โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

ฟิทช์ เจาะสุขภาพบริษัทไทยหนี้ท่วม-กำไรหด "ปิโตรเคมี-วัสดุก่อสร้าง" เสี่ยงสุด

Manager Online

เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา • MGR Online

นายโอบบุญ ถิรจิต ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายจัดอันดับเครดิตภาคธุรกิจอุตสาหกรรม บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา มีการลดอันดับความน่าเชื่อถือ (Negative Rating Actions) ของบริษัทที่ฟิทช์จัดเครดิตมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและวัสดุก่อสร้าง จากแนวโน้มรายได้ที่ต่ำกว่าคาด ต้นทุนที่สูง และซัพพลายที่ออกมาเกินความต้องการ

โดยบริษัทขนาดใหญ่ของไทยหลายแห่ง มีอัตราส่วนหนี้สินในระดับที่สูงเมื่อเทียบกับบริษัทในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่จัดอันดับ หลังจากที่มีการลงทุนขนาดใหญ่ โดยใช้หนี้และมีการเติบโตที่ช้าติดต่อกันมาหลายปี ซึ่งอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA net leverage) โดยเฉลี่ยสำหรับผู้ออกหุ้นกู้รายใหญ่ที่สุด 10 รายของไทย อยู่ที่ 3.8 เท่า ในปี 67 ซึ่งสูงกว่าอัตราส่วน 2.1 เท่า สำหรับบริษัทไทยที่จัดอันดับโดยฟิทช์ และ 2.4 เท่า สำหรับบริษัทในเอเชียแปซิฟิกที่จัดอันดับโดยฟิทช์ ในขณะที่กลุ่ม ปตท. มีอัตราส่วนหนี้สินต่ำที่สุดที่ 1.6 เท่า ผู้ออกหุ้นกู้รายใหญ่อื่น มีอัตราส่วนหนี้สินอยู่ในช่วงตั้งแต่ 3.8 เท่า ถึง 15 เท่า ณ สิ้นปี 67

ด้านอัตราส่วนหนี้สินที่อยู่ในระดับสูงเป็นระยะเวลายาวนาน และกระแสเงินสดสุทธิ (Free Cash Flow) ที่ติดลบอย่างต่อเนื่อง สะท้อนว่าบริษัทต้องพึ่งพาแหล่งเงินทุนจากหนี้สินมากกว่ากระแสเงินสดที่มาจากการดำเนินงาน โดยปัจจัยดังกล่าวอาจนำสู่โครงสร้างเงินทุนเปราะบาง ซึ่งจะทำให้บริษัทมีความเสี่ยงด้านการรีไฟแนนซ์ และสภาพคล่องที่สูงขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน นอกจากนี้ธรรมาภิบาลที่อ่อนแอ เช่น การกำกับดูแลของคณะกรรมการที่ไม่เพียงพอ โครงสร้างกลุ่มบริษัทที่ซับซ้อนไม่โปร่งใส และการเปิดเผยข้อมูลที่ต่ำกว่ามาตรฐาน ก็เป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญที่อาจเป็นตัวบ่งชี้ถึงฐานะทางการเงินที่อ่อนแอลงเช่นกัน

สำหรัยอัตราการทำกำไร (EBITDA) ของบริษัทที่ฟิทช์จัดเครดิตในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ยังลดลงไปต่ำกว่าช่วงก่อนโควิด โดยมีแนวโน้มว่าในปี 68-69 จะยังไม่สามารถกลับไปถึงจุดนั้นได้ สอดคล้องกับแนวโน้มการลงทุน ที่คาดว่าจะยังเพิ่มตัวอยู่ในปี 68-69 โดยฟิทช์มองว่าการสร้างกำไรจากหนี้การลงทุนที่สูงอาจเกิดความล่าช้า บริษัทเติบโตไม่ทัน

ฟิทช์มองว่าในปัจจุบันเศรษฐกิจไทยกำลังได้รับแรงกดดันที่เพิ่มตัวขึ้น จากภาระหนี้ครัวเรือนสูง ภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาด การทะลักเข้ามาของสินค้าจากประเทศจีน รวมถึงความท้าทายสำหรับภาคการส่งออก เป็นผลจากสงครามการค้า และอุปสงค์ของโลกที่ลดลง โดยอาจมีภาวะเงินเฟ้อชะลอตัวลง และกระแสปรับลดดอกเบี้ย ที่เข้ามาช่วยหนุนเศรษฐกิจได้บางส่วน ไปพร้อมๆกับภาครัฐที่กำลังเร่งการใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการเติบโต

ขณะที่ภาพรวมโลกนั้นมีความผันผวนมากขึ้น โดยแบ่งออกมาได้เป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ ได้แก่ 1. ความเสี่ยงของภูมิรัฐศาสตร์ ที่นอกเหนือจากสงครามและสงครามการค้าแล้ว ยังมีความเสี่ยงต่อการโยกย้ายและติดขัดของซัพพลายเซน โดยปัจจัยทั้งหลายส่งผลให้ราคาน้ำมันและพลังงานมีความผันผวนสูงตามมา 2. แรงกดดันทางเศรษฐกิจจากจีน โดยเฉพาะมาตรการพึ่งพาตัวเองของรัฐบาลจีน ที่ทำให้เกิดการผลิตสินค้าเพื่อใช้ภายในประเทศมากขึ้น และลดการนำเข้าสินค้าลง และ 3. การตั้งเป้าหมายเพื่อลดผลกระทบการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทำให้เกิดมาตรการสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดมากขึ้น อาจทำให้บางธุรกิจต้องชะงักไป หลังตลาดเปลี่ยนความสนใจไปที่ธุรกิจที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนต่ำ ซึ่งยังต้องการลงทุนที่ค่อนข้างสูงในระยะยาว

โดยกลุ่มจะได้รับผลกระทบ คือ อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ ซึ่งคาดการณ์ว่าดีมานด์จะปรับตัวลงต่อเนื่อง เป็นอุปสรรคต่ออุตสาหกรรมในระยะยาว หลังการเปลี่ยนมาใช้พลังงานทางเลือกได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ เพื่อลดการใช้พลังงานฟอสซิลหรือน้ำมัน ซึ่งอาจจะทำให้บริษัทน้ำมันในไทยที่มีธุรกิจก๊าซ มีข้อได้เปรียบที่ช่วยลดความเสี่ยงได้ เนื่องจากก๊าซธรรมชาติเริ่มมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆแทนที่น้ำมัน แต่ทั้งนี้ราคาน้ำมันและก๊าซน่าจะปรับตัวลดลง แม้ว่ากำไรของบริษัทเหล่านี้จะยังคงแข็งแกร่ง

ธุรกิจต้นน้ำในอุตสาหกรรม เช่น ธุรกิจขุดเจาะน้ำมันหรือก๊าซธรรมชาติ คาดว่าจะยังคงแข็งแกร่งอยู่ แม้พลังงานทางเลือกจะเป็นความเสี่ยงระยะยาว แต่ก็สามารถส่งผลต่อเครดิตองค์กรได้อย่างจำกัดในระยะกลาง โดยอาจจะลดผลกระทบตรงนี้ได้ถ้าหากองค์กรมีทั้งธุรกิจต้นและปลายน้ำ ส่วนธุรกิจปิโตรเคมีจะยังคงเผชิญกับแรงกดดันต่อกำไรอย่างต่อเนื่อง จากวัฏจักรขาลงของอุตสาหกรรมที่ยาวนาน ซึ่งเกิดจากอุปสงค์ที่อ่อนแอ และอุปทานที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ฟิทช์แนะนำให้ติดตามความเสี่ยงเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ การควบรวมและเข้าซื้อกิจการในธุรกิจต้นน้ำ และเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงเพิ่มเสี่ยงต่ออุปสงค์

ส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานไฟฟ้า พบว่ามีอัตราส่วนหนี้สิน หรือ Leverage (Net Debt/EBITDA) ในระดับที่ค่อนข้างสูง หลังมีการลงทุนต่อเนื่องเพื่อขยายธุรกิจพลังงานหมุนเวียนเข้ามาในพอร์ต โดยธุรกิจกลุ่มนี้จะรับผลประโยชน์ระยะยาวจากการเปลี่ยนมาใช้พลังงานทางเลือกเพิ่มขึ้น ตรงกันข้ามกับอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ แต่การลงทุนต่อเนื่องเช่นนี้ก็อาจทำให้กระแสเงินไม่เพียงพอได้ และอาจทำให้อัตราส่วนหนี้สินของบริษัทเหล่านี้ที่อยู่ในระดับสูงอยู่แล้ว ปรับตัวอ่อนแอลงต่อไปได้อีก

สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมวัดสุก่อสร้าง ฟิทช์คาดว่าจะมีทั้งปัจจัยบวกและความท้าทาย ในส่วนปัจจัยของบวกจะยังคงมาจากการเร่งการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐที่ช่วยเพิ่มอุปสงค์ของปูนซีเมนต์ได้ แต่ทั้งนี้อุปสงค์สำหรับภาคเอกชนยังคงอ่อนแออยู่ รวมทั้งสภาวะอุปทานส่วนเกินของปูนซีเมนต์ จะเข้ามากดดันการปรับราคาสินค้าเพิ่ม แต่ฟิทช์ก็ได้เห็นความพยายามในการรักษากำไรของผู้ผลิตด้วยมาตรการลดต้นทุน และการใช้พลังงานทางเลือกที่ถูกกว่า อีกทั้งขยายพอร์ตสินค้าออกไป เช่น การออกปูนซีเมนต์ที่ลดการใช้คาร์บอน

ส่วนภาคธุรกิจที่ยังมีความยืดหยุ่นมากกว่า โดยเฉพาะธุรกิจโทรคมนาคม น่าจะยังคงได้รับประโยชน์จากการแข่งขันที่ลดลง ซึ่งฟิทช์คาดว่าจะยังสามารถโตได้ต่อเนื่อง จากกระแสรายได้และกำไรที่ยังอยู่ในระดับที่ดี

website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Manager Online

“เจี๊ยบ อมรัตน์” ตอบ OK แก้ผ้ารำ แก้บนนายกฯ พ้นตำแหน่ง

16 นาทีที่แล้ว

ทรัสต์ กอล์ฟ เปิดควอลิฟายศึก เอเชียน มิกซ์

18 นาทีที่แล้ว

Broker ranking 1 Jul 2025

19 นาทีที่แล้ว

เหี้ยมไม่แผ่ว!เครื่องบินรบยิวโจมตีร้านกาแฟชายหาด หน่วยปืนใหญ่กราดยิงฝูงชนปาเลสไตน์รอรับอาหาร วันเดียวตายอย่างน้อย 74 คน

22 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่น ๆ

Broker ranking 1 Jul 2025

Manager Online

เที่ยวไทยคนละครึ่ง ยังคงเหลือเกือบ 5 แสนสิทธิ์ ด้านผู้ว่าฯ ขออภัยปัญหาการลงทะเบียน

Khaosod

ลงทะเบียน 'เที่ยวไทยคนละครึ่ง' วันแรกจ่ายเงินใช้สิทธิ์ 272 ราย คงเหลือ 499,728 สิทธิ์

ประชาชาติธุรกิจ

แสนสิริ ขนบ้าน-คอนโด 110 โครงการ จัดโปร 'ได้ทุกอย่าง!' เริ่ม 7 แสน-40 ล้าน

MATICHON ONLINE

ทอท. ครบรอบ 46 ปี เปิดแผนลงทุนสนามบิน ขยายศักยภาพ-ปลุกรายได้รอบสนามบิน

MATICHON ONLINE

EA ปรับแผนชำระหุ้นกู้ใหม่ลดเวลาเหลือ 5ปี นัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้ 9 ก.ค.นี้

PostToday

EA รับฟังผู้ถือหุ้นกู้ ปรับแผนชำระหุ้นกู้ใหม่ลดเวลาเหลือ 5 ปี

ฐานเศรษฐกิจ

เที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568 ลงทะเบียนวันนี้สำเร็จ 1.8 แสนราย ใช้สิทธิไปแล้ว 272 สิทธิ

ฐานเศรษฐกิจ

ข่าวและบทความยอดนิยม

ดัชนีเชื่อมั่นทางธุรกิจ Q2/68 ปรับลดลงรับภาคท่องเที่ยว-อสังหาฯชะลอตัว

Manager Online

คลัง ผนึก ตลท.เร่งฟื้นความเชื่อมั่นตลาดหุ้น "ประสาร" ยกเคส MORE-STARK เป็น Black Swan

Manager Online

ทีทีบีแจ้งเข้าถือหุ้นบล.ธนชาตรวม99.97%-มูลค่า2062 ล้านบาท-เสริมแกร่งธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง

Manager Online
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...