กต.เตรียมงัดหลักฐานโชว์ทูต ปมเขมรวางทุ่นระเบิดบ่ายนี้ จ่อทำหนังสือประท้วงถึง ปธ.ออตตาวา
พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ในฐานะโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงผลการประชุม ศบ.ทก. ว่า สำหรับมาตราขยายเวลาให้แรงงานกัมพูชาอยู่ในประเทศไทยตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 22 ก.ค.นั้น ยืนยันว่า มาตรการต่างๆ ที่เราผ่อนผันเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนชาวไทย ผู้ประกอบการ และเจ้าของไร่และสวนต่างๆ ที่มีความจำเป็นต้องใช้แรงงานต่างด้าวในการช่วยเก็บเกี่ยวพืชผลตามฤดูกาลในช่วงนี้ เพราะเราเข้าใจว่า ทางผู้ประกอบการต่างๆ เหล่านี้มีความเดือดร้อนในเรื่องของการหาแรงงานเข้ามาช่วยเหลือ
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า กรณีการเปิดให้เยี่ยมชมปราสาทตาเมืองธม ฝ่ายไทยยังยืนยันที่จะเปิดบริการให้กับประชาชนนักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธมได้ตามปกติ โดยทั้งสองฝ่ายได้กำหนดมาตรการร่วมกัน โดยมีแนวทาง ดังนี้ 1.หากมีปัญหาจากนักท่องเที่ยวเกิดขึ้น กรณีเป็นนักท่องเที่ยวชาติใดให้ชุดประสานงานของปราสาทชาตินั้นเป็นผู้นำตัวนักท่องเที่ยวออกจากพื้นที่ 2.หากมีปัญหาในพื้นที่ ให้ชุดประสานงานในพื้นที่ของแต่ฝ่าย จำนวน 7 คน เป็นผู้ดำเนินแก้ไขปัญหา โดยไม่ต้องส่งกำลังชุดอื่นที่ไม่จำเป็นและไม่เกี่ยวข้องเข้ามาเพิ่มเติม ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการเผชิญหน้าของทั้งสองฝ่าย และ3.ขอให้ทั้งสองฝ่ายดำเนินการคัดกรองนักท่องเที่ยวของแต่ละฝ่ายอย่างเข้มงวดก่อนขึ้นมาท่องเที่ยวบนปราสาทตามเมือนธม
ด้านนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ที่ประชุม ศบ.ทก.ได้รับรายงานจากหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ว่า ฝ่ายไทยยังดำเนินการมาตรการเช่นเดิม คือ มีการควบคุมจุดผ่านแดนที่เข้มงวด แต่ไม่ได้มีการปิดด่านตามที่ฝ่ายกัมพูชาได้กล่าวหาในสื่อ โดยเป็นการบริหารจุดผ่านแดนเพื่อรักษาความปลอดภัยของประชาชน และเพื่อเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลในช่วงนี้ ในเรื่องของการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติอย่างจริงจัง ซึ่งในการดำเนินการมาตรการนั้น ขอย้ำว่า ฝ่ายไทยยังคงอนุโลมการผ่านแดนสำหรับเหตุผลด้านมนุษยธรรมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในที่ประชุมได้เห็นภาพและสถิติว่า ในบางจุดผ่านแดนบางจุดมีการอนุโลมถึงหลักพันคน ทั้งนี้ ฝ่ายไทยยังคงเปิดสำหรับการขนส่งสินค้า มีเพียงฝ่ายกัมพูชาฝ่ายเดียวที่ยังคงปิดด่านอยู่
นางมาระตี กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดเมื่อวันที่ 16 ก.ค.นั้น วันนี้ (23 ก.ค.) เวลา 16.00 น. กระทรวงการต่างประเทศจะจัดการบรรยายสรุปแก่คณะทูตและผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ โดยเป็นการบรรยายสรุปต่อเนื่องจากการบรรยายสรุปประจำไตรมาสของกองทัพบกเมื่อวันที่ 22 ก.ค. โดยการบรรยายสรุปของกระทรวงการต่างประเทศ จะเป็นการชี้แจงการดำเนินการ ท่าที และจุดยืนของไทยเกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาที่เคยจัดมาแล้วเป็นประจำ แต่ครั้งนี้จะเน้นเรื่องเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบกับระเบิดเมื่อวันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยมีผู้บริหารของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งของกระทรวงการต่างประเทศ ฝ่ายความมั่นคงร่วมกันบรรยายสรุป ได้แก่ ปลัดกระทรวงต่างประเทศอธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ และโฆษก ศบ.ทก.ฝ่ายความมั่นคง ซึ่งจะเป็นโอกาสสำคัญของไทยที่จะชี้แจงข้อมูลและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมหลักฐานที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ ได้รวบรวมและประมวลมาตั้งแต่วันเกิดเหตุ ที่สำคัญที่สุดคือ ผลของการตรวจสอบ ตรวจค้นในพื้นที่เพิ่มเติมภายหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งแน่นอนว่า กระบวนการดังกล่าวได้ผ่านการกลั่นกรองที่รอบคอบเพื่อความถูกต้องของข้อมูลก่อนที่จะส่งมาที่กระทรวงการต่างประเทศเพื่อเดินหน้าต่อในการประท้วง
นางมาระตี กล่าวว่า เรื่องนี้ขอขอบคุณฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการทำงานอย่างไม่ลดละตั้งแต่เกิดเหตุ เพื่อให้มั่นใจว่า การดำเนินการของฝ่ายไทยรัดกุมและตรวจสอบได้ โดยวันนี้(23 ก.ค.) ทางกระทรวงการต่างประเทศจะทำการชี้แจงกับชาวโลกได้อย่างมั่นใจเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงเนื้อหาที่กระทรวงการต่างประเทศจะเดินหน้าประท้วงต่อไป ซึ่งหลังจากที่กระทรวงต่างประเทศมีหนังสือฉบับแรก คือ หนังสือประท้วงถึงฝ่ายกัมพูชาโดยตรง เพื่อประณามการกระทำที่เป็นการละเมิดอธิปไตยของไทยและเรียกร้องความรับผิดชอบจากฝ่ายกัมพูชา ส่วนฉบับที่ 2 จะเป็นหนังสือถึงญี่ปุ่น ในฐานะประธานที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา เพื่อเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชาแสดงความรับผิดชอบต่อไทย ต่อประชาคมโลก ต่อประเทศและองค์กรที่สนับสนุนกัมพูชาในอดีตที่ผ่านมาในเรื่องของการเก็บกู้ทุ่นระเบิดให้พิจารณาในเรื่องนี้ด้วย ทั้งนี้ ในเวทีระหว่างประเทศ ชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของแต่ละประเทศ รวมถึงคำมั่นที่ประเทศนั้นให้ไว้กับประชาคมระหว่างประเทศมีความสำคัญยิ่ง เพราะเป็นสิ่งที่จะทำให้ประเทศนั้นน่าคบหาและเป็นที่เคารพของประชาคมโลก ซึ่งหลังจากกระทรวงการต่างประเทศบรรยายสรุปแก่คณะทูตแล้ว ทางกระทรวงการต่างประเทศจะได้แถลงรายละเอียดให้ทราบต่อไป
นางมาระตี กล่าวว่า ขอย้ำว่าท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดในขณะนี้ รัฐบาลไทยหวังจะเห็นการแสดงออกในสื่อสังคมออนไลน์ที่สร้างสรรค์มากยิ่งขึ้น เพื่อลดอุณหภูมิของความตึงเครียด และส่งเสริมให้เกิดบรรยากาศที่เอื้อต่อการหาทางออกร่วมกันของสองฝ่าย เป้าหมายสำคัญของฝ่ายไทย โดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศยังคงต้องการให้กลับสู่โต๊ะเจรจา เพื่อหารือและคลี่คลายสถานการณ์โดยสันติวิธี และหวังว่า ฝ่ายกัมพูชาจะตอบสนองต่อคำเชิญของฝ่ายไทยในการร่วมประชุมเจบีซีในเดือน ก.ย.