SCGD ยึดฐานผลิตเวียดนาม หนุนโตยาว
หุ้นวิชั่น
อัพเดต 54 นาทีที่แล้ว • เผยแพร่ 7 ชั่วโมงที่ผ่านมา • HoonVision | หุ้นวิชั่น - หุ้น ข่าวหุ้น หุ้นไทยวันนี้ หุ้นวันนี้ หุ้นเด่น วิเคราะห์หุ้น ธุรกิจ การเงิน เศรษฐกิจ การลงทุน ดัชนีราคาหุ้นหุ้นวิชั่น-บริษัทเอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) (SCGD) ยืนยันความแข็งแกร่งกลยุทธ์การเติบโต และความยืนหยุ่นของธุรกิจ แม้ในสถานการณ์ที่ประเทศไทย อาจจะได้รับผลกระทบจาก การเก็บภาษีนำเข้าสหรัฐฯ สูงถึง 36% อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ดังกล่าวฯ ไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากบริษัทฯ มีรายได้จากการส่งออกสหรัฐฯ น้อยกว่าร้อยละ 1 ของยอดขายทั้งหมด พร้อมเดินหน้ารุกขยายการส่งออกจากเวียดนาม โดยใช้เวียดนามเป็นฐานการผลิต ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์รับมือเศรษฐกิจผันผวน พร้อมรับมือสภาวะตลาดที่ผันผวน ไม่แน่นอนและท้าทาย
นายนำพล มลิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCG Decor (SCGD) กล่าวว่า “เรามองเห็นศักยภาพการเติบโต และความสามารถการแข่งขัน ในระยะยาวของเวียดนาม ด้วยเศรษฐกิจเวียดนามที่เติบโตต่อเนื่อง โครงสร้างประชากรในวัยทำงานที่เอื้อต่อการจ้างงาน และต้นทุนการผลิตที่สามารถแข่งขันได้ในระดับโลก และยังเป็นประเทศแรกในอาเซียน ที่มีข้อตกลงทางภาษีศุลกากรของสินค้าเวียดนาม ที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ ที่ระดับ 20% ทั้งนี้ บริษัทฯ มีฐานการผลิตที่สำคัญที่เวียดนาม ในเครือ PRIME GROUP ซึ่งเป็นผู้นำตลาดกระเบื้องอันดับ 1 ของเวียดนาม โดยครองส่วนแบ่งตลาดประมาณ 20% และมีแผนขยายสู่ภาคใต้ของประเทศ โดยอาศัยความได้เปรียบ จากเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายที่แข็งแกร่ง และแบรนด์ที่ได้รับความนิยมสูง
ทั้งนี้ PRIME GROUP มียอดขาย Glazed Porcelain เพิ่มขึ้นกว่า 34% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ตลาดไทยยังชะลอตัว ทั้งยัง ได้เปรียบด้านต้นทุนพลังงาน และค่าแรงของเวียดนามก็ต่ำกว่าหลายประเทศในอาเซียน นอกจากนี้ ยังเดินหน้าลงทุนอย่างต่อเนื่อง ในพลังงานทางเลือก อาทิ ระบบ Solar และเชื้อเพลิงชีวมวล (Biomass) ซึ่งไม่เพียงช่วยลดต้นทุน แต่ยังสนับสนุนเป้าหมาย ด้านสิ่งแวดล้อมของบริษัทอีกด้วย
ปัจจุบันบริษัทฯ เดินเครื่องผลิต Glazed porcelain เต็มกำลัง และได้เริ่มขยายกำลัง การผลิตเพิ่มเติมที่โรงงาน Pho Yen โดยระยะที่ 1 แล้วเสร็จกว่า 2.5 ล้านตารางเมตร และคาดว่าจะแล้วเสร็จระยะที่ 2 อีก 2.5 ล้านตารางเมตร ภายในไตรมาส 3 ปีนี้ รวมถึงแผนพัฒนากระเบื้อง HVA และกระเบื้องขนาดใหญ่ เพื่อรองรับการขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศต่าง ๆ เช่น ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ ไต้หวัน และยุโรป ซึ่งสามารถใช้ความได้เปรียบ ด้านต้นทุนและภาษีเพื่อขยายตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกับซัพพลายเออร์ ระดับแนวหน้าเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ภายใต้ SCGD มีคุณภาพระดับโลก ซึ่งรวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์พรีเมียม ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ร่วมมือกับพันธมิตรจากยุโรป เพื่อแข่งขันกับสินค้าจากผู้เล่นระดับโลก ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมแสวงหาโอกาสใน Merger and Partnership และความร่วมมือเชิงกลยุทธ์โดยเฉพาะในเวียดนาม เพื่อขยายธุรกิจเซรามิกและสุขภัณฑ์ ให้ครอบคลุมมากขึ้นในอนาคต ทั้งนี้เชื่อมั่นว่า เวียดนามจะเป็นฐานการผลิตหลักและการส่งออก เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญ ในการรักษาความสามารถ ในการแข่งขันระดับโลก และสร้างการเติบโต ให้ธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง