KTB เผย ส่งออกเดือนมิ.ย พุ่ง 15.5% จับตาภาษีทรัมป์ป่วนโลก
มองส่งออกช่วง 2H68 ถูกกดดันหลังผลของการเร่งส่งออกหมดลง และความเสี่ยงจากอัตราภาษีีสูงกว่าคู่แข่ง
• มูลค่าส่งออกเดือนมิ.ย. เติบโต15.5%YoY ชะลอตัวจากเดือนก่อนที่18.4%YoY โดยการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมยังคงขยายตัวต่อเนื่องสอดคล้องกับสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรที่เติบโตดีขณะที่การส่งออกไปตลาดหลักต่างขยายตัว ด้านการนำเข้าชะลอจากเดือนก่อนมาอยู่ที่ 13.1%YoY ขณะที่ดุลการค้าเกินดุล +1,061.7 ล้านดอลลาร์ฯ
• แม้การส่งออกจะขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12 โดยครี่งแรกของปี 2568เติบโต 15.0%YoY แต่ยังเป็นผลของปัจจัยชั่วคราว จากการเร่งนำเข้าเพื่อเลี่ยงผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ก่อนกลับมามีผลเต็มรูปแบบ ในวันที่ 1 ส.ค. 68 เป็นหลัก คาดว่าการส่งออกของไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 จะถูกกดดันจากหลายปัจจัยเสี่ยง ทั้งส่วนต่างภาษีศุลกากรตอบโต้ที่สูงกว่าคู่แข่ง การเก็บ Sectoral tariff ใสินค้าบางกลุ่มเพิ่มเติม ทั้งยังมีโอกาสถูกเรียกเก็บภาษีสำหรับสินค้าผ่านทาง ตลอดจนแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง
มูลค่าส่งออกเดือนมิถุนายน2568 ขยายตัว15.5%YoY
มูลค่าส่งออกเดือนมิ.ย. อยู่ที่28,649.9 ล้านดอลลาร์ฯเติบโต15.5%YoY ชะลอตัวจาก18.4%YoY เมื่อเดือนก่อนโดยการส่งออกสินค้ากลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรขยายตัวต่อเนื่องสำหรับการส่งออกทองคำในเดือนนี้เติบโตสูงถึง110.2%YoY ทำให้เมื่อหักทองคำแล้วมูลค่าส่งออกเดือนนี้ขยายตัวได้13.4%YoY โดยมีแรงขับเคลื่อนที่สำคัญจาก
• การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัว17.6%YoY ชะลอลงจาก22.9%YoY ในเดือนก่อนโดยสินค้าสำคัญที่เติบโต ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (+57.7%) แผงวงจรไฟฟ้า (+46.2%) เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ (+16.4%) ผลิตภัณฑ์ยาง (23.3+%) อัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ)(+8.4%) เป็นต้น ส่วนสินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (-15.9%) อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด (-53.5%) และเคมีภัณฑ์ (-4.3%) เป็นต้น
• การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรขยายตัว13.5%YoY เร่งตัวจากเดือนก่อนที่ขยายตัว8.1%YoY โดยสินค้าเกษตรขยายตัว10.7%YoY และสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรขยายตัว17.4%YoY ขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อนที่10.1%YoY ซึ่งสินค้าสำคัญที่ขยายตัวสูงได้แก่ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์(+124.2%) ผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็งและแห้ง(+57.0%) ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูปอื่นๆ(+35.1%) และผลไม้กระป๋องและแปรรูป(+15.8%) เป็นต้นส่วนสินค้าสำคัญที่หดตัวในเดือนนี้ได้แก่ข้าว(-41.1%) อาหารทะเลกระป๋องและแปรรุป(-1.5%) เป็นต้น
การส่งออกรายตลาดสำคัญส่วนใหญ่ยังขยายตัวจากการส่งออกอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นสำคัญ
• สหรัฐฯ: ขยายตัว41.9%YoY เติบโตติดต่อกันเป็นเดือนที่21 โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัวอาทิเครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่นๆส่วนสินค้าสำคัญที่หดตัวเช่นอุปกรณ์กึ่งตัวนำทรานซิสเตอร์และไดโอดและอัญมณีและเครื่องประดับเป็นต้น
• จีน: ขยายตัว23.1%YoY เติบโตต่อเนื่องเป็นเดือนที่9 โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัวเช่นผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็งและแห้งเครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบยางพาราด้านสินค้าสำคัญที่หดตัวเช่นเครื่องจักรกลและส่วนประกอบเป็นต้น
ญี่ปุ่น: ขยายตัว3.2%YoY กลับมาขยายตัวจากเดือนก่อนโดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัวเช่นผลิตภัณฑ์ยางรถจักรยานยนต์และส่วนประกอบเป็นต้นส่วนสินค้าสำคัญที่หดตัวเช่นรถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบเป็นต้น
• EU27: ขยายตัว11.9%YoY เติบโตติดต่อกันเป็นเดือนที่13 โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัวเช่นเครื่องจักรกลและส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่นๆเป็นต้นส่วนสินค้าสำคัญที่หดตัวเช่นเครื่องโทรสารโทรศัพท์อุปกรณ์และส่วนประกอบเป็นต้น
• ASEAN-5: ขยายตัว6.5%YoY กลับมาขยายตัวจากเดือนก่อนโดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัวเช่นเครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบอัญมณีและเครื่องประดับเป็นต้นส่วนสินค้าสำคัญที่หดตัวเช่นรถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบน้ำมันสำเร็จรูปเป็นต้น
• มูลค่าการนำเข้าเดือนมิ.ย. อยู่ที่27,588.2 ล้านดอลลาร์ฯเติบโต13.1%YoYชะลอตัวจาก18.0%YoY เมื่อเดือนก่อนการนำเข้าสินค้าหลายหมวดยังขยายตัวทั้งสินค้าทุน(+38.2%YoY) สินค้ายานพาหนะฯ(+%YoY) สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป(+7.2%YoY) สินค้าอุปโภคบริโภค(+19.8%YoY) ขณะที่การนำเข้าสินค้าเชื้อเพลิงหดตัว(-10.6%YoY) ทั้งนี้ดุลการค้าเดือนมิ.ย. เกินดุล+1,061.7 ล้านดอลลาร์ฯ
Implication :
• การส่งออกในครึ่งแรกของปี68 ที่เติบโตเป็นเลขสองหลักที่15.0% มาจากการเร่งซื้อจากต่างประเทศเพื่อเลี่ยงผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีของสหรัฐฯโดยมีแรงส่งหลักจากการขยายตัวของเครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งคิดเป็น5.4% ของการเติบโตในมูลค่าส่งออกไทยช่วงครึ่งปีแรก(กว่า46%เป็นการส่งออกไปสหรัฐฯ) ซึ่งเป็นสินค้าเสี่ยงถูกจัดเก็บSectoral tariff จากสหรัฐฯแม้ในปัจจุบันจะยังได้รับการยกเว้น1 รวมถึงการเติบโตในกลุ่มผลิตภัณฑ์ยางแผงวงจรไฟฟ้าเครื่อง
ปรับอากาศสะท้อนภาพการเร่งนำเข้าสินค้าซึ่งอาจอ่อนแรงลงหลังมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้กลับมาใช้เต็มรูปแบบในวันที่1 ส.ค. 2568
• อย่างไรก็ดีผลจากการเจรจากับสหรัฐฯและส่วนต่างระหว่างอัตราภาษีไทยเทียบประเทศคู่แข่งสำคัญจะเป็นปัจจัยกดดันการส่งออกระยะข้างหน้าหลังสหรัฐฯส่งจดหมายแจ้งถึงการเก็บภาษีตอบโต้(ณ7 ก.ค.) หลายประเทศเร่งเจรจาและบรรลุข้อตกลงในอัตราภาษีใหม่ที่ปรับลดลง
อาทิ เวียดนาม 20% อินโดนีเซีย 19% และญี่ปุ่น 15% ในขณะที่ ไทยยังคงเร่งการเจรจาเพื่อบรรลุข้อตกลงให้ได้ก่อนวันที่ 1 ส.ค. หากไม่สามารถสรุปผลการเจรจาได้ทัน จะมีความเสี่ยงต่อการถูกแย่งตลาด เนื่องจากมีส่วนต่างภาษีที่สูงกว่าคู่แข่ง ซึ่งจะกดดันการส่งออกในระยะถัดไป อนึ่ง ไทยยังเสี่ยงถูกเรียกเก็บภาษีอัตราพิเศษสำหรับสินค้าผ่านทาง (Transshipment) เช่นเดียวกับ อินโดนีเซีย และเวียดนาม หากพบสินค้าที่มีการสวมสิทธิ์จากประเทศอื่น
• Krungthai COMPASS คาดการส่งออกในช่วงครึ่งหลังของปี2568ยังเผชิญความเสี่ยงหลายด้านทั้งอัตราภาษีตอบโต้ที่อาจสูงกว่าคู่แข่งโดยเปรียบเทียบการเก็บSectoraltariff ในสินค้าบางกลุ่มเพิ่มเติมและยังมีโอกาสถูกเรียกเก็บภาษีสำหรับสินค้าผ่านทางรวมถึงภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงปัจจัยเหล่านี้จะกดดันการส่งออกของไทยให้อ่อนแรงลงได้ในระยะข้างหน้า
1 สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ เซมิคอนดักเตอร์ แผงวงจรไฟฟ้าและอุปกรณ์ ได้รับการยกเว้นภาษีศุลกากรตอบโต้ ตามประกาศของทำเนียบขาว (ณ 12 เม.ย. 2568)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : คลังระดมสมองจัดทัพรับมือภาษีทรัมป์