้าง ไม่ได้ทำงานเต็มวันเหมือนเมื่อก่อนที่ถ่ายละคร 7 วัน ตอนนี้ผมทำงานบางวัน 2-3 ชม.ก็จบแล้ว ผมเมเนทเวลาได้ อีกอย่างคือถ้าจะให้พูดจริงๆ ผม-หน่อง-ภัทร์ พูดกันเลยว่า ทุกคนต้องยอมตัดเวลาส่วนตัว ตัวเองออก แล้วยกตรงนี้มาให้วันใหม่ ซึ่งทุกคนก็โอเค มันก็เป็นสิ่งที่ควรจะทำให้น้อง

อย่าเรียกว่าเสียสละเวลาของเราเลย เราแค่ลดความสุขของเราลงไปแค่นั้นเอง เอาเวลาที่บางทีเรานอนดูซีรีส์อยู่บนห้อง เราก็ลดเวลาดูลง หรือช่วงนี้ผมก็ไม่ดู ผมก็ลงมาอยู่กับน้อง อะไรที่เป็นกิจกรรมส่วนตัวที่เราทำ ปกติน้องเขาอยู่กับแม่บ้าง เล่นกับหมาบ้าง แต่ตอนนี้เขาไม่ได้มีช่วงจังหวะได้อยู่กับคุณแม่แล้ว เราก็แค่มาเติมตรงนี้ แค่นั้นเอง แต่ก่อนวันใหม่นอนกับคุณแม่ ตอนนี้ก็เป็นผม แต่ก็สลับกันทั้งสามคน แต่ภัทร์อาจต้องตื่นเช้าไปร้านแว่น หน่องเป็นคนมีปัญหาเรื่องการนอนหลับ หลับยาก ผมไม่มีปัญหา ผมก็นอนกับน้อง วันใหม่เขาจัดซุ้มนอนของเขา ผมก็นอนอยู่บนเตียงอีกมุมนึง แยกกัน

แต่ก็ต้องบอกว่าการดูแลวันใหม่เขาเริ่มเป็นวัยรุ่นแล้ว สิ่งที่เราต้องคอนเซิร์นไม่แพ้กันคือเรื่องการที่เราต้องระวังเรื่องความเป็นผู้ชายผู้หญิง แต่ก็อยากให้ทุกคนมั่นใจได้ว่าเราคอนเซิร์นในเรื่องนี้อย่างเต็มที่แน่นอน วันนึงวันใหม่ก็ต้องมีห้องส่วนตัวของตัวเอง ที่เขาจะใช้เวลาอยู่ในมุมส่วนตัว แต่ตอนนี้เขาชอบดูหนังผีแต่เขากลัวผี (หัวเราะ) เขาไม่กล้านอนคนเดียว เขาบอกเฮียมานอนในห้องเดียวกันหน่อย แต่นอนคนละโซนกันนะ แยกโซนกัน ไม่ได้นอนเตียงเดียวกัน แค่อยู่ด้วยแล้วอุ่นใจ

ผมก็สบาย ยินดีมากๆ อยู่แล้ว เพราะผมเป็นคนนอนง่าย ไม่ได้นอนยาก ทั้งหมดคือเราสามคนแค่สานต่อสิ่งที่แม่เคยทำอะไรไว้ให้น้องบ้าง เราทำแทนแม่แค่นั้นเอง วันใหม่พอเริ่มโตก็เริ่มมีความสนใจอะไรใหม่ๆ อย่างเช่นเขาเรียนอินเตอร์ เขาปิดเทอมแล้ว เขามานั่งคุยกับผมแล้ว อยากเรียนกีต้าร์ไฟฟ้า อยากเรียนเทควันโด นี่คือหน้าที่ของผมเหมือนกัน ในการเมเนทเวลาให้น้องให้เกิดประโยชน์สูงสุด เดี๋ยวก็จะส่งน้องไปเรียนโน่นเรียนนี่ แต่ก็ดูตามเวลาที่เหมาะสม

ผมอยากบอกว่าก่อนพูดถึงคอนเสิร์ต ผมขอบคุณทุกกำลังใจมากๆ แขกที่มางานทุกๆ คน พี่ๆ สื่อมวลชนทุกคน ผมขอบคุณมากๆ ผมเคยกล่าวไปแล้วว่ามันมีความหมายกับผมมาก ทุกวันนี้เวลาผมเดินไปไหน ทุกคนไม่ว่าใครจะรู้จักหรือไม่รู้จัก เดินเข้ามาให้กำลังใจผมหมดเลย เป็นยังไงบ้าง เสียใจด้วยนะ สู้ๆ นะ คนไม่รู้จักแวะจอดรถพูดกับผม ผมพูดจริงๆ ผมขอบคุณทุกการโอบอุ้มความรู้สึกของครอบครัวพวกผมมากๆ จริงๆ (น้ำตาไหล) เพราะมันเป็นสิ่งที่ไม่ใช่แค่ผมคนเดียว ภัทร์กับหน่องก็รู้สึกตื้นตันใจมากๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้น ขอบคุณมากๆ จริงๆ ขอบคุณที่รักแม่ผมด้วย ทุกๆ คอมเมนต์ในโลกโซเชียล มันโอบอุ้มครอบครัวผม และโอบอุ้มคุณแม่มากๆ (ร้องไห้) เรายังคุยกันเรื่อยๆ ว่าดีใจแทนแม่มากๆ ที่คนรักแม่เยอะขนาดนี้

พอโมเมนต์ในคอนเสิร์ต จังหวะพี่บอยเปลี่ยนจากเวทีหลักมาอยู่เวทีข้างหลัง เขาเดินผ่านผม ก็โบกมือบ๊ายบายทักทายปกติ ไม่ได้คิดว่าเขาจะเห็น แต่ผมนั่งใกล้ช่วงทางเดินพอดี จังหวะพี่บอยเห็นพอดี

เขาก็พุ่งตรงมากอดผมเลย แล้วบอกว่าให้กำลังใจ ผมรู้สึกว่าที่มันพิเศษ มันพิเศษตรงที่คนที่เป็นตำนานแบบพี่บอย เขาอยู่ในช่วงเวลาของเขา เขายังอุตส่าห์แวะมาโอบอุ้มความรู้สึกเรา แล้วไม่ใช่แค่ผมด้วย เขายังปลอบวันใหม่ด้วย รู้สึกมีความหมายกับตัวผม และครอบครัวมาก

พวกผมไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคนมาร่วมงานเยอะ หรือแม้แต่ในโลกโซเชียล จะมีคนสนใจเรื่องนี้เยอะขนาดนี้ ถ้าตอนช่วงจัดงานให้แม่ผมเตรียมเก้าอี้ อาหารในวันแรก ในช่วงแรกๆ ไม่เยอะเลย เพราะไม่ได้คิดว่าจะมีคนมาเยอะขนาดนี้ หลังจากนั้นผมต้องเพิ่มสเกลทุกอย่างเข้ามา ผมไม่ได้บอกว่าผมลำบากใจนะ ผมเต็มใจมากๆ

ผมขอบคุณที่ทุกคนมาหาแม่ ผมเพิ่มเก้าอี้ เพิ่มอาหารให้แขกทุกคน เป็นการขอบคุณแขกทุกคนที่มางาน และมาเยอะมากๆ นอกจากโอบอุ้มความรู้สึก ก็เป็นอะไรที่ทำให้เราต้องเข้มแข็งให้สมกับที่เขาให้กำลังใจเรามา ผมขอบคุณทุกความเป็นห่วง ทั้ง ผม หน่อง ภัทร์ และวันใหม่

ตอนนี้พวกผมก็อยู่ในช่วงที่กำลังเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ อาจมีจังหวะที่โหวงๆ บ้าง แต่คนเราก็ต้องทำหน้าที่ต่อไป ใช้ชีวิตให้เหมือนเป็นปกติ แต่โอเค ผมออกมาทำงานปกติ พอกลับบ้านไปก็เป็นอีกโมเมนต์นึงแล้ว เป็นความโหวง นั่งคุยกันพี่น้อง หรือคุยกับลูกแม่ ก็เป็นอีกความรู้สึกที่เราอยู่ที่บ้าน แต่ก็ขอบคุณมากๆ พวกเราสู้ต่อไปเต็มที่แน่นอน ผมในนามพี่คนโตครอบครัวฉัตรบริรักษ์ ขอขอบคุณทุกกำลังใจมากๆ”

ขอบคุณชายเน็ตแนะให้ใส่บาตร 90 วันแรก เพื่อให้แม่ขนเสบียงไป?
“ตื่นมาใส่บาตร จริงๆ ก็คุยกันเอง บางคนใส่บาตร บางคนถวายสังฆทาน คือในแก๊งผม นอกจากผมสามคน ก็จะมีพี่ผู้จัดการของภัทร์ มีคนสนิทกับคุณแม่ บางคนก็แยกกันไปใส่บาตร บางคนทำสังฆทาน บางคนไปปล่อยปลา ทีนี้ช่วงที่ผมใส่บาตรวันแรกๆ มีคนมาคอมเมนต์บอก ผมขอบคุณมากๆ เลยเขาบอกข้อมูลว่าช่วง 90 วันแรก ให้เราใส่บาตรให้แม่เยอะๆ เพราะจะเป็นช่วงที่แม่ได้ขนเสบียงออกไป เอาไปใช้ต่อ ผมก็เหรอๆ ก็โอเค ดีเลย ต่อจากนี้ทุกๆ เช้า วันจันทร์-ศุกร์ จะมีพระมาบิณฑบาตแถวหน้าบ้านพอดี ตอน 7 โมง ใครว่างก็ตื่นขึ้นมาบิณฑบาตแค่นั้นเอง เมื่อเช้าภัทร์น่าจะพาวันใหม่ไปใส่บาตร เราทำเต็มที่ ทำให้แม่ ทำให้ป๊า”