รีวิว Nothing Phone (3) มือถือเรือธงสุดมินิมอล แต่ฟีเจอร์เยอะเกินคาด
กลับมาพบกับรีวิวจาก Sanook Hitech อีกครั้ง ใครกำลังเบื่อหน้า! มือถือที่คุณใช้งานอยู่อยากได้ความแปลกใหม่ที่ไม่ซ้ำซาก แต่ต้องได้ฟีเจอร์ครบเครื่อง Nothing เป็นอีกแบรนด์ที่คุณกำลังเรียกหา โดยครั้งนี้ พวกเข้ากลับมากับรุ่นเรือธงอย่าง Nothing Phone (3) ยกระดับจนทำให้มือถืออินดี้น่าใช้แค่ไหน เรามาดูกันเลยครับ
แกะกล่อง Nothing Phone (3)
- ตัวเครื่อง
- เคสใส
- เข็มจิ้มถาดใส่ซิม
- สาย USB-C To USB-C
- คู่มือ / คำแนะนำใช้อย่างปลอดภัย
ดีไซน์ของ Nothing Phone (3)
เริ่มต้นที่ดีไซน์ของ Nothing Phone (3) จะมาพร้อมกับหน้าจอ 6.67 นิ้ว OLED ความละเอียด 1260x2800 พิกเซล Refresh Rate 120Hz ความสว่างหน้าจอสูงถึง 4500 nits เรียกว่ามาพร้อมกับหน้าจอที่โดดเด่นพอสมควรเลยเช่นเดียวกัน ทำให้เป็นอีกมือถือที่ได้หน้าจอที่มีความละเอียดและสีสวยเหมือนกันนะครับ มาพร้อมกับกล้องหน้าความละเอียด 50 ล้านพิกเซล
รอบตัวทั้งหมดเป็นบอดีอะลูมิเนียมประกอบไปด้วย
- ฝั่งซ้าย : ปุ่ม ปรับระดับเสียง
- ฝั่งขวา : ปุ่ม Power พร้อมกับปุ่ม Essential Key
- ส่วนบน มีไมโครโฟนและลำโพง
- ส่วนล่าง มี USB-C, ไมโครโฟน, ลำโพงหลัก, ช่องใส่ Nano SIM
ด้านหลังออกแบบเรียบง่าย ไร้ไฟ Glyph ที่โดดเด่นอีกต่อไปแต่มีการเพิ่มหน้าจอใหม่เรียกว่า Glyph Matrix ที่มีอะไรเด่นเดี๋ยวเรามาสรุปกันแต่ส่วนนี้จะมีกล้องความละเอียด 50 ล้านพิกเซลทั้งหมด 3 ตัวพร้อมกับไฟสีแดงเพื่อบอกว่าถ่ายวิดีโออยู่ และยังมี NFC และระบบ Wireless Charge ในตัว มือถือรุ่นนี้กันน้ำระดับ IP68 ถือว่าเป็นสิ่งที่ยุคนี้ต้องทำได้กันเป็นส่วนใหญ่ แถมมีให้เลือกแค่ 2 สีคือ ดำ และ ขาว
ฟีเจอร์เด่นของ Nothing Phone (3)
Nothing Phone (3) จะมาพร้อมกับระบบปฎิบัติการ Nothing OS 3.5 ปรับแต่งไม่ได้เยอะมากเพราะมีการนำ Interface ของตัวเองที่มีความเป็น Dots มาใส่ทุกจุดแต่ถ้าไม่ชอบก็จะสามารถปรับเป็นแบบ Pure Android ก็สามารถทำได้ โดย Nothing มีฟีเจอร์เด็ดที่สามารถใช้งานได้ดีเช่น
Essential Space และ Essential Search: เป็นฟีเจอร์ AI ที่ช่วยจัดระเบียบงานประจำวัน และการค้นหาข้อมูลในโทรศัพท์ด้วยภาษาธรรมชาติ
การอัปเดตที่ยาวนาน: Nothing ให้คำมั่นสัญญาว่าจะได้รับการอัปเดต Android นาน 5 ปี และแพตช์ความปลอดภัยนาน 7 ปี
รู้จัก Glyph Matrix ทำอะไรได้บ้าง
จุดเด่นที่ Nothing Phone (3) มีดีและมือถือรุ่นอื่นไม่มีคือ ไฟ "Glyph Matrix" ที่มีหลอด LED มากถึง 489 ดวง เยอะแบบนี้ทำอะไรได้บ้างเรามาดูกัน
1. การแจ้งเตือนที่ปรับแต่งได้ละเอียดขึ้น
การแจ้งเตือนเฉพาะแอป: สามารถแสดงการแจ้งเตือนจากแอปต่างๆ ในรูปแบบสัญลักษณ์หรืออนิเมชันที่ปรับแต่งได้
การแจ้งเตือนตามผู้ติดต่อ: กำหนดไอคอนหรือภาพ pixelated เฉพาะสำหรับผู้ติดต่อแต่ละคน เพื่อให้ทราบได้ทันทีว่าเป็นใครโทรเข้าหรือส่งข้อความมา แม้จะปิดเสียงอยู่
Caller ID: ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้คุณสามารถกดปุ่ม Essential Key ค้างไว้เพื่อแสดงชื่อผู้ติดต่อหรือหมายเลขโทรศัพท์บน Glyph Matrix ในระหว่างมีสายเรียกเข้า
2. ไฟบอกสถานะต่างๆ
ไฟทั้งหมดสามารถช่วยบอกสถานะต่างๆ เช่น สามารถแสดงความคืบหน้าของกิจกรรมต่างๆ ได้ เช่น การนับถอยหลังของกล้อง การจัดส่งพัสดุ หรือสถานะการเล่นเกม, แสดงระดับแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่, แสดงระดับเสียง, แสดงอนิเมชันเมื่อมีการใช้งาน NFC นอกจากนี้ยังมีไฟแสดงสถานะสีแดงเล็กๆ ที่สว่างขึ้นเมื่อกำลังบันทึกวิดีโอ
3. ฟังก์ชันการทำงานร่วมกับกล้อง
Camera Countdown: แสดงการนับถอยหลังแบบภาพเมื่อใช้ตัวตั้งเวลาถ่ายภาพ
Glyph Torch (ไฟฉาย Glyph): ใช้ Glyph Matrix เป็นไฟส่องสว่างเสริมเมื่อถ่ายภาพในที่มืด หรือใช้เป็นไฟฉาย จะทำงานได้แค่โหมดบุคคลเท่านั้น
4. Glyph Toys (เครื่องมือและเกมขนาดเล็ก)
ไฮไลท์ Nothing ได้เพิ่ม "Glyph Toys" ซึ่งเป็นชุดของเครื่องมือและเกมขนาดเล็กที่สามารถรันบนจอแสดงผล micro-LED นี้ได้ เพื่อเพิ่มความสนุกสนานและลดเวลาการจ้องหน้าจอหลัก โดยการแตะปุ่มที่กลางเครื่องริมสุดของมุมขวา สามารถเลือกฟีเจอร์ต่างๆ ดังนรี้
Glyph Mirror: ใช้จอแสดงผลด้านหลังเพื่อจัดเฟรมเซลฟี่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
Digital Clock: แสดงเวลาในรูปแบบ 12 หรือ 24 ชั่วโมง
Stopwatch: นาฬิกาจับเวลา
Solar Clock: นาฬิกาที่แสดงเวลาตามตำแหน่งดวงอาทิตย์ (น่าจะเป็นแนวคิด)
Battery Indicator: แสดงสถานะแบตเตอรี่
Leveller: เครื่องมือวัดระดับ
Spin the Bottle: เกมหมุนขวด
Rock Paper Scissors: เกมเป่ายิ้งฉุบ
Magic 8 Ball: ลูกบอลทำนายดวง (คล้าย Magic 8-Ball)
5. การควบคุมด้วยปุ่ม Essential Key
เอกลักษณ์ของ Nothing Phone (3) มาพร้อมกับปุ่มพิเศษที่เรียกว่า "Essential Key" ซึ่งอยู่ใต้ปุ่ม Power โดยเฉพาะ ปุ่มนี้ใช้ในการควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ของ Glyph Matrix รวมถึง
กดค้างไว้เพื่อแสดง Caller ID
เข้าถึงฟังก์ชันต่างๆ ของ Glyph Toys
การจับภาพหน้าจอและจัดเก็บใน Essential Space (AI-powered hub) โดยอัตโนมัติ
การบันทึกเสียงและถอดความด้วย AI
ไม่ต้องห่วงว่าฟีเจอร์เหล่านี้สามารถกดปิดได้ หรือไม่ให้ทำงานเวลานนอนได้เช่นเดียวกัน
และในเรื่องกล้อง เมื่อมีเลนส์ที่ครบระดับ Ultra Wide, Wide, Telephoto เรียกว่าเป็นอีกมือถือที่กล้องครบและเมื่อทดลองในการใช้งานค่อนข้างสมูทซูมเข้าออกแทบจะไม่เห็นการเปลี่ยนเลนส์โดยกล้องซูมภาพนิ่งสูงสุด 60x, วิดีโอ 18x ถ่ายวีดีโอา 4K ได้ทั้งกล้องหน้าและหลังพร้อมกับโหมดถ่ายภาพและมีการตั้งค่า Preset เลือกรูปแบบภาพได้เช่นเดียวกัน
(ตัวอย่างภาพจาก Nothing Phone (3))
ประสิทธิภาพของ Nothing Phone (3)
มาถึงเรื่องความแรงกันบ้างสำหรับ Nothing Phone (3) มาพร้อมกับ Snapdragon 8s Gen 4 เมื่อเทียบแล้วใช้คำว่าแรงอยู่และยังสามารถใช้เล่นเกมได้อย่างดี นอกจากนี้ยังมีโหมดควบคุมการเล่นเกมได้แต่ถ้าสังเกตแล้วการเชื่อมต่อมาแบบครบทั้ง Wi-Fi 7, Bluetooth 6.0, GPS มาแบบครบครันเลยทีเดียว
แบตเตอรี่ / ระบบชาร์จไฟ
และมาถึงเรื่องแบตเตอรี่ของเครื่องจะอยู่ที่ 5150 mAh เมื่อใช้งานทั่วไปรอดข้ามวันได้ แต่ถ้าเล่นเกมแล้วล่ะก็ ค่อนข้างสูบแบตเตอรี่มากพอสมควรเลยครับ ส่วนระบบชาร์จไฟรองรับกำลัง 65W และรองรับระบบชาร์จไฟไร้สาย 15W และยังจ่ายไฟให้อุปกรณ์อื่นเล็กน้อย
สรุปหลังทดลองใช้งาน Nothing Phone (3)
มาถึงสรุปรวมแล้วสำหรับ Nothing Phone (3) จะมาพร้อมกับความครบเครื่องทั้งกล้องที่ดี ดีไซน์แตกต่าง อาจจะมีเรื่องที่กินไฟที่เรียกว่าโหดอยู่ แต่อย่างไรก็ตาม มือถือรุ่นนี้ออกแบบเพื่อคนชอบความแตกต่างและราคา เริ่มต้น 27,990 บาท และ 30,990 บาท หากใครสนใจก็สามารถดูตัวจริงได้ที่ตัวแทนจำหน่ายของ Nothing ได้ทั่วประเทศ
ทั้งนี้ได้ครอบครอง Nothing Phone (3) และ Nothing Headphone (1) ก่อนใครกับ Limited Drop เปิดขายรอบพิเศษที่Nothing Store (One Bangkok) และCarnival (CentralWorld) ในวันที่26 กรกฎาคม2568 เวลา11.00 น. เป็นต้นไป
สเปกของ Nothing Phone (3)
หมวดหมู่ Nothing Phone (3) ดีไซน์ ขนาด 160.6 x 75.6 x 9 มม. น้ำหนัก 218 กรัม วัสดุ ด้านหน้า: กระจก Gorilla Glass 7i, ด้านหลัง: กระจก Gorilla Glass Victus, เฟรม: อะลูมิเนียม สี ขาว (White), ดำ (Black) กันน้ำกันฝุ่น IP68 ฟีเจอร์เด่น Glyph Matrix (จอแสดงผลจุดเมทริกซ์ 489 LED), Essential Key (ปุ่มสัมผัสพิเศษด้านหลัง) หน้าจอ ชนิด AMOLED, 1 พันล้านสี, 120Hz Adaptive Refresh Rate, 960Hz PWM Dimming, HDR10+ ขนาด 6.67 นิ้ว (อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องประมาณ 88.5%) ความละเอียด 1260 x 2800 พิกเซล (460 ppi) ความสว่าง 1600 nits (ปกติ), 4500 nits (สูงสุด HDR) การป้องกัน Corning Gorilla Glass 7i ฟีเจอร์อื่นๆ Always-On Display, DCI-P3, DC Dimming ประสิทธิภาพ ระบบปฏิบัติการ Android 15 (พร้อม Nothing OS 3.5) ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 8s Gen 4 (4 nm) CPU Octa-core (1x3.21 GHz Cortex-X4 & 3x3.0 GHz Cortex-A720 & 2x2.8 GHz Cortex-A720 & 2x2.0 GHz Cortex-A720) GPU Adreno 825 RAM 12GB / 16GB (LPDDR5X) ROM 256GB / 512GB (UFS 4.0) ช่องใส่การ์ด ไม่มี กล้องหลัง กล้องหลัก 50 MP, f/1.7, 24mm (wide), 1/1.3", PDAF, OIS Telephoto 50 MP, f/2.7, 1/2.75", PDAF, 3x Optical Zoom, OIS (รองรับ Macro 10 ซม.) Ultra-Wide 50 MP, f/2.2, 114˚, 1/2.76" ฟีเจอร์ LED flash, Panorama, HDR วิดีโอ 4K@30/60fps, 1080p@30/60fps, 1080p@240fps (Slow-Mo), gyro-EIS, OIS กล้องหน้า ความละเอียด 50 MP, f/2.2, 1/2.76" ฟีเจอร์ HDR วิดีโอ 4K@30/60fps, 1080p@30/60fps แบตเตอรี่และชาร์จ ความจุ 5,150 mAh (Silicon-Carbon) ชาร์จมีสาย 65W (PD3.0, PPS, QC4) - ชาร์จ 63% ใน 30 นาที, เต็มในประมาณ 1 ชม. ชาร์จไร้สาย 15W (Qi wireless charging) ชาร์จย้อนกลับไร้สาย 5W ชาร์จย้อนกลับมีสาย 7.5W การเชื่อมต่อ Wi-Fi Wi-Fi 6 (802.11 a/b/g/n/ac/ax), Wi-Fi Direct, Hotspot Bluetooth 5.4 NFC รองรับ พอร์ต USB USB Type-C, USB 2.0 (พร้อม OTG) ซิมการ์ด Dual Nano-SIM + eSIM (รองรับ 2 ซิมพร้อมกัน) ระบบนำทาง GPS, A-GPS, GLONASS, Galileo, BeiDou, QZSS, SBAS, NavIC, Dual-band positioning, Cell ID, Wi-Fi positioning คุณสมบัติอื่นๆ เซ็นเซอร์ สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ (Optical), Accelerometer, Proximity, Gyro, Compass ระบบเสียง ลำโพงคู่ (Stereo speakers) ฟีเจอร์ AI Essential Search, Essential Space, ฟังก์ชัน AI ผ่าน Essential Key อัปเดตซอฟต์แวร์ Android 5 ปี, Security Patch 7 ปี ราคา (โดยประมาณ) RAM 12GB / 256GB = 27,990 บาท
RAM 16GB / 512GB = 30,990 บาท